2020 - ปีพิสูจน์ตนเอง
สิ่งต่างๆ ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องราวรอบรั้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งดีและร้ายปะปนกันไป
ยุคสมัยของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เริ่มต้นด้วยการตื่นเต้นในการพาทีมเดินหน้าคว้าชัยในพรีเมียร์ลีกถึง 10 เกม และเสมอ 2 นัด สร้างความฮือฮาและความหวังให้กับสาวก เรด อาร์มี่ ได้อย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้นผลงานในบอลถ้วยทั้ง เอฟเอ คัพ หรือแม้แต่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (ที่ดวลกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง) ก็ทำให้แฟนบอลปิศาจแดง แช่มชื่นหัวใจไม่น้อย
แต่ทุกอย่างก็มีวันหมดอายุ โปรโมชั่นที่ว่าหมดลงนับตั้งการปราชัยให้กับ อาร์เซน่อล เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แม้ว่าสโมสรจะยังคงมั่นใจในการมอบสัญญาถาวร 3 ปีให้กุนซือชาวนอร์เวย์ในวันที่ 28 มีนาคม 2019 ทว่านับจากนั้นผลงานก็ลุ่มๆดอนๆมาตลอด
จากผลงานพาทีมคว้าชัย 14 จาก 19 เกมที่คุมทีมลงสนาม (เสมอ 2) แต่หลังจากได้รับสัญญาใหม่ สถานการณ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับพลิกผันทันตา จากทีมที่บุกสนุก มีชีวิตชีวา กลายมาเป็นทีมทีมีปัญหาเมื่อเจอกับฝ่ายตรงข้ามที่รับแน่นและรอเวลาสวนกลับ
จุดนั้นแฟนบอลหลายคนยังคงมองโลกในแง่ดี ให้เวลา โซลชา เตรียมตัวโดยเฉพาะการลงตลาดหน้าร้อนเพื่อดึงนักเตะที่ต้องการ ปรับจูนส่วนที่ขาดไปหาย เพิ่มเติมสิ่งที่ดีกว่าเข้า
ความหวังเริ่มทอแสง ผลงานช่วงพรี-ซีซั่น ถือว่าน่าพอใจโดยเฉพาะ 2 นักเตะใหม่ (ในตอนนั้น) ทั้ง แดเนี่ยล เจมส์ และ อารอน วาน-บิสซาก้า ที่ปรับตัวเข้ากับระบบและเพื่อนร่วมทีมได้ทันที ส่งผลให้แฟนบอลมีความหวังว่าทีมจะทำได้ดีกว่าซีซั่นที่ผ่านๆมา
ไหนจะมีการเปิดตัว แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ก่อนที่ฤดูกาลใหม่จะเริ่ม มันเป็นการเพิ่มความครึกครื้นและสดใสในผองชน เรด อาร์มี่ อย่างมาก ยิ่งผลงานนัดเปิดซีซั่นที่ถล่ม เชลซี 4-0 ไม่แปลกที่จะเกิดประกายความหวังในหมู่แฟนบอล
แต่มันก็เป็นได้แค่ภาพมายา เพราะหลังจากนั้น ปิศาจแดง สะกดคำว่าชนะไม่เป็นถึง 3 นัด ก่อนจะเว้นวรรคเอาชนะ เลสเตอร์ มาได้ แต่ก็ต้องเจอกับซีรี่ย์ไร้ชัยถึง 4 เกมรวด และที่สำคัญคือเป็นการแพ้ให้กับทีมอย่าง เวสต์แฮม และ นิวคาสเซิ่ล
สถานการณ์ตรงนั้นไม่ต่างจากการนั่งรถไฟเหาะในสวนสนุก หรือสำนวนของชาวต่างชาติที่มักจะพูดว่า 'a roller-coaster ride' ที่หมายความว่าสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
นั่นอาจจะเป็นนิยามของปิศาจแดงในยุค โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ที่ผลงานขึ้นๆลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ เกมไหนที่คิดว่าควรจะชนะแน่นอนกลับเจอความยากลำบาก แต่เกมไหนที่มองว่า 'แพ้แน่นอน' 'ไม่รอดหรอก' หรือ 'เละชัวร์' พลพรรคผีแดงกลับทำได้ดีและอุกอาจถึงขั้นบุกชนะทีมใหญ่ๆมาแล้วก็มีทั้ง เชลซี (ลีก คัพ) และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก)
แต่ก็อย่างที่เรียนไป บางเกมที่สมควรมีแต้มและทำได้ดีกลับพลาดท่าชนิดที่แฟนบอลเกิดอาการมึนตึบ และไม่เข้าใจเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นเกมแพ้ คริสตัล พาเลซ คารัง และการออกไปเยือน เวสต์แฮม, นิวคาสเซิ่ล, บอร์นมัธ หรือล่าสุดกับการปราชัยให้ วัตฟอร์ด ทีมบ๊วยของตารางในตอนนั้น
ผลงานที่ลุ่มๆดอนๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้สร้างความขัดใจให้แฟนบอลผีแดงได้พอสมควร มีหลายครั้งที่เกิดกระต่อต้านอยากให้ โซลชา ออกจากตำแหน่งไปเสียให้ได้ และก็มีบางครั้งที่มีคำชมหลังจากพาทีมทำผลงานได้ดี
อ่านอารมณ์ความรู้สึกของแฟนบอล พวกเขาต้องการให้ทีมมีความสม่ำเสมอมากว่า ผลงานในการเล่นที่ต้องคงเส้นคงวาไม่ใช่ขึ้นๆลงๆ และต้องมาลุ้นกันนัดต่อนัดว่าเกมนี้นักเตะจะเล่นดีหรือไม่
นี่คือปัญหาที่ โซลชา ทราบดีเพราะเขาเคยกล่าวไว้ว่าขุนพลผีแดงชุดนี้ของเขายังขาดความแน่นอนและความต่อเนื่องในการรักษาผลงาน ซึ่งนั่นคือปัจจัยสำคัญในการยืนระยะบนเวทีที่มีการแข่งขันสูงและพลิกไปมาได้ตลอดอย่างพรีเมียร์ลีก
ในมุมของ โซลชา พยายามอธิบายว่าทีมนี้ยังเด็กและต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในเรื่องของการเล่นและซึมซับวิธีการให้มากกว่านี้ แต่มุมมองของแฟนบอลกลับต่างกัน เพราะในยุคที่ โซเชียล มีเดีย เป็นเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย การปราชัยเพียงนัดเดียวก็สร้างความเดือดดาลให้แฟนบอลได้แล้ว จึงไม่แปลกที่เราจะเห็น แฮชแท็ก #OLEOUT ตลอดเวลาที่ทีมทำผลงานไม่ดีหรือไม่เข้าตาแฟนบอล ซึ่งต่างจากสโมสรที่ยังคงยึดมั่นและแน่วแน่กับกุนซือชาวนอร์เวย์คนนี้ต่อไป
(อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าสมัยที่ ปิศาจแดง ของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (ในวันที่ยังไม่มียศ 'เซอร์') กำลังก่อร่างสร้างทีมแฟนบอลเขาจะบ่นเป็นหมีกินผึ้งเหมือนตอนนี้หรือไม่ เพราะตอนนั้นโลกเรายังคงมีการสื่อสารแบบจำกัดและแฟนบอลทั่งโลกไม่สามารถเชื่อมต่อเพียงปลายนิ้วเหมือนในตอนนี้ ซึ่งมันผิดกับโลกปัจจุบันที่ทุกคนสามารถแสดงความเห็นออกมาได้ทันทีหลังจบเกม (หรือระหว่างลงสนาม))
ถึงกระแสข้างนอกจะเป็นเช่นไร แต่บอร์ดบริหารของแมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงยึดมั่น แม้กุนซือมีชื่อมากมายยังคงว่างงาน และ (อาจจะ) รอให้ปิศาจแดงติดต่อไปหา แต่สโมสรดังของแมนเชสเตอร์ทีมนี้ก็ยังมั่นใจกับทีมที่นำโดยกุนซือชื่อ โซลชา
อาจจะขัดใจแฟนบอลหลายท่าน แต่มุมมองของสโมสรพวกเขาอยากสร้างทีมและเดิมพันกับอดีตนักเตะรายนี้ รากฐานสำคัญที่ โซลชา เข้าใจและสืบทอดมาจากเจ้านายใหญ่อย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำให้ฝ่ายบริหารเชื่อ (อยู่ลึกๆว่า) เขาจะพาทีมกลับมาได้ แต่สิ่งนั้นต้องใช้เวลา และนั่นคือสิ่งที่แฟนบอล (หลายคน) ไม่อาจจะรอได้
กับยุคสมัยที่ต้องวัดกันด้วยความสำเร็จ (และอดีตที่อันยิ่งใหญ่ที่คอยกดดันกุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด) ทำให้ 'เวลา' เป็นเรื่องที่ (บางครั้ง) แฟนบอลไม่อาจจะรอได้
แฟนบอลต้องการเห็นความสำเร็จแบบปัจจุบันทันด่วนซึ่งบางครั้งก็ลืมไปว่าทุกอย่างจะสำเร็จได้ต้องใช้ 'เวลา' และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการผสมผสานระหว่างปรัชญาของกุนซือและนักเตะให้เข้ากัน
นี่คือสิ่งที่สโมสรและ โซลชา พยายามอธิบายมาโดยตลอด กระนั้นกับผลงานและฟอร์มการเล่นที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ จึงก่อให้เกิดกระแสต่อต้านจากแฟนบอลขึ้นมาในช่วงที่ทีมผลงานดิ่งเหว
อย่างที่เรียนไป กับขวบปีที่ผ่านมาไม่ต่างจากการนั่งรถไฟเหาะที่น่าตื่นเต้นและต้องลุ้นตลอดเวลาว่าผลงานของทีมจะออกมาอย่างไร
ถึงตรงนี้กำลังจะเข้าสู่ปีใหม่และเป็นช่วงครึ่งฤดูกาลหลังในซีซั่นแรกแบบเต็มตัวกับ ผีแดง ของ โซลชา ที่มาพร้อมกับความหวังว่าสิ่งต่างๆจะพัฒนาและต่อยอดไปยังจุดที่พวกเขาต้องการ และที่สำคัญคือความต่อเนื่องและยืนระยะซึ่งถือเป็นงานสำคัญที่ทีมต้องแสดงออกมาให้ได้
ไม่เพียงแค่การสู้กับปัจจัยภายนอกและภายในเหมือนในอดีต แต่ในยุคปัจจุบันผู้จัดการทีมทุกคนต้องเจอกับแรงกดดันใหม่ๆ รวมไปถึง 'เวลา' ในการทำทีมที่สั้นลง
เส้นทางที่ทอดยาวอยู่ข้างหน้า กำลังรอให้ โซลชา พิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาพยายามทำในตอนนี้ถูกต้องและมาถูกทางหรือไม่ ที่สำคัญจะเป็นการพิสูจน์ว่าเขาคือคนที่ใช่ และคนที่บอร์ดบริหารคิดถูกหรือไม่ นั่นคือคำถามที่ โอเล่ ต้องตอบออกมาด้วยผลงานในสนาม
ปีเก่ากำลังจะผ่านไป และปีใหม่ที่กำลังจะเข้ามา หวังว่าสิ่งต่างๆในรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด จะดีขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะผลงานที่ต้องคงเส้นคงวามากกว่านี้ ...
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT