:::     :::

ผีโลงแตก

วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2560 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
5,178
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แล้วก็มาจนได้กับวันที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปราชัยหนแรกของฤดูกาล


คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่สโมสรหนึ่งจะปราชัยในการแข่งขัน เพราะฟุตบอลสมัยนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

แต่สิ่งที่ต้องบอกว่า เสียหมา, เสียหน้า และ เสียความรู้สึกของแฟนบอลผีหลายคน คือดันเป็นการแพ้ให้กับทีมที่ชื่อ ฮัดเดอร์สฟิลด์

เชื่อว่าตั้งแต่หลังจบเกมไล่ยาวไปถึงเช้าวันถัดไปต่อยอดไปถึงวันทำงาน แฟนผีทั้งหลายคงโดนล้อกันสนุกปาก 

ยิ่งมาดูรูปเกมแล้วยิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่ จากทีมที่เล่นได้ดุดัน มั่นใจ และคงเส้นคงว่ากลับเริ่มค่อยๆ ระส่ำ และทรุดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ส่วนหนึ่งที่คงต้องบอกว่าเป็นสาเหตุหลักคงหนีไม่พ้นอาการบาดเจ็บที่เล่นงานนักเตะ ปิศาจแดง กันอยู่ในตอนนี้

อย่างที่ทราบกันดีก่อนเกม บรรดาแกนหลักหายหน้าไปเยอะโดยเฉพาะแดนกลางที่เหลือให้ใช้งานจริงๆแค่ 2 ราย ไหนจะ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ ฟิล โจนส์ ที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ 

รายหลังนี้จำเป็นต้องถูกเข็นลงสนามในทันทีที่สภาพความฟิตและร่างกายยังพอรับไหว แต่มาเจอเกมหนัก-บดบี้ ของ ฮัดเดอร์สฟิลด์ และด้วยจังหวะในเกมที่พลาดเพียงนิดเดียวทำให้กองหลังทีมชาติอังกฤษต้องโดนถอดออกไป

นั่นถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของเกมที่ทำให้ ยูไนเต็ด ปราชัยในนัดล่าสุด

อีกหนึ่งจุดที่มีส่วนสำคัญคือ เนมานย่า มาติช ถูกประกบแจและโดนกองกลางฝ่ายตรงข้ามสลับกันมาปิดทางลำเลียงบอลไปข้างหน้า แม้สถิติจะระบุว่ากองกลางชาวเซิร์บผ่านบอลมากกว่าร้อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่มันคือการผ่านไปมาในแดนตนเองเสียมากกว่า และเมื่อพยายามถ่ายบอลไปข้างหน้าก็มักจะมีสิ่งกีดขวางเสมอ

จุดนี้ต้องยกนิ้วให้ เดวิด ว้ากเนอร์ กุนซือจอมแท็กติกของ เดอะ เทอร์เรียร์ส ที่ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีและมองวิธีการเล่นของ มาติช แบบทะลุปรุโปร่ง อีกทั้งยังสั่งให้แดนกลางเล่นอย่างมีวินัยและคอยกดดันยามที่ มาติช ได้บอล

มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หาก ป็อกบา หรือ เฟลไลนี่ คนใดคนหนึ่งพร้อมลงสนาม แดนกลางของทีมคงมีตัวเลือกและสามารถลดภาระของ มาติช ลงไปได้มากโข





นอกจากนี้ โรเมลู ลูกากู ก็ถูก คริสโตเฟอร์ ชินด์เลอร์ ตามประกบติดแจจนทำอะไรไม่ออกในช่วง 70 กว่านาที

แนวรุกเองก็ไม่สามารถทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน สิ่งนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เกมกับ ลิเวอร์พูล ที่ดูติดๆขัดๆ และไม่สามารถเชื่อมต่อกันเหมือนนัดก่อนหน้านี้ (มันดูสะเปะสะปะ ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน)

จากทีมที่เล่นเกมรุกดุดัน ต่อเกมสนุกและจบสกอร์ได้เฉียบขาด ทว่า สิ่งนี้กลับหายไปอย่างสิ้นเชิงในนัดล่าสุด

กระนั้นแฟนบอลผีแดงส่วนใหญ่คงมองว่าสาเหตุทีมที่แพ้มาจากชายสองคนที่ชื่อว่า ฆวน มาต้า และ
วิคตอร์ ลินเดเลิฟ

อืม ... อันนี้มันชัดเจนอยู่แล้ว เพราะจากจังหวะพลาดเพียงสองหนในเกมก็นำมาซึ่งสองประตูของ ฮัดเดอร์สฟิลด์ (ซึ่งต้องบอกว่ามันไม่สมควรที่จะเสียเลยจริงๆ)

ตามหลังสองประตู - คู่แข่งมั่นใจขึ้น - ดุดันกว่า - และที่สำคัญกลับเป็น ยูไนเต็ด เองที่หมดและหายไปเสียดื้อๆ แม้ว่าท้ายครึ่งหลังพยายามจะเร่งเครื่องขึ้นมาแต่ก็บิดไล่ไม่ทัน

จะว่าไงดีหล่ะ หลังจบเกม ... อารมณ์ต่างๆยังคงสับสนปนเป แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงคาใจคือ - นี่หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยเห็นเมื่อต้นซีซั่น?

ทุกสิ่งที่แสดงออกมาในนัดนี้มันแตกต่างออกไปชัดเจน ทั้งวิธีการเล่น, หัวจิตหัวใจ และความดุดัน มันหายไปจนหมดสิ้น

กลับเป็น ฮัดเดอร์สฟิลด์ ที่ยิ่งเล่นยิ่งคึก ได้ประตูแล้วมั่นใจ ทุกคนเล่นเพื่อชัยชนะ

หลายสิ่งยังคงสับสนวุ่นวายอยู่ในความคิด และมองย้อนกลับไปยังเกมที่ จอห์น สมิธ สเตเดียม





โชเซ่ มูรินโญ่ พยายามปรับทัพและวิธีการเล่นในครึ่งหลัง เฮนริค มคิทาร์ยาน และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ถูกส่งลงสนาม พร้อมกับปรับการยืนเป็น 3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ด้วยการถอย อันเดอร์ เอร์เรร่า ลงไปยืนทางขวา

เจ้าถิ่นเองก็ทราบว่าครึ่งหลังจะเจอกับอะไร เดวิด ว้ากเนอร์ สั่งลูกทีมลงรับลึก 11 ตัว โดยมี โลร็องต์ เดอป๊วตร์ ห้อยหน้าคนเดียวเพื่อคอยตามไปป่วน ลินเดเลิฟ จากจังหวะลูกสาดโด่งยาว

ยูไนเต็ด ครองเกมได้เบ็ดเสร็จ มีบ้างที่โดนโต้ แต่พวกเขายังคงสามารถจัดการกับมันได้ แต่สิ่งที่ขาดหายไปและเป็นสิ่งทุกคนต้องการมากกว่าการครองบอลคือจังหวะจบแบบจะแจ้ง 

หากไม่นับลูกยิงของ โรเมลู ลูกากู ในต้นครึ่งแรก รวมไปถึงจังหวะหวดของ มาติช ช่วงทดเวลาก่อนพักเบรก แทบจะไม่มีโอกาสให้เสียวไส้

45 นาทีหลังกว่าจะมีโอกาสเกร็งตูดต้องรอถึงนาที 75 นาที ทว่า ลูกโขกของ เอร์เรร่า ดันกดบอลไปติดเซฟ โยนาส โลสเซิ่ล

แม้จะแก้คืนมาได้หนึ่งลูกจากแรชฟอร์ด และเกือบตีเสมอจาก สมอลลิ่ง แต่ก็ได้เท่านั้น

ในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นใจอะไรก็ดูแย่ไปหมด โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ยอมรับการสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งเขาบอกว่าไม่ขอโทษใครเพราะเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาทุกคนทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานทุกคน




ใช่ ... จะให้ไปโทษใครล่ะ มาต้า? ลินเดเลิฟ? มูรินโญ่? ก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา ทุกคนล้วนแล้วแต่ผิดหวังกับผลการแข่งขัน ผิดหวังกับความพ่ายแพ้หนแรกในฤดูกาล

ใช่ .... ในวันที่ทุกคนผิดหวังการหาที่ระบายอารมณ์คงเป็นเรื่องที่ทำได้ดีที่สุดที่จะเอาสิ่งอัดอั้นในใจออกมาให้หมด 

ใช่ ... การหาแพะสักรายสองรายทำได้ง่ายๆ เพราะมันเป็นเหมือนการระบายอารมณ์ที่ไม่พอใจของแฟนบอล แต่ถ้าลองมาคิดดูดีๆแล้วล่ะก็ เราจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร เชียร์ได้ ด่าได้ โมโหได้ แต่ก็ควรจะอยู่ในขอบเขตของเหตุผลไม่ใช่สักแต่จะด่า ... 

ทุกสิ่งต้องดำเนินไปข้างหน้า เกมที่ จอห์น สมิธ เป็นอดีตไปแล้ว และมันจะถูกจารึกว่าเป็นการปราชัยของ ยูไนเต็ด ไม่เปลี่ยนแปลง

สิ่งหนึ่งที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนคือจุดอ่อนของทีมที่ยังต้องไปแก้ไข ซึ่งมันคงต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะส่วนหนึ่งมาจากปัญหาบาดเจ็บ คงไม่สามารถไปเร่งพวกที่ยังเดี้ยงให้กลับมาได้

อีกสิ่งหนึ่งที่หายไปคือ บุคลิกของทีมที่เคยมี ความกระหายและความเร่าร้อนที่ดูเหมือนเหือดแห้งไปตามสายฝนของบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา

"หากผมไม่ใช่ผู้จัดการทีม แต่เป็นแฟนบอลยูไนเต็ดที่ตามเชียร์มาตั้งแต่ต้น ผมคงไม่พอใจอย่างมากกับสิ่งที่ได้เห็นในวันนี้"

"ผมคิดว่าคุณสามารถแพ้ได้ เพราะคู่แข่งดีกว่า แต่คุณไม่สามารถแพ้ด้วยทัศนคติที่แย่กว่าหรือ คู่แข่งแสดงมันออกมาได้ดีกว่า ดังนั้นผมจึงไม่พอใจจุดนี้"

นี่คือการบ้านที่ มูรินโญ่ และ นักเตะทุกคนในทีมคงกลับเอาไปนอนคิด ถึงสิ่งที่ผิดพลาดจากเกมนัดล่าสุด

ทัศนคติที่หายไป ... หรือจะเป็นอย่างที่บอกเพราะสายฝนทำให้ความเร่าร้อนที่เคยมีมอดดับไปด้วย

บทเรียนที่ได้รับคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สามารถเอาไปเป็นเครื่องเตือนสติ และใช้ศึกษาถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น

แม้มันจะเป็นบทเรียนราคาแพง แต่มันก็ช่วยเตือนสติของทุกคนได้เป็นอย่างดี

"ไม่มีเกมไหนในพรีเมียร์ลีก เป็นเกมที่ง่าย"

เกมล่าสุดเป็นเครื่องยืนยันคำพูดของ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้เป็นอย่างดี

หนึ่งเกมผ่านพ้นไป ชีวิตต้องเดินหน้าฝ่าฟันกับอีกหลากหลายเส้นทางที่ทอดยาวตรงหน้า

อยู่ที่ว่าเราจะสามารถเดินหน้าและกลับมายังเส้นทางได้หรือไม่

... ต้องคอยติดตาม



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})