ศึกรอบด้านของ 'มูรินโญ่'
เกิดเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ บางครั้งก็ต้องเจอกับเรื่องราวที่ยากลำบากแบบนี้ แน่นอน เขาคือกุนซือฝีมือดีที่มาพร้อมด้วย 'อีโก้' และความมั่นใจในตนเอง ซึ่งบางครั้งสื่อก็รู้สึกหมั่นไส้ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่หรือที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จตลอดเส้นทางอาชีพกุนซือที่ผ่านมา
ทุกวันนี้ มูรินโญ่ ต้องรับมือกับศึกรอบด้านไม่ว่าจะเป็น สื่อหรือนักวิจารณ์ของทางฝั่งอังกฤษที่คอยซ้ำเติมเวลาที่เขาพลาด รวมไปถึงการถูกโยงเข้ากับเรื่องราว 'งัดข้อ' กับบอร์ดบริหารที่ถูกโหมกระแสในช่วงที่ผ่านมา
ยังรวมไปถึงแฟนบอลที่ไม่ชอบวิธีการหรือรูปแบบการเล่น (อันนี้คงมีผลน้อย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นแฟนบอลนี่แหละที่ 'ฟัด' กันเอง) ที่ดูอึดอัดและไม่ไหลลื่นของทีม
ในมุมมของแฟนบอลนั้นต้องเข้าใจกันก่อนว่า แต่ละคนต่างมีแนวคิดและวิธีการ หรือความชื่นชอบในแบบของตนเอง การวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นได้ ซึ่งมันขึ้นอยู่กับผู้รับสารว่าจะนำคำพูด (ของแฟนบอลเหล่านั้น) มาตีความอย่างไร
บางราย 'หัวร้อน' ทั้งที่ยังไม่วิเคราะห์และแยกแยะให้ดี พร้อมกับสวนกลับไปแบบร้อนแรงซึ่งก็นำมาถึงการโต้เถียงที่ไร้เหตุผล ปุถุชนที่ถกเถียงกันด้วยเหตุผล ต้องมีคำว่า 'เปิดรับ' และ 'เคารพความเห็น' ของคนอื่น
เปิดรับ คือ ฟังมุมมองของคนอื่นๆ พร้อมเคารพกับความเห็น ซึ่งสามารถโต้แย้งได้ด้วยเหตุและผล ไม่ใช่สวนกลับไปด้วยอคติและคำด่าทอ
นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องพัฒนาและพยายามรับฟังความเห็นคนอื่นๆ เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องราวของฟุตบอล แต่มันรวมไปถึงเรื่องราวในแง่มุมมอื่นๆของสังคม ซึ่งมันสะท้อนมุมมของความคิด และการเคารพในผู้อื่นของคนนั้น
กลับมาที่เรื่องราวของ มูรินโญ่
การรับมือกับแฟนบอลคงเป็นปัญหาที่ไม่น่ากังวลใจเท่าไหร่ในตอนนี้ของ มูรินโญ่ แต่ที่น่าคิดและติดตามนั่นคือเรื่องราวของเขากับ บอร์ดบริหาร
เรื่องนี้อาจจะไม่มีอะไรในกอไผ่ หรือเป็นเพียงเรื่องราวที่สื่ออังกฤษจุดกระแสกันไปเอง แต่พอมาฟังความเห็นของ แกรี่ เนวิลล์ อดีตลูกหม้อของทีมและนักวิจารณ์จาก สกาย สปอร์ตส์ ก็พาลให้ฉุกคิดตาม
เอาเป็นว่าจะขอยกคำพูดของอดีตแบ็กขวากัปตันทีมปิศาจแดง มาทั้งหมดแล้วกัน
"ดูเหมือนว่าจะมีไม่มีการติดต่อกันระหว่าง บอร์ดบริหาร และนักเตะที่ มูรินโญ่ คิดว่าควรจะเข้ามาที่สโมสร" เฮียเนฟ ระบุในรายการ Friday Night Football
"มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะ โชเซ่ กำลังพูดถึงอิทธิพลที่ลดลงไปของผู้จัดการทีมในการเซ็นสัญญานักเตะและผู้อำนวยการกีฬา หัวหน้าทีมในการดึงนักเตะกลับมีคำพูดที่มีอำนาจมากกว่า อันที่จริงแล้วผมคิดว่านั่นคือทิศทางที่ฟุตบอลควรจะเป็นไปและโค้ชเองก็ควรมีสมาธิกับฟุตบอล"
"แต่ใครในบอร์ดบริหารกันล่ะที่กำลังบอกเขาไปว่าการเซ็นสัญญาของเขาไม่ถูกต้อง? ยูไนเต็ด ไม่มีผู้อำนวยการกีฬา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ไม่ได้เป็นที่ปรึกษาเช่นกัน"
"ประมาณ 3 หรือ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา โชเซ่ ส่งรายชื่อของเขาไปให้กับ เอ็ด วู้ดเวิร์ด จุดนั้นคือการที่เขาเข้าไปพบกับบอร์ดบริหาร ซึ่งผมมีคำถามส่วนตัวจะถามว่าเขากำลังทำอะไร แต่ในช่วงไม่กี่วันสุดท้ายผมเห็นได้ชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไร"
"ผมมองว่า เขากำลังคิดไปถึงการที่บอร์ดบริหารทำให้เขาผิดหวัง บางทีพวกเขาอาจจะกำลังคิดว่านักเตะอย่าง อีวาน เปริซิช หรือ โทบี้ อัลเดอร์แวเรลด์ แก่เกินไป แต่การที่ดึงนักเตะเข้ามา โชเซ่ ถูกดึงมาที่นี่เพื่อคว้าแชมป์ คุณไม่สามารถสร้างบ้านเพียง 3 ใน 4 ส่วนเท่านั้น คุณต้องสร้างมันให้เสร็จ คุณไม่ควรไปขัดขวางมัน"
"ตั้งแต่ที่สโมสรปลด เดวิด มอยส์ ออกไปก็เหมือนกับการพายเรือในอ่าง ตอบสนองกับหลายๆสิ่งโดยไม่มีแผนระยะยาว โชเซ่ เป็นผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยม -หนึ่งในกุนซือที่ดีที่สุดในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา- แต่คุณต้องสนับสนุนเขาในทุกๆทาง ซึ่งสำหรับมุมมองของผมในตอนนี้ดูเหมือนว่าบอร์ดบริหารจะลดการสนับสนุนลงไป"
"พวกเขาเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม และบอกว่านี่ไม่เข้ากับปรัชญาของเรา ปรัชญานั้นไม่ได้รับความนิยมแล้วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้คุณต้องจัดการกับความจริงที่ว่า ปรัชญาที่ต้องคว้าแชมป์และหยุดเส้นทางการพลาดแชมป์ที่ยาวนานลงให้ได้"
มุมมองเหล่านี้ถูกสะท้อนมาจากอดีตคนในสโมสรและผูกพันธ์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาอย่างยาวนาน
มันอาจจะไม่ถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะมาจากความเห็นของ แกรี่ แต่ก็มีมุมมองที่ชวนให้คิดตามและวิเคราะห์กันต่อไป
หากเป็นเช่นนั้นจริง ในแง่ของ 'บอร์ดบริหาร' มองนักเตะอย่าง เปริซิช และ อัลเดอร์แวเรลด์ แก่เกินไปก็น่าจะนำมาถกกันได้ต่อ เพราะอย่าลืมว่าในวัย 29 ปี ทั้งสองรายกำลังทำผลงานได้ดี และหากทีมดึงมาได้จริงๆ ทั้งสองก็คงไม่ต้องปรับตัวมากนักและสามารถใช้งานได้ทันที
ในมุมมนี้เห็นด้วยกับ แกรี่ ที่บอกว่าทีมไม่มีแผนการระยะยาวในช่วงที่ผ่านมา พวกเขาดูเหมือนอยากทวงความสำเร็จแต่กลับไม่หนุนหลังกุนซืออย่างเต็มที่เท่าที่ควร ไม่ต่างจากการคิดอีกอย่าง แต่กลับลงทำอีกอย่าง มันดูสับสนและไร้จุดหมาย
ทุกวันนี้ฟุตบอลเปลี่ยนไปจากสมัยก่อน การเสริมทีมถือเป็นจุดที่สำคัญสำหรับทีมต้องการแชมป์ การเปลี่ยนนักเตะ บรรยากาศในห้องแต่งตัว และสร้างการแข่งขันในทีมคือกุญแจสำคัญไม่ต่างไปต่างมันสมองของกุนซือและทัศนคติของนักเตะ
หากมีใครบอกว่า ปิศาจแดง 'ไม่มีเงิน' ใครจะไปเชื่อเพราะนี่คือทีมที่ร่ำรวยที่สุดทีมหนึ่งของโลกและในวงการกีฬา
การซื้อใครสักคนมาเสริมทีมไม่ใช่เรื่องยาก แต่กับการที่ไม่มีใครเข้ามาเลยหลังจากคว้านักเตะมาสามรายตั้งแต่หัววัน และปล่อยให้วันที่เหลือมีเพียง 'ข่าวลือ' ออกมา ก็ทำให้คนอื่นๆอดคิดในมุมมนั้นไม่ได้
ฝั่ง มูรินโญ่ เองก็ไม่อยากจะพูดถึงมัน พร้อมย้ำว่าหมดเวลาที่จะไปเอ่ยถึงการดึงนักเตะเพราะตอนนี้ตลาดก็ปิดลงไปแล้ว มามุ่งมั่นทำงานตรงหน้าดีกว่าซึ่งถือเป็นเรื่องราวที่สำคัญที่สุด
แต่เชื่อเถอะว่า สื่ออังกฤษจะไม่หยุดแค่นั้นและรอเวลาให้ มูรินโญ่ พลาด คำถามเหล่านั้นก็จะกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง
ไหนจะบรรดานักวิจารณ์หรืออดีตนักเตะ ปิศาจแดง ที่พร้อมจะกระทืบซ้ำ โดยเฉพาะ พอล สโคลส์ ที่วางตัวชัดเจนว่าไม่เอาวิธีการทำทีมของ มูรินโญ่ และขออยู่ตรงข้ามกับกุนซือรายนี้
ช่วงที่ผ่านมาอดีตกองกลางหัวแดงเพลิงออกมาตำหนิวิธีการเล่นของ มูรินโญ่ ตลอดโดยเฉพาะการเล่นไม่เข้ากับทีมและเป็นการลดอัตลักษณ์ของการเป็น เร้ด เดวิลส์ ลงไป
การปะทะคารมของทั้งสองฝ่ายถือว่าดุเดือดและเชือดเฉือนกัน ซึ่งนั่นถือเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่จะทำให้สื่อนำไปเล่นต่อและขยายความไปต่างๆนานา
การรับมือกับสื่อและนักวิจารณ์ถือเป็นจุดแข็งของ มูรินโญ่ เพราะเขาคือกุนซือจอมแสบฝีปากกล้าที่จะมีวิธีการตอบโต้ตามแบบฉบับของตนเอง กระนั้นหากถูกแซะถูกถามบ่อยๆ มันก็มีบ้างที่ต้องหงุดหงิดและอาจจะทำให้เสียสมาธิ รวมไปถึงกระทบไปถึงเรื่องอื่นๆเป็นทอดๆ
ช่วงที่ผ่านมา ปิศาจแดง ภายใต้การนำของ มูริรโญ่ โดนกระหน่ำตลอดว่าเล่นน่าเบื่อ และถูกกระแนะกระแหนว่าเป็น 'รถบัส'
ทางเดียวในการรับมือกับศึกที่รายล้อมอยู่ตอนนี้คือผลงานในสนาม
หากผลงานในสนามออกมาดี การโจมตีหรือเสียงวิจารณ์คงไม่มีผลอะไร และนั่นจะเป็นเกราะคุ้มกันกุนซือรายนี้ได้เป็นอย่างดี
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT