แกรี่ เนวิลล์: วันเวลาที่ผมจดจำไม่มีวันลืม (จบ)
(ต่อจากตอนที่แล้ว)
ผมมีความรู้สึกกังวลอย่างมากตลอดระยะเวลาในเส้นทางอาชีพของผม ผมเอาจริงเอาจังเสมอในช่วงก่อนลงสนาม แต่มันเป้นเรื่องยากที่จะส่งผลให้เกิดความเครียด
มี 4 เกมที่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าหลายสิ่งทำให้ผมไม่พอใจอย่างมาก
เกมแรกในเวที เอฟเอ ยูธ คัพ ที่ ซันเดอร์แลนด์ ผมกระสับกระส่ายสุดๆไปเลย แต่มันผ่านไปด้วยดี
เกมสำคัญเกมแรกของผมกับ ยูไนเต็ด คือศึก เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ กับ คริสตัล พาเลซ ที่ วิลล่า พาร์ค ผมเคยไปที่นั่นมาในปี 1983 และ 1985 เพื่อชมเกมรอบรองชนะเลิศ ดังนั้น นี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ในมุมนั้น ผ่านเกมที่เสมอ 2-2 และกำลังเล่นได้ดี จากนั้นก็เล่นได้ดีและเอาชนะในนัดรีเพลย์ นั่นคือมุมมองที่ผมคิด "ฉันอยู่ที่นั่น" ผมรู้สึกมั่นใจ
จากนั้นเป็นเกมประเดิมสนามให้ทีมชาติอังกฤษและมั่นดูน่ากังวลมาก ผมเพิ่งลงสนามให้ ยูไนเต็ด ไปเพียง 17 เกมเท่านั้น
และแน่นอนว่าเกมประเดิมสนามให้กับ ยูไนเต็ด
ผมจะได้ดีถึงการอบอุ่นร่างกายกายระหว่างเกมและกำลังคิดว่า "ว้าว" นี่คือครั้งแรกที่ผมได้ออกไปยังสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด และมีกองเชียร์มากมาย กองเชียร์มีน้อยกว่า 20,000 คน แต่ก็ยังคงมากอยู่ดี
เหลือเวลาประมาณ 5 นาที เจ้านายบอกให้ผมอบอุ่นร่างกายอีกครั้ง แต่ผมคิดไปแล้วว่าช่วงเวลาของผมผ่านพ้นไปแล้ว ผมไม่ได้คิดถึงการที่เขาจะส่งผมลงสนาม แต่ต่อมาเขาพูดว่า "นายกำลังจะได้ลง"
เมื่อคุณได้ยินเรื่องนั้นและรู้เกี่ยวกับการวิ่งต่อไป คุณเข้าไปสู่โหมดการป้องกัน
ในเกมแรกของคุณ พร้อมกับความคิดในการป้องกัน ไม่ได้คิดว่า "ฉันกำลังจะลงสนาม ทำประตูและเป็นฮีโร่" ไม่ใช่แบบนั้น คุณกำลังคิดว่า "ห้ามประมาท"
เป็นแบบนั้น ในฐานะกองหลัง ถ้าคุณผ่านบอลได้ดีและไม่สร้างความผิดพลาดในการป้องกัน คุณก็จะมีเกมที่ดี
ปัจจุบันคุณอาจจะต้องการ 10 แอสซิสต์และทำ 3 ประตูต่อ 1 ฤดูกาล แต่ย้อนกลับไป ในฐานะกองหลัง งานของคุณคือการผ่านบอลที่ดีไปยังแนวรุก ผ่านบอลที่ดีไปให้กองกลาง ห้ามสร้างความผิดพลาด
นั่นคืองานของผม จัดการ, สื่อสาร ทำหลายสิ่งแบบง่ายๆ คุณต้องคิดไปด้วยว่า ถ้าคุณจับบอล คุณต้องทำให้มั่นใจว่ามันเป็นการผ่านบอลที่ดี
ห้ามปล่อยตัวประกบ ห้ามแพ้ ห้ามทำให้เสียจุดโทษ ห้ามทำเรื่องงี่เง่า เพียงแค่อย่าประมาท
ผลงสนามไปแทน ลี มาร์ติน และลงไปเสริมบริเวณด้านหลังของ อังเดร แคนเชลสกี้ มันไม่ใช่ปัญหาในการเริ่มด้วยการอยู่ข้างหลังเขา เขาเป็นคนน่าตื่นเต้น
สิ่งที่ผมพบเจอตลอด 20 เกมแรกกับ ยูไนเต็ด คือ อังเดร เป็นคนที่ดีมากๆ ทีมส่วนมากจะส่งปีกซ้ายให้เล่นเป็นแบ็กซ้ายคนที่ 2 นั่นทำให้งานของผมง่ายกว่าเดิม
หลายครั้งที่ผมกำลังลงสนามโดยที่ไม่ต้องดวลกับปีกซ้าย เพราะพวกเขาส่งแบ็กซ้าย 2 รายลงไปดวลกับ อังเดร
หลังจากนั้นผมมี เบ็คส์ ที่ยืนอยู่ข้างหน้าผม ดังนั้นพวกเขาต้องหยุดการครอสของเขา นั่นหมายถึงว่าปีกซ้ายต้องลงไปต่ำอีกครั้ง
จากนั้นเมื่อคุณเล่นร่วมกับ โรนัลโด้ จะมีแบ็กซ้าย 2 รายตามประกบเขาไม่แปลกใจเลยที่ผมเล่นได้เกือบ 20 ปี
ผมคิดเช่นกันว่าพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ต้องการถอยลงมาเช่นกัน ดังนั้นผมจึงจัดการในทิศทางอื่นๆเสมอ!
ในเกมประเดิมสนามของผม ไม่มีเวลาให้สิ่งเหล่านั้น
จำได้ว่า เกมประเดิมสนามของผมคือการทุ่มบอล ดังนั้นผมทุ่มบอลลูกนี้ให้สูงขึ้นไปในสนาม ในนาทีสุดท้าย
อย่างไรก็ตามผมเป็นคนทุ่มบอลได้ไกล แม้ว่าในตอนหนุ่มๆผมจะทำได้ไกลกว่านี้ ผมสามารถทุ่มบอลเข้าเขตโทษได้เลย ถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด จะเป็นสนามที่ใหญ่ ผมทุ่มเข้าไปในเขตโทษได้แต่มันก็ไม่มีอะไร
หลังจบเกมผมเข้าไปในห้องแต่งตัว ผู้จัดการทีมเข้าไปหา แกรี่ พัลลิสเตอร์ คนเดียว เขาเริ่มต่อว่า "นายไม่เคยไปดูเกมของทีมเยาวชนเลยหรือไง? แกมันน่าขายหน้า ไปดูเกมของทีมเยาวชนและแกจะรู้ว่าเขาทุ่มไกลกัน"
"สกอร์ 0-0 ในนาทีสุดท้ายที่ดวลกับ ตอร์ปีโด มอสโก และแกไปอยู่ที่เส้นกลางสนาม"
ผมรู้สึกอึดอัดจริงๆ ไม่ต้องสงสัยว่าผมกำลังพึมพำ ผมตายตาหลับที่ได้ลงเล่นให้ ยูไนเต็ด นั่นคือความฝันตั้งแต่อายุ 4 หรือ 5 ขวบ
ผมจำได้ว่ากำลังมองพ่อของผมหลังจากจบเกมและมันเป็นช่วงเวลาที่ภาคภูมิใจอย่างแท้จริง เขาพาผมกลับบ้านและผมนอนไม่หลับเลย อะดรีนาลีนยังคงสูบฉีดต่อไป
ตอนนั้นผมยังนอนร่วมกับน้องของผม จริงๆแล้วการคุยกับเขาน่าจะทำให้ผมหลับ ผมน่าจะพูดไปว่า "ฟิล แสดงความเห็นเกี่ยวกับการทุ่มของฉันหน่อยสิ"
นั่นอาจจะเป็นวิธีที่ได้ผล!
ช่วงเวลา 10 ปีแรกในเส้นทางอาชีพของผม ผมไม่สามารถข่มตาหลับได้เลยหลังจบเกม เป็นไปไม่ได้
คุณอาจจะนอนหลังตอนตี 3 หรือ ตี 3 ครึ่ง ไปจนถึงตี 5 ครึ่ง เมื่อคุณลงสนามเสร็จไปแล้ว
ไม่ใช่แค่ผม มันเป็นเรื่องปกติ ตอนที่ผมอายุได้ 26 หรือ 27 ผมเดินทางไปในเมือง ผมและ กิ๊กซี่ เคยออกไปเพื่อดื่มเบียร์ 2 แก้ว หลังจากจบเกม 2 แก้วตามที่พวกเราได้รับอนุญาต
"ทำตัวให้ผ่อนคลาย แล้วมันจะทำให้นายนอนหลับ" เขาเคยพูดไว้แบบนั้น
ต้องบอกว่ามันได้ผล เบียร์ 2 ขวด หลังจบเกมเราเคยไปที่ ชูการ์ เลาน์จ เพื่อดื่มเบียร์ 2 ขวด หลังจากนั้นกลับไปที่ No.1 Deansgate และเริ่มนอนหลังจากลงสนามไป ผมเข้าใจว่าทำแบบนั้นมา 10 ปี
หลังเกมประเดิมสนามของผม ผมยังไม่ประสีประสา ดังนั้นผมได้กำหนดในเรื่องนั้น ย้อนกลับไปในใจของผมว่าฝันของตัวเองเป็นจริง แต่ 4 วันต่อมาผมกำลังลงสนามให้กับทีมชุด เอ ดวลกับทีมสำรองของ เชสเตอร์
ผู้จัดการทีมเชี่ยวชาญในการให้กำลังใจ แต่ก็ทำให้มั่นใจอย่างรวดเร็วว่าคุณไม่ได้คิดเกินไปกว่าตัวคุณเอง
สัปดาห์หลังจากการประเดิมสนาม เบ็คส์ ก็ได้โอกาสในเกมกับ ไบรท์ตัน ผู้จัดการทีมเอาผมออกจากทีมและผมไม่พอใจมาก ประหลาดใจว่าทำไม
นักเตะเยาวชนเข้าๆออกๆทีมชุดใหญ่เสมอ ซึ่งผมคิดเสมอว่ามันเป็นบททดสอบสำคัญ เขานำคุณขึ้นมาแต่หลังจากนั้นนำคุณกลับลงไปอย่างรวดเร็ว
มันเป็นไปในทิศทางเดียวกับ เอริค แฮร์รีสัน ในทีมเยาวชน นั่นคือคติของ เอริค: ทำให้แข็งแกร่งขึ้น ฉันเอาแกออก แล้วไง? ฉันเขาเขาออกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาไม่ได้บ่น จงก้าวเดินต่อไป จงแข็งแกร่งขึ้น
น็อบบี้ ก็เช่นเดียวกัน คิดโด้ (ไบรอัน คิดด์) เป็นอีกหนึ่งคนที่ทำให้คุณรู้สึกสูงขึ้นไป 10 ฟุตกับการให้กำลังใจของเขา แต่ว่าเขาไม่ชอบให้บินสูงก็ตาม เขารู้เพียงแค่ว่าช่วงเวลาไหนที่เหมาะสมในการทำให้คุณรู้สึกดีกว่าเดิม
คำหนึ่งที่คุณต้องการจาก เอริค หรือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือ "ทำได้ดี ไอ้หนู" เมื่อคุณได้ยินคำนั้น คุณจะคิดว่า "ฉันทำได้ดีแล้ว"
การยกย่องจากผู้จัดการทีมทำให้คุณรู้สึกดีแบบเหลือเชื่อ แต่คุณต้องทราบด้วยเช่นกันว่าเขาอาจจะหัวเสีย ผมเคยเห็นเขาตำหนิ พัลลี่ อย่างรุนแรง หลังจบเกมนัดแรกกับ ตอร์ปิโด มอสโก แต่เรื่องนั้นไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบหลังจบเกมนัดที่ 2
ตอนนั้น ผมรับค่าเหนื่อย 29.50 ปอนด์ต่อสัปดาห์ พร้อมดับโบนัส 10 ปอนด์ นั่นคือสิ่งที่พวกเราทุกคนได้รับ
เบ็คส์, บัตตี้, ผม พวกเราทุกคน ไม่มีใครที่แตกต่างจากกัน เบ็คส์ นั่งในม้านั่งสำรอง, บัตตี้ นั่งในม้านั่งสำรอง หากเราลงเล่นทั้ง 2 เกมและผ่านเข้ารอบ มันจะเป็นเงินโบนัส 2,000 ปอนด์ต่อนักเตะ 1 คน
ถ้าหากเราลงสนาม 1 เกมแต่ไม่ผ่านเข้ารอบ มันจะเป็นเงินจำนวน 1,500 ปอนด์ และเป็นเงินจำนวน 1,000 ปอนด์ หากคุณอยู่ในทีม
ดังนั้นพวกเราจึงเดินทางไปยัง มอสโก ในเกมนัดที่ 2 และพวกเรานั่งในม้านั่งสำรอง มันจบลงด้วยสกอร์ 0-0 อีกครั้ง ซึ่งต้องดวลจุดโทษตัดสิน
พวกเราได้เงิน 3,500 ปอนด์ในการดวลจุดโทษ
ผมได้ 1,500 ปอนด์ ส่วน เบ็คส์ กับ บัตตี้ ได้ 1,000 ปอนด์ เราคิดกันว่า "ช่างผลการแข่งขัน นี่คือค่าเหนื่อยถึง 40 สัปดาห์เลยนะ!"
พวกเรากำลังจะออกรถหลังจากกลับไปที่ แมนเชสเตอร์ เราออกนำ 2-0 หลังจาก ตอร์ปิโด พลาดจุดโทษ 2 ลูกแรก ... แต่พวกเราก็ยังแพ้!
บรูซซี่, ช็อกกี้ และ พัลลี่ ต่างยิงพลาดหมด เป็นการยิงจุดโทษที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น
หลังจากนั้นในห้องแต่งตัว พวกเราทั้ง 3 คนนั่งร้องไห้ตรงมุมห้องเพราะพวกเราสูญเสียเงินไป 3,500 ปอนด์ ที่ ตอร์ปิโด มอสโก ผมเสียรถ เปอโยต์ จีทีไอ และผมคิดว่า เบ็คส์ กำลังจะสั่ง มาเซราติ มาขับ
ในวันนี้ บรูซซี่, ช็อกกี้ และ พัลลี่ เป็นหนี้รถพวกเรา
จากนั้นเจ้านายเข้ามายังห้องแต่งตัว และมันเหมือนสงครามโลกครั้งที่ 3 เขาโจมตีไปที่ 3 คนนั้น ตำหนิเกี่ยวกับการยิงจุดโทษ ร็อบโบ้ เดินเข้ามา คนอื่นๆเริ่มเข้ามา ตอนนั้นเจ้านายไม่มีท่าทีว่าจะสงบลง และด้วยความสัมพันธ์ที่เขามีกับนักเตะเหล่านั้น เขาสามารถใส่เต็มที่ไปยังนักเตะได้
ถ้านักเตะเหล่านั้นเริ่มสาวหมัด เราจะอยู่ในปัญหา พวกเขากำลังขาดสติ
ในช่วง 2-3 ฤดูกาลต่อจากนั้น ผมเห็นมันเกิดขึ้นมากกว่าเดิม ผมจำได้ว่าเขาหัวเสียอย่างมากในเกมกับ แบล็คเบิร์น ในตอนที่เราแพ้ 0-2 ซึ่งเกมนั้น เชียเรอร์ ทำคนเดียว 2 ประตู จากนั้นในเกมกับ ลิเวอร์พูล ที่พวกเรานำ 3 ประตูแต่กลับจบลงด้วยผลเสมอ ยังมีเกมที่บุกไปแพ้ บาร์เซโลน่า 0-4
คุนเห็นเรื่องนี้และคิดว่า 'อะไรที่ทำให้พวกเรามาอยู่ที่นี่?'
นั่นคือทุกส่วนของเรื่องทั้งหมด มันเป็นเหมือนฝัน ในความเป็นจริง ผมมาไกลจนกว่าที่จะพูดว่ามันจริง ผมไม่คิดว่าการเล่นฟุตบอลให้ ยูไนเต็ด นั่นเป็นเรื่องจริง คุณออกไปและยืนในอุโมงค์ และคุณกลายเป็นบางสิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ธรรมดา
มันเป็นบางสิ่งที่นักเตะเหล่านั้น เมื่อพวกเขาเลิกเล่นไป พวกเขาพยายามทำแบบเดิม พวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันคือ อะดรีนาลีน เสียงร้อง บางสิ่งที่เข้ามาสู่ตัวคุณและคุณคิดเพียงแค่ว่า
"นี่ นี่มัน ... วิเศษไปเลย"
และคุณไม่มีวันลืมถึงวินาทีแรกที่คุณรู้สึกเช่นนั้น
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT