งานหนักของ โซลชา
หลากหลายเหตุผลถูกยกมาอ้างอิง แต่ละคนมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากนัดล่าสุด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือระบบการเล่นที่โดนโจมตีพอสมควร
หลังจากใช้งาน 'แบ็กโฟร์' มาโดยตลอด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดภายใต้การนำของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ปรับทีมด้วยการเล่นกองหลัง 3 ราย
ทุกอย่างคงไม่เป็นปัญหาหากผลการแข่งขันเป็นไปตามที่ต้องการ แต่ด้วยความปราชัยมันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกโจมตี
ตลอดช่วง 20-25 นาทีแรก ปิศาจแดง ทำได้ดีกว่าชัดเจนและมีโอกาสขึ้นนำมากกว่า 2 ประตู แต่ด้วยการจบที่ไม่เด็ดขาด และการพลาดแบบไม่น่าให้อภัยของ เฟร็ด นำมาซึ่งประตูตีเสมอและรูปเกมก็เปลี่ยนไปทันตา
แม้ช่วงต้นครึ่งหลังลูกทีมของ โซลชา จะทำได้ดีอีกครั้ง แต่ผลจากการโดนไล่ออกของ แอชลี่ย์ ยัง ที่เกมนี้โดนหุบไปเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟร่วมกับ คริส สมอลลิ่ง และ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ รวมไปถึงความผิดพลาด (อีกครั้ง) ในแนว รับ ส่งผลให้ ปิศาจแดง ต้องออกมาจาก โมลีนิวซ์ ในฐานะคนแพ้
จะว่าไปแล้วบทเรียนที่ผ่านมาเคยเกิดขึ้น สถิติในการเล่นในระบบ 3-5-2 6 ครั้งที่ผ่านมาจบไม่ส่วนเลยเพราะทีมแพ้ไป 4 เสมอ 2 แถมค่าเฉลี่ยยังโดนยิงเกมละ 2 ประตูด้วยซ้ำไป
กระนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้จัดการทีม เพราะหากตัดลการแข่งขันออกไปก่อนและมาดูที่รายละเอียดการเล่นก็นับได้ว่า นัดที่ผ่านมาทีมเล่นได้ดีและสมควรเป็นฝ่ายชนะ เพียงแต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆมันส่งผลเสียหายอย่าง
หนักให้กับทีม (โดยเฉพาะโอกาสในการลุ้นจบ ท็อป 4)
มันจึงไม่แปลกใจที่ ปิศาจแดง จะมีข่าวกับบรรดากองหลังมากมายในช่วงที่ผ่านมา เพราะนี่คือปัญหาที่ชัดเจนของสโมสรในการจะต่อกรกับแนวรุกของฝ่ายตรงข้าม
ตอนนี้แนวรับที่คงเส้นคงวามากที่สุดคือ ลินเดเลิฟ ที่ตอนมาใหม่ยังลูกผีลูกคน แต่เขาพัฒนาความมั่นใจจนกลายมาเป้นกองหลังเบอร์ 1 ของทีม
ปัญหาสำคัญคือการหาคนมายืนคู่กับแนวรับชาวสวีเดนในระยะยาว เพราะเท่าที่มีทั้ง สมอลลิ่ง, ฟิล โจนส์ หรือแม้แต่ มาร์กอส โรโฮ ก็ยังไม่ใช่คำตอบที่ดี (เอริค ไบยี่ อาจจะใช่ แต่นักเตะยังเข้าๆออกๆโรงหมอและดูเหมือนว่าจะมีปัญหา ภายในมากกว่าที่คนนอกจะทราบ)
ทางออกคงหนีไม่พ้นการทุ่มเงินซื้อกองหลังตัวกลางมาใหม่ แม้ว่าทีมเพิ่งต่อสัญญาทั้ง โจนส์ และ สมอลลิ่ง แต่หากดูจากผลงานที่แสดงให้เห็น สโมสรคงไม่อาจสามารถฝากความหวังในระยะยาวได้แน่นอน หรืออย่างน้อยความหวังใน
การลุ้นแชมป์สักรายการในซีซั่นถัดไป
ชื่อของ กาลีดู กูลีบาลี่ จึงกลับมาอีกครั้ง รวมไปถึง โทบี้ อัลเดอร์แวเรลด์ หรือ ราฟาแอล วาราน ที่โผล่ขึ้นมาเช่นกัน อ้อ ... ยังมี แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ อีกรายด้วย
ฟากฝั่งแฟนบอลเองก็อยากเห็นสโมสรทุ่มเงินซื้อนักเตะในแนวรับมาเสริม เพราะหลายคนก็ไม่ทนกับคนที่มีในปัจจุบัน และมองว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแล้ว
นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน และมันถูกเปิดเผยมาตั้งแต่สมัยที่ โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทีม เพราะเมื่อช่วงก่อนเปิดซีซั่นกุนซือชาวโปรตุเกสพยายามหาแนวรับรายใหม่มาเสริม แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถหามาได้ทันเวลา ยิ่งไปกว่านั้นเราจะ เห็นได้ชัดจากการสัมภาษณ์ของ มูรินโญ่ ที่พยายามเจาะจงไปยังแนวรับของทีมตลอดเวลา
ปัญหานี่กลับมาอีกครั้ง และมันส่งผลชัดเจนจากเกมที่ผ่านมา หรือจะให้พูดคือมันเป็นตัวอย่างที่ดีที่น่าจะนำมาวิเคราะห์ต่อว่าทำไม อ.ยัง ถึงได้เล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลางทั้งที่ในม้านั่งสำรองมีทั้ง โจนส์ และ โรโฮ
แน่นอนว่า โซลชา มั่นใจในฝีเท้าและประสบการณ์ของ ยัง ซึ่งมันแสดงออกมาได้ดีในช่วงแรก แต่ในเมื่อผลการแข่งขันมันไม่เป็นตามไปที่หวัง เสียงวิจารณ์ก็ออกมาเป็นธรรมดา
นี่คือปัญหาที่ต้องรับหาทางแก้ไขหากว่าสโมสรต้องการจะเดินไปยังอีกระดับและกลับไปเป็นทีมลุ้นแชมป์ในซีซั่นต่อไป มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทุ่มเงินเพื่อดึงตัวที่วางใจได้เข้ามาขันแนวรับ (ตัวอย่างชัดเจนคือ ลิเวอร์พูล ที่ยอมทุ่ม เงินมหาศาลดึง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เข้ามาและมันส่งผลชัดเจนอย่างมาก)
เรื่องเงินอาจจะไม่ใช่ทางออกเดียวในแนวรับ แต่มันยังอาจจะส่งผลไปยังสัญญาฉบับใหม่ของ ดาบิด เด เคอา ที่ยังคาราคาซังกันอยู่ในตอนนี้
การเจรจาสัญญาของมือกาวชาวสเปนยังไม่ลุล่วงและดูเหมือนว่ายังไม่สามารถหาทางออกของเรื่องนี้ได้เลย
ตามรายงานที่ผ่านมามันคือการยื้อและการแสดงพละกำลังในความพยายามต่อรองของตัวแทนนักเตะที่หวังจะเพิ่มค่าเหนื่อยให้กับลูกค้าของตนเอง และแน่นอนว่าสโมสรก็ต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ
เท่าที่สื่อรายงานนั้น เด เคอา อยากได้เรตเดียวกับ อเล็กซิส ซานเชซ ที่ครองตำแหน่งดาวเตะค่าเหนื่อยแพงที่สุดของสโมสรในตอนนี้ เพราะผู้รักษาประตูชาวสเปนมองว่าตนเองคือหนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้คงเส้นคงวาที่สุดของทีม
เรื่องนี้ไม่เพียงส่งผลกับการเจรจาสัญญาของ เด เคอา เท่านั้น เพราะเรื่องเงินที่ว่าก็ส่งผลไปยัง ปอล ป็อกบา ที่ดันมีข่าวอยากย้ายสโมสรอีกครั้ง
แม้ว่าจะเป็นรายงานจากสื่อ แต่ข่าวที่ออกมาก็ส่งผลไม่น้อยกับความรู้สึกของแฟนบอล ที่ต้องรับสารเช่นนี้แทบทุกวัน
แถมช่วงที่ผ่านมามีรายงานว่า มิโน่ ไรโอล่า พร้อมออกโรงในหน้าร้อนนี้เพื่อเกลี้ยกล่อม ป็อกบา ให้พยศอีกครั้ง ซึ่งมองว่าอาจจะเป็นแผนของเอเย่นต์รายนี้ที่พยายามใช้ข่าวลือที่ออกมาเรียกสัญญาใหม่ให้นักเตะ
สิ่งที่เกิดขึ้นคงหนีไม่พ้นค่านายหน้าที่จะได้หากนักเตะเซ็นสัญญาใหม่ ซึ่งมันเป็นช่องว่างที่บรรดาเอเย่นต์หน้าเลือดมองหาโอกาสในการจะขูดรีดสโมสร
มันคือปัญหาที่สโมสรในยุคปัจจุบันต้องพบเจอ เพราะนอกจากจะต้องไปเจรจากับสโมสรคู่ค้าแล้ว พวกเขาต้องทนและรับมือกับการแทรกแซงของพวกเอเย่นต์
ตอนนี้ช่วง 'ฮันนีมูน' ของ โซลชา ผ่านไปแล้ว ตอนนี้คืองานที่แท้จริงที่กุนซือชาวนอร์เวย์ต้องเผชิญและรับมือ โดยเฉพาะตลาดหน้าร้อนที่กำลังมาถึง ซึ่งถือเป็นการลงสนามในตลาดนักเตะหนแรกในฐานะนายใหญ่ ปิศาจแดง ของเขา
นั่นคือทิศทางที่เขาต้องทำงานร่วมกับสโมสร และที่สำคัญคือจะเป็นการกำหนดทิศทางในฤดูกาลต่อไปของทีม ว่าจะดำเนินการไปทางใด
ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกลับมาอีกครั้ง ซึ่งมันเป็นงานของผู้จัดการทีมที่จะต้องแก้ไปทีละจุด พร้อมกับเดินหน้าเสริมเติมแต่งให้ทีมที่เขาปรารถนาออกมาให้ดีที่สุดก่อนจะกลับมาในซีซั่นต่อไป
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT