:::     :::

บทพิสูจน์ 'กึ๋น' โซลชา

วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
4,136
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ดูเหมือนว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุค โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะชอบกับการเล่นนอกรังเสียเหลือเกินเพราะนัดที่ผ่านมาก็เพิ่งบุกเมืองหลวงไปเอาชนะ คริสตัล พาเลซ มาได้

นี่คือเหยื่อจาก ลอนดอน รายที่ 5 ที่โดน ปิศาจแดง ภายใต้การนำของ โซลชา บุกกระทุ้งคารัง โดยก่อนหน้านี้มีทั้ง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์, อาร์เซน่อล, ฟูแล่ม และ เชลซี ที่เป็นผู้ถูกกระทำชำเรา

นอกจากจะเป็นการคว้าชัยที่สวยงามมันยังกลายมาเป็นสถิติของสโมสรด้วยการคว้าชัยเกมเยือนได้ 8 เกมติดต่อกัน ซึ่งเกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น

ไม่แปลกที่จะบอกว่า ผีแดง ยุค 'โอเล่' ชอบหลอกคนข้างนอกมากกว่าในบ้าน แถมยังทำผลงานได้ดีชนิดที่ต้องยกนิ้วให้

ยิ่งดูจากสภาพทีมในนัดที่ผ่านมาต้องบอกว่า 'หนักหนาสาหัส' เพราะบรรดาแกนหลักต่างนัดกันเจ็บระนาวและต้องไปนอนคุยกับแพทย์เป็นงานอดิเรก

อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, เจสซี่ ลินการ์ด, ฆวน มาต้า, อันเดร์ เอร์เรร่า, เนมานย่า มาติช, ฟิล โจนส์, อันโตนิโอ วาเลนเซีย และ มัตเตโอ ดาร์เมียน ต่างโดนโรคเดี้ยงเล่นงาน

คงไม่เกินเลยไปหากบอกว่า 'อาจจะ' มีความกังวลเล็กน้อยภายในใจสาวกปิศาจแดงก่อนลงสนามที่ เซลเฮิร์สต์ พาร์ค เพราะจากปัจจัยทั้ง นักเตะบาดเจ็บ และ ผลงานของ คริสตัล พาเลซ (ไม่แพ้ใคร 6 เกมก่อนดวล ผีแดง)ทำให้บรรดากูรู ฝั่งอังกฤษมองว่า โซลชา ต้องเจอ 'ของจริง' อย่างแน่นอน




แต่ผลงานในสนามกลับคลายความกังวลของแฟนบอลและเพิ่มความมั่นใจมากขึ้นหลังจากเวลาค่อยๆดำเนินผ่านไป

นัดล่าสุด โซลชา ปรับการเล่นพอสมควร ทั้งจากปัจจัยนักเตะบาดเจ็บและผู้เล่นที่ลงสนาม โดยเฉพาะ ปอล ป็อกบา ที่ถูกโยกไปยืนในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางทางขวา เพราะเกมดังกล่าวมี เฟร็ด ลงมาประจำการแทน รวมไปถึง สกอตต์  

แม็คโทมิเนย์ ที่ทำหน้าที่แทน เนมานย่า มาติช ได้อย่างเนียนตา

แดนกลางถือว่าเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของ โซลชา เพราะเขาลั่นว่าวาจาแล้วว่าจะเป็นพื้นที่ที่ ป็อกบา ได้โชว์ผลงาน และเกมที่ผ่านมาก็แสดงอีกครั้งว่ากองกลางชาวฝรั่งเศสพร้อมถวายหัวเพื่อรับใช้เจ้านายอย่าง 'โอเล่' เต็มความสามารถ

ไม่มีอิดออด หรือท่าทางไม่พอใจ จะมีเพียงผลงานในช่วงครึ่งแรกที่ยังไม่เนียนตา แต่โดยรวมถือว่า ป็อกบา ทำได้ดีเมื่อต้องถูกจับไปเล่นในพื้นที่อื่นๆ 

จะมีเพียง เฟร็ด ที่ยังดูเก้กัง ขาดๆเกินๆ ซึ่งจุดนี้พอเข้าใจได้เพราะเขาร้างสนามไปนานทำให้การจับจังหวะยังไม่เข้าที่เข้าทาง ต่างจากเจ้าหนู สกอตต์ ที่นิ่งเกินวัยและทำหน้าที่ข้างหน้าปราการหลังตัวกลางได้อย่างยอดเยี่ยม




แนวรับ ... ผลงานของ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ยิ่งเล่นยิ่งดีและยิ่งแข็งแกร่งทำให้แฟนบอลลืมภาพสมัยออกลูกเหวอในเกมกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ เมื่อซีซั่นที่แล้วไปเสียหมด ไม่ว่าจะจับคู่กับใคร (สมอลลิ่ง, โจนส์ หรือ ไบญี่) เขาสามารถงัด ศักยภาพที่ดีออกมาให้กับทีม และที่สำคัญเขากล้าที่ครองและพาบอลขึ้นมา ซึ่งนั่นเป็นอีกหนึ่งอาวุธเด็ดของกองหลังรายนี้

วิงแบ็กเองก็เจองานหนักโดยเฉพาะ แอชลี่ย์ ยัง ที่ต้องขอบ่นหลังจบเกมว่าเหนื่อยมากกับการตามประกบ วิลฟรีด ซาฮา 

แน่นอนว่า อ.ยัง มีจังหวะพลาดที่ไม่น่าให้อภัยในจังหวะเสียประตู แต่เขากลับมาแก้ตัวในจังหวะยิงประตูปิดกล่องซึ่งก็ถือว่า 'เจ๊า' กันไปก็แล้วกัน

คนที่ต้องชมอย่างมากคือ ลุค ชอว์ ที่โดนแซวว่าคงได้ยาดีจาก อันเดร์ เอร์เรร่า เพราะแบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษวิ่งขึ้นลงชนิดที่ 'ม้า' ยังอาย ทั้งเติมเกมปิดตัวประกบแถมยังมีส่วนกับการได้ประตู เรียกว่าหากไม่มี โรเมลู ลูกากู ก็คงเป็น ชอว์ นี่แหละที่เหมาะกับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์

ผลงานที่ดีของ ชอว์ เกิดจากรูปแบบการเล่นที่ โซลชา ออกมาเผยเองว่าตนเองพยายามเน้นให้ ชอว์ เติมเกมถี่ขึ้น เพราะกุนซือชาวนอร์เวย์มองเห็นถึงความสำคัญอยู่ 3 ประตู คือ 

หนึ่ง เป็นการขึ้นไปกดดันแนวรับของ พาเลซ ไม่ให้เติมเกมขึ้นมา 

สอง เป็นการเล่นในลักษณะวิงแบ็กที่เติมสุดลงสุดเนื่องจากนัดที่ผ่านมา โซลชา พยายามสั่งให้ อเล็กซิส ซานเชซ หุบเข้าในมากขึ้นเพื่อไปประสานงานกับ ลูกากู 

และ สาม จุดนี้ โซลชา มองว่าเพื่อเป็นการปลดล็อกศักยภาพและดันให้ ชอว์ ก้าวไปในอีกระดับหนึ่งของการเล่น

เราจึงได้เห็นการห้อตะบึงขึ้นลงไปมาของ ชอว์ พร้อมกับผลงานที่แฟนบอลต้องยกนิ้วให้ทุกคน




โดยรวมถือว่าผลงานของนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้ดีเกินคาดหากมองถึงความพร้อมของนักเตะที่มีให้ใช้งาน

ชัยชนะช่วยให้ทีมคลายความกังวล แต่มันคงไม่นานเพราะเกมนัดต่อไปใกล้เข้ามาทุกขณะ และปัญหาสำคัญคืออาการบาดเจ็บและล้าของนักเตะ ซึ่งนี่จะเป็นการวัด 'กึ๋น' ของ โซลชา เลยว่าจะทำได้ดีเพียงใดในช่วงที่ทีมเจอ 'วิกฤติ' แข้งเดี้ยง

เกมต่อไปรับมือ เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งถือว่าสำคัญเพราะตอนนี้ชัยชนะมีความหมายถึงการขยับเข้าไปในพื้นที่ 'ท็อป 4'

ยิ่ง 3 เกมหลังจากนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเกมที่ห้ามพลาด ทั้งการออกไปเยือน ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ที่ถูกทองว่าโอกาสพลิกเข้ารอบริบหรี่เพราะเกมแรกโดนคารังมาก่อน 0-2 แต่ โอเล่ ยังคงแสดงให้เห็นถึงความหวังและมุ่งมั่นเต็มที่

หลังจากนั้นต้องเจองานหนักขึ้นไปอีกเพราะมีศึก 'ท็อป 4' อ้าแขนรอนั่นคือการบุกไปเยือน อาร์เซน่อล ที่ เอมิเร็ตส์ และต่อด้วยศึก เอฟเอ คัพ กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน




เสียงค่อนขอด ดูหมิ่น หรือไม่วางใจยังคงลอยเข้าหู แม้ว่า โซลชา จะพาทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมก็ตาม

ไม่ใช่เรื่องแปลกใจอะไรกับเสียงนกเสียงกาที่จะลอยตามลม เพราะไม่ว่าใครก็ตามย่อมมีคนรักและคนชัง โดยเฉพาะในวงการฟุตบอลที่แต่ละคนมีความคิดแตกต่างกันไป

สิ่งที่ โซลชา ทำได้คือเดินหน้ามุ่งมั่นทำงานและผลักดัน ปิศาจแดง ทีมนี้ให้เดินหน้าไปยังจุดหมายที่วางไว้

เพราะสิ่งที่จะปิดปากคนเห็นต่างหรือฝ่ายที่พยายามจับผิดได้คือผลงานที่พิสูจน์ออกมาแล้วว่าทำได้จริง และเห็นผลชัดเจน

ด้วยปัจจัยที่ถือว่าส่งผลกับทีมอย่างชัดเจนนั่นคือการหายไปของบรรดาแกนหลัก นี่จะเป็นช่วงเวลาพิสูจน์ 'กึ๋น' และ แท็คติก ของกุนซือนาม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

ช่วงเวลาที่จะพิสูจน์ว่าถึงทีมจะพิการและไม่พร้อมรบเพียงใดแต่เขาก็จะพยายามและพร้อมผลักดันทีมให้เดินหน้าต่อไปด้วยนักเตะที่มี

สิ่งเหล่านี้จะพิสูจน์ออกมาจากผลงานในสนาม และนั่นคือคำตอบที่ดีที่สุดว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เหมาะสมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือไม่




คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด