สิ่งที่เปลี่ยนไป

แม้จะเป็นเกมที่สองทีมทั้ง หงส์ขาว และ ผีแดง ปรับเปลี่ยนผู้เล่นมากมายหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะเจ้าถิ่น เปลี่ยนนักเตะจากนัดล่าสุดถึง 8 คน ไม่ต่างไปจาก ปิศาจแดง ที่พลิกโฉมไป 7 รายและสองรายที่ลงสนามเป็นดาวรุ่งอย่าง แอ็กเซล ตวนเซเบ้ กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ แต่ชัยชนะที่ได้มานั้นมันสำคัญอย่างยิ่งยวด

สำคัญในเรื่องของความมั่นใจในทีมที่แสดงออกมา หลังจากเกมล่าสุดที่พลาดท่าพ่าย ฮัดเดอร์สฟิลด์

สำคัญในเรื่องของกำลังใจนักเตะที่สามารถรวมพลังกันได้อีกครั้งหลังจากถูกโจมตีอย่างหนักถึงการเล่นในนัดล่าสุด

สำคัญในเรื่องของบุคลิกทีม ที่กลับมาแสดงให้เห็นอีกครั้งถึงวิธีการเล่นที่ยอดเยี่ยมและมีสมาธิกับเกม รวมไปถึงความกระหายชัย

และมันสำคัญในเรื่องของสปิริตในทีมที่ก่อนหน้านี้โดนสื่อเอาไปยำจนเละ รวมไปถึงบรรดานักวิจารณ์ที่ออกมาสับทั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ และนักเตะแบบเรียงตัว

อย่างที่เรียนไปนั่นแหละ แม้จะเป็นเกมลีก คัพ ที่บางทีมอาจจะมองว่าไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากมาย แต่สำหรับ มูรินโญ่ นี่คือเกมที่ต้องชนะ นี่คือเกมที่ต้องทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด และที่สำคัญเลยพวกเขาคือแชมป์เก่าที่ไม่สามารถมาจอดอยู่ตรงรอบนี้ได้

แม้การจัดทัพจะดูขัดกับวัตถุประสงค์ที่ มูรินโญ่ ได้เรียนไป แต่หากดูจากปัจจัยโดยรวมแล้วมันจำเป็นต้องปรับเพราะนักเตะแกนหลักบาดเจ็บกันระนาว แถมนักเตะกำลังสำคัญบางรายก็อ่อนล้าเนื่องจากกรำศึกมาอย่างหนัก

ระบบ 3-5-2 ถูกนำมาใช้งานอีกครั้ง กับแผงหลังอย่าง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, คริส สมอลลิ่ง และ ตวนเซเบ้

เอาจริงๆ แฟนผีคงอุทานในใจเมื่อเห็น ไลน์-อัพ  แรกออกมา แต่กับผลงานที่ทุกคนทำออกมานั้นกลับไปในทิศทางที่ดี

ลินเดอเลิฟ ยังคงมีจังหวะเหวอและผิดพลาดให้เห็น โดยเฉพาะจังหวะสกัดบอลยาวครึ่งแรกที่เกือบจะทำให้ทีมโดนล่อเป้า นอกจากนี้เขายังโดนวิจารณ์เรื่องความกล้าในการจะเดินเกมไปข้างหน้า ที่บ่อยครั้ง ลินเดอเลิฟ จะใช้การถ่ายบอลแบบขวางสนามชนิดที่ 'เอาตัวรอด' (ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ ที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ โดน รอย คีน ตวาดขึ้นาทันที)

แต่โดยรวมแล้วยังถือว่าโอเค เพราะทีมไม่เสียประตูถือว่าช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวนักเตะขึ้นมาได้บ้าง

ส่วนเจ้าหนู ตวนเซเบ้ ได้รับคำชมหนาหูเพราะกล้าเล่นเกินวัย ทั้งเติมสลับกับ ดาเล่ย์ บลินด์  แม้วาช่วงแรกเด็กรายนี้อาจจะติดๆขัดๆ แต่หลังจากปรับตัวได้ก็เริ่มนิ่งและมั่นใจมากขึ้น

ในบางจังหวะยังสอดขึ้นไปช่วยงานแดนกลางร่วมกับ อันเดร์ เอร์เรร่า และ แม็คโทมิเนย์ ทำให้ สวอนซี ไม่มีโอกาสเดินเกมได้ถนัดถนี่ 

ว่ากันถึงแดนกลางแล้วเป็นอีกหนึ่งจุดที่ มูรินโญ่ ออกปากชมเปาะ ด้วยประสบการณ์ของ เอร์เรร่า บวกกับลูกสดและความแข็งแกร่งของ เจ้าหนูแม็ค ทำให้ทีมสามารถเคลื่อนเกมได้ดี โดยมี เจสซี่ ลินการ์ด เป็นตัวฟรีที่ลงมาเชื่อมบอลต่อเกมจากกลางไปหน้า

หลายคนอาจจะสงสัยกับตำแหน่งของ ลินการ์ด เพราะจากเกมกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ เขาโดนด่าเช็ดจากแฟนบอลคีย์บอร์ด แต่เกมล่าสุดกลับทำได้ดีและถือว่ามีส่วนกับเกมเยอะกว่าใครๆ

ไหนจะจังหวะต่อบอลร่วมกับคู่กองหน้า มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ออกมาดีเกินที่คิดไว้ทำให้เกมดังกล่าว ปิศาจแดง คว้าชัยมาได้ตามที่หวัง

มูรินโญ่ พอใจมากกับทัศนคติของนักเตะที่เปลี่ยนไปจากนัดล่าสุด 11 ตัวจริงลงสนามพร้อมความหิวกระหายในชัยชนะและต้องการพิสูจน์ผลงานของตนเอง

"เราแข็งแกร่งและแสดงความเป็นมืออาชีพตั้งแต่นาทีแรก เราพยายามครองเกมเสมออยู่เสมอ ผมพอใจกับกับผลงานของทีมและนักเตะแบบรายบุคคล"

"เรารู้สึกว่าเราอยู่ในเกมตั้งแต่นาทีแรกที่ลงสนาม เราได้เตะมุมถึงสองครั้งในช่วงต้น เราเดินหน้ากดดันสูงและนั่นคือสิ่งที่ดี"

ทุกสิ่งที่อย่างเปลี่ยนไปจากเกม ฮัดเดอร์สฟิลด์ 

แดนกลางที่เอื่อยเฉื่อยในนัดนั้นถูกเติมเต็มด้วยความมุ่งมั่นและขยัน เอร์เรร่า ถูกถอยลงไปเป็นตัวหน้าแผงหลังคอยกำหนดจังหวะเกมการเล่น โดยมีลูกหาบอย่าง แม็คโทมิเนย์ คอยช่วยงาน ซึ่งเจ้าหนูคนนี้ทำงานได้ดีทั้งการวิ่งกวดไล่บอลหรือพาบอลหนีขึ้นมา และยังมีส่วนสำคัญในการจังหวะตั้งเตะที่เขามักจะเก็บบอลหรือสกัดได้หลายครั้ง

จุดนี้ จ่ามู ชมเลยว่า สกอตต์ มีส่วนสำคัญกับเกมอย่างมากเพราะแดนกลางถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการทำทีมของ มูรินโญ่

วิงแบ็กสองข้างอย่าง ดาเล่ย์ บลินด์ และ มัตเตโอ ดาร์เมียน ก็ถือว่าสอบผ่าน ทั้งสองทำได้ดีทั้งเกมรุกและรับโดยเฉพาะวิงแบ็กชาวอิตาเลียนที่มีส่วนสำคัญกับประตูที่สองของเกมด้วยลูกครอสที่แม่นยำเข้าหัว ลินการ์ด เหมาะเจาะ

แนวรุก ... แน่นอน แสงสปอตไลท์อาบไปที่ร่างของ เจสซี่ ลินการ์ด ฮีโร่ในนัดล่าสุด

ถือเป็นหนึ่งในรอบหลายๆนัดที่เจ้าหนูลินการ์ดโชว์ฟอร์มได้ดีแบบผิดหูผิดตา นัดล่าสุดเขาเริ่มต้นได้อย่างคึกคักและดูมีชีวิตชีวา ความเร็ว จังหวะ และการสอดประสานดูจะลงตัวไปเสียหมด โดยเฉพาะประตูแรกที่เกิดขึ้น

มันเป็นจังหวะทำเกมอันยอดยี่ยมตั้งแต่การแทงของ เอร์เรร่า มาให้ แรชฟอร์ด ที่อาศัยสัญชาตญาณสะกิดไขว้หลังต่อมาถึง ลินการ์ด หลุดไปแปนิ่มๆ รวมไปถึงลูกโขกลูกนั้น ทำให้ ลินการ์ด รับบทพระเอกไปแบบไม่มีใครแย่ง

ไหนจะ เซร์คิโอ โรเมโร่ ผู้รักษาประตูตัวสำรองที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพอีกครั้งหนึ่ง

ทุกครั้งที่นายทวารทีมชาติอาร์เจนติน่าได้ลงสนามให้กับปิศาจแดง ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตามเขามักจะสร้างผลงานที่ดีออกมาอยู่เสมอ ... นัดล่าสุดก็เช่นกัน

จังหวะป้องกันลูกยิง 2-3 ครั้ง โดยเฉพาะครึ่งหลังที่ยังคงรักษาระยะห่างให้กับทีม ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างมาก นี่คือสิ่งที่เขาพร่ำบอกมาเสมอถึงวิถีการเป็นมืออาชีพที่ดี หมั่นฝึกซ้อมเสมอ เพื่อให้ตนเองพร้อมรบทุกสภานการณ์ ไม่ว่าจะมาจากในสนามหรือข้างม้านั่งสำรอง โรเมโร่ พร้อมทุ่มเทเต็มที่

นี่จึงถือเป็นตัวอย่างที่ดีอีกอย่างหนึ่งในทีม

โดยภาพรวมแล้ว นักเตะ 11 คนแรกในนัดล่าสุดที่บุกหลอน หงส์ขาว 2-0 ทำได้ดีและแสดงถึงบุคลิกอันยอดเยี่ยมออกมา บุคลิกที่มันเคยหายไปในนัดล่าสุด

(ย้ำอีกครั้ง) แม้จะเป็นเกมที่คงวัดผลอะไรได้ไม่มาก เพราะ สวอนซี ก็ไม่ได้จัดเต็มลงมาสู้ แต่สิ่งที่ได้จากนัดล่าสุดทำให้ทีมีแดงดูจะพึงพอใจอย่างมาก

แน่นอน ชัยชนะคือเรื่องดีเสมอไม่ว่าจะเป็นการลงสนามในรายการไหน และยิ่งเป็นชายที่ชื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้ที่เกลียดความพ่ายแพ้แล้วนั้น ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

"ผมต้องการชนะ และผมเกลียดยามที่ต้องพ่ายแพ้"

เป็นการกลับมาตั้งลำกันได้อีกครั้ง ก่อนจะไปคิดถึงวิธีการรับมือ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในนัดต่อไปวันเสาร์นี้

เกมกับสวอนซีเป็นเหมือนการซ้อมใหญ่ เพื่อเรียกคืนจังหวะ - อารมณ์ - ทัศนคติ หรือสิ่งต่างๆที่หายไปกลับคืนมา

นัดสำคัญวันเสาร์นี้ถือเป็นเกมที่ทุกคนจะจับจ้อง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการของทีม, ปฏิกิริยาของนักเตะยามอยู่ในสนาม, ผลการแข่งขัน รวมไปถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น

อีกหนึ่งนัดผ่านไปพร้อมกับชัยชนะ โดยหวังว่าผลงานของ ปิศาจแดง จะกลับมาต่อยอดและคว้าชัยติดต่อกันได้เรื่อยๆเหมือนต้นฤดูกาล

ในเมื่อสามารถเรียกคืนสิ่งที่หายไปมาได้ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการสานต่อชัยชนะให้ดำเนินต่อไปตามที่หวัง