ลูกากู นักปฏิวัติ
สามเกมที่ผ่านมาคงได้เห็นถึงการเข้าทำและจังหวะต่อเกมที่รวดเร็ว เนียนตา และมีประสิทธิภาพที่มากกว่าฤดูกาลก่อน (เอาจริงๆ มันพาลให้หวนไปนึกถึงเกมรุกสมัยป๋าเลยทีเดียว)
จะว่าไปแล้วแนวรุกของปิศาจแดงชุดนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก มาร์คัส แรชฟอร์ด, อองโตนี่ มาร์กซิยาล, เฮนริค มคิทาร์ยาน, ฆวน มาต้า หรือ ปอล ป็อกบา ก็ยังอยู่
ใช่ แนวรุกที่ว่ามาคือแนวรุกจากฤดูกาลที่กดรวมกันไปเพียง 54 ดอก แต่มาดูฤดูกาลนี้สิ พวกเขาเล่นได้รวดเร็ว ดุดัน และเฉียบขาดกว่าเดิม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจนและเห็นผลทันตาคือการเข้ามาของชายที่ชื่อ โรเมลู ลูกากู
สิ่งที่หัวหอกร่างยักษ์วัย 24 ปีนี้นำเข้ามาคือมิติการเล่นที่สามารถช่วยให้แนวรุกคนอื่นได้เฉิดฉายได้มากขึ้น
มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะหากใครติดตามการเล่นของปิศาจแดงตลอดสามนัดที่ผ่านมาจะเห็นความแตกต่างชัดเจน
จุดศูนย์การในการบุกของพวกเขามักจะเห็นชายที่ชื่อ ลูกากู มีส่วนร่วมอยู่เสมอ
อดีตกองหน้าเอฟเวอร์ตัน จะลงมาช่วยพักบอล อาศัยความใหญ่บังกองหลังแล้วจ่ายออกไปให้ตัวรุกที่สอดขึ้นมา วิธีการนี้ได้ผลดีนักแล เพราะมันเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับเพื่อร่วมไปถึงเปิดช่องในแนวรับของคู่แข่ง
ย้อนกลับไปในเกมที่เจอกับสวอนซี
แฟนบอลผีแดง (หรือทีมอื่น) นึกภาพตามในจังหวะที่ได้ประตูที่สองในนาที 80
ลูกากู พักบอลคืนมาให้ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ลากจี้ขึ้นไปก่อนจะปล่อยให้ เฮนริค มคิทาร์ยาน ไหลคืนหัวหอกชาวเบลเยี่ยมซัดเสียบตาข่าย
นั่นคือวิธีการเล่นที่เพิ่มเติมเข้ามา ทำให้แนวรุกของทีมสอดประสานได้อย่างลงตัว ลูกากู เป็นทั้งตัวพัก ตัวจ่าย ตัวเปิดช่อง และตัวจบสกอร์ในคนๆเดียว
หรือถ้าใครยังไม่เห็นภาพก็ลองย้อนไปดูประตูที่ 4 ในเกมที่สนามลิเบอร์ตี้ นั่นไง
จังหวะสวนกลับที่เฉียบคมก็เริ่มมาจากลูกากูอีกเช่นกัน
จารย์กู้' ลงต่ำไปเอาบอลก่อนจะฝากมาให้ ปอล ป็อกบา ควบตะบึงขึ้นหน้าซึ่งในจังหวะนั้นเป็นการดวลกัน 3 ต่อ 2 ระหว่าง นักเตะปิศาจแดงและหงส์ขาว
บทสรุปลงท้ายด้วยการโยกไปสับด้วยขวาของมาร์กซิยาล
สรุปจากที่เล่ามาเสียยืดยาวคือ การมาของ โรเมลู ลูกากู นั่นทำให้ภาพเกมรุกในหัวของ โชเซ่ มูรินโญ่ แจ่มชัดและแสดงออกมาเป็นภาพบนสนามให้แฟนบอลเห็นเต็มสองตาจากผลงานที่ผ่านมา
อ๊ะ ... เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงนึกภาพเปรียบเทียบกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เราต้องแยกกันให้ชัดเจนว่ารูปแบบที่มูรินโญ่นำมาใช้กับหัวหอกทั้งสองคนนั้นแตกต่างกัน
ด้วยวัยที่ต่างกันสิบปี ลูกากูสามารถวิ่งพล่านในสนามชนิดที่ไม่ต้องกลัวหมดแรง เพราะพะยี่ห้อของดาวยิงคนนี้คือ ถึก บึกบึน แข็งแกร่ง สู้งาน ต่างจากซลาตันที่อายุปาไป 35 จะให้มาเล่นแบบนั้นก็คงไม่ไหว
ตำแหน่งการยืนของซลาตันคือจะอยู่ลึกสุดในแดนหน้า โดยอาศัยความเก๋า สัญชาติญาณ ในการเล่น มีบ้างในบางจังหวะที่เขาจะถ่างตัวเองหรือลงมาช่วยแต่ไม่บ่อยเหมือนอย่างที่ลูกากูแสดงให้เห็น
เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะมาสอดประสานกันอย่างลงตัวในตอนที่ซลาตันกลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง
แต่ตอนนี้กับแนวรุกที่กำลังเป็นไป ถือว่าลงตัวและเป็นสิ่งที่น่าพอใจของทุกคน
พลังในการเข้าทำ ความเร็ว ความเฉียบคม ความเข้าใจซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านี้คือส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ทีมเดินหน้าไปสู่จุดที่วางเอาไว้
75 ล้านปอนด์ อาจจะดูแพง และถูกใครหลายคนถ่มถุยในตอนที่เพิ่งย้ายมา แต่สิ่งที่ลูกากูมอบคืนกลับมานั่นมันเริ่มที่จะเห็นดอกผล
แม้จะถูกวางหน้าที่ให้สอยตาข่ายฝ่ายตรงข้าม แต่มูรินโญ่กลับมองเห็นสิ่งอื่นในตัวลูกากู และสามารถงัดมันออกมาให้เป็นประโยชน์ต่อทีมได้อย่างยอดเยี่ยม
อาจจะเร็วไปที่จะบอกได้แบบเต็มปากว่า 75 ล้านปอนด์ ของลูกากูคุ้มค่า แต่จากทิศทางที่แสดงออกมาในตอนนี้ถือว่ากำลังไปได้สวย
เส้นทางอันยาวไกลที่กำลังทอดยาวอยู่ข้างหน้า แนวรุกชุดนี้จะพาทีมไปถึงจุดไหน
... น่าติดตามเป็นอย่างมาก
โกสุ่ย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT