:::     :::

เปิดซิง 2020

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2563 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
3,846
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องใช้เวลาถึง 4 นัดกว่าจะควานหาชัยชนะเกมแรกของปี 2020 เจอ

มันคือช่วงเวลาที่แฟนบอลกลับมาอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัวกับผลงานของทีมในช่วง 3 เกมแรกของปีซึ่ง 2 ใน 3 เกมที่ว่าจบลงด้วยการปราชัยแบบหมดรูปให้กับ อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ถือเป็นช่วงเวลาอันย่ำแย่ของ ปิศาจแดง (อีกครั้ง) ไม่ว่าจะเป็นผลงานหรือบรรดาแกนหลักที่บาดเจ็บโดยเฉพาะ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่กำลังทำผลงานได้เข้าฝักแต่ก็ต้องถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัว ซึ่งชัยชนะนัดล่าสุดที่มีเหนือ นอริช ซิตี้ ทีมบ๊วยของตารางจึงมีความสำคัญทั้งด้านความมั่นใจของผู้เล่นและเป็นการเรียกศรัทธาจากแฟนบอลเพราะมันคือชัยชนะที่สวยงามของทีม

ในเกมที่มีเงื่อนไขที่ต้องคว้าชัยเท่านั้น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำการปรับแนวรุกอีกครั้ง โดยเกมล่าสุดเขาวางใจให้ ฆวน มาต้า ลงทำเกมร่วมกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ อันเดรียส เปเรยร่า ซึ่งกองกลางตัวเก๋าชาวสเปนสามารถเรียกฟอร์มเก่งมาได้ถูกที่ถูกเวลา

มันคือการผ่านบอลของ มาต้า ที่นำมาซึ่งจังหวะการได้ประตูขึ้นนำของทีม และนั่นเป็นการผ่านบอลที่หายไปนานจากมิดฟิลด์เลือดกระทิงรายนี้ รวมไปถึงจังหวะโขกของ มาร์กซิยาล ที่มาจากการเปิดบอลอันเหมาะเจาะของอดีตดาวเตะบาเลนเซียรายนี้เช่นกัน




ด้วยการที่ต้องเข้าๆออกๆ ทีมตัวจริงบ่อยครั้ง มันจึงเป็นเรื่องยากของ มาต้า ในการรักษาผลงานให้คงที่และอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่จากฟอร์มนัดล่าสุดถือเป็นหนึ่งในหลายเกมที่เขาแสดงผลงานชั้นเยี่ยมออกมาให้แฟนบอล ปิศาจแดง ได้เห็น

มิดฟิลด์ชาวสเปนแสดงให้ถึงการเล่นที่ดีตลอด 90 นาที เขามีส่วนร่วมกับเกมอย่างมากโดยเฉพาะแนวรุก และที่สำคัญคือการลงไปช่วยวิ่งไล่บอลยามที่ทีมต้องตั้งรับ ซึ่งสิ่งนั้นได้รับคำชมจากกุนซือใหญ่ โซลชา อย่างมาก

ถือเป็นวันที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ดี (อีกครั้ง) ทุกอย่างดูลงตัวไปหมดโดยเฉพาะเกมรุกในครึ่งหลังที่สามารถปั่นป่วนแผงหลัง นอริช ได้อย่างต่อเนื่อง

ความเร็วของทั้ง แรชฟอร์ด และ มาร์กซิยาล ถือเป็นสิ่งที่อันตราย สำหรับกองหลัง และเมื่อนำมาบวกกับการผ่านบอลที่ยอดเยี่ยม มาต้า ทำให้ผลงานของ ผีแดง ออกมาอย่างที่เห็น

นอกจากนั้น แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ยังสร้างผลงานได้ดีอีกครั้ง ในการทำหน้าที่แบ็กซ้าย และเกือบที่จะทำประตูได้เช่นกันหากว่าไม่ทำ'หมูหก' ในจังหวะชาร์จจ่อๆกลางครึ่งหลัง

แต่โดยรวมแล้วเจ้าหนูวัย 19 ปีรายนี้ทำผลงานได้เกินวัยและดีวันดีคืนขึ้นเรื่อยๆ แถมยังมีส่วนสำคัญในการเรียกจุดโทษให้กับทีมอีกด้วย จึงไม่แปลกที่หลังจบเกม โซลชา จะถูกถามว่าตอนนี้ วิลเลี่ยมส์ คือแบ็กซ้ายเบอร์ 1 ของทีมหรือไม่? เพราะ ลุค ชอว์ ก็ยังเข้าๆออกๆโรหมอ และทาง แอชลี่ย์ ยัง มีข่าวย้ายทีมในเดือนนี้ ซึ่งจากผลงานอันยอดเยี่ยมทำให้สาวก ปิศาจแดง ต่างยกมือเชียร์ลูกหม้อจากทีมเยาวชนรายนี้ให้ถูกดันขึ้นมายึดแบ็กซ้ายเบอร์ 1 แบบถาวร




"เราต้องการไปยังจุดที่นักเตะเข้าใจในเรื่องนั้น ถ้าฉันเล่นดี, ฉันจะรักษาตำแหน่งของฉันเอาไว้ได้ ถ้าไม่ จะมีการแข่งขันอยู่ข้างหลังพวกเรา ตอนนี้มีการแข่งขันที่ดี (ในตำแหน่งแบ็กซ้าย) และ แบรนดอน ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ยอดเยี่ยมจากเขา

"ชัดเจนว่าความกระหายของเขาคือบทเรียนสำหรับทุกๆคนที่ต้องการเป็นนักฟุตบอล ทัศนคติที่เขากำลังแสดงออกมา มันจะขึ้นอยู่กับเขา, ผม และสโมสร ในการทำให้เขามีความกระหายเช่นนั้น ผมไม่อยากคาดหวังให้เขาเปลี่ยนแปลงเพราะเขามีความคิดเช่นนั้นอยู่แล้ว"

นั่นคือความเห็นของ โซลชา หลังจบเกมที่ผ่านมา ซึ่งเขาไม่ได้ยืนยันหรือออกมาการันตีตามที่สื่อต้องการ เพราะลึกๆแล้วเชื่อว่านายใหญ่ผีแดงต้องการให้นักเตะรักษาผลงาน รวมไปถึงพัฒนาฝีเท้าต่อไป เพราะยังมีอีกหลายจุดที่ วิลเลี่ยมส์ ต้องพัฒนาโดยเฉพาะจังหวะออกบอลและการตัดสินใจ

นอกจากนั้น โซลชา คงพยายามป้องกันนักเตะไม่ให้ถูกสื่อชักจูงหรือหลงไปกับคำยกยอจากบรรดาเหยี่ยวข่าว เพราะนั่นคือกับดักชั้นดีที่ทำให้นักเตะหลายคนต่อคนหลงทางและออกนอกลู่มานักต่อนัก นั่นคือสาเหตุสำคัญที่ โซลชา ย้ำตลอดว่า 'ทุกคนในทีมต้องทำงานหนัก' 

แต่ถึงจะเป็นเกมที่นักเตะ ปิศาจแดง ทำผลงานได้ดี ทว่าคำถามที่สำคัญคือการรักษา 'ความต่อเนื่อง' ที่ถือเป็นปัญหามาโดยตลอดนับตั้งแต่ โซลชา ตกลงรับงานคุมทีมแบบถาวร




อย่างที่เคยเรียนไปก่อนหน้านี้ว่า ผีแดง ยุค 'โอเล่' ไม่ต่างจากอาการคนทีผีเข้าผีออก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายและเอาแน่เอานอนไม่ได้ บทจะโชว์ฟอร์มเยี่ยมก็ทำได้ดีแบบน่าใจหายและสามารถทำได้ติดต่อกันหลายเกม แต่บทจะแย่ก็เป๋แบบไม่มีทรงและสามารถเป็นเช่นนั้นได้หลายเกมเช่นกัน

ตัวอย่างที่ชัดเจนเอาแค่ตั้งแต่ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เริ่มจากต้นเดือนพฤศจิกายนที่บุกไปแพ้ บอร์นมัธ 0-1 ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเพิ่งคว้าชัย 3 เกมรวดซึ่งหนึ่งในนั้นคือการบุกชนะ เชลซี ใน คาราบาว คัพ

หลังจากแพ้ เดอะ เชอร์รี่ส์ ชนิดที่แฟนบอลยังงงๆ ผีแดง คืนฟอร์มกลับมาคว้าชัยได้ 2 เกมซ้อน จากการดวล ปาร์ติซาน (3-0) และ  ไบรท์ตัน (3-1) ก่อนที่จะไม่ชนะในอีก 3 เกมถัดมากับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (3-3 แซงนำ 3-2 ก่อนจะโดนตีเสมอท้ายเกม), อัสตาน่า (แพ้ 1-2 ส่งเด็กลงสนามเพราะเข้ารอบไปแล้ว) และ แอสตัน วิลล่า (2-2)

โดยหลังจากนั้น โซลชา และลูกทีมทำผลงานอันเอกอุด้วยการเปิดรังสอย ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ของ โชเซ่ มูรินโญ่ 2-1 ก่อนจะบุกชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบน่าเหลือเชื่อด้วยสกอร์เดียวกัน และถล่ม อัลค์มาร์ 4-0 ก่อนจะสะดุดเล็กน้อยด้วยการเสมอ เอฟเวอร์ตัน ในรัง 1-1

เห็นได้ชัดเจนว่าผลงานของ ปิศาจแดง ไม่มีความต่อเนื่องและยังขาดในเรื่องของการรักษาฟอร์มการเล่นให้คงเส้นคงวา แม้จะเอาชนะ โคลเชสเตอร์ 3-0 แต่พวกเขากลับบุกไปโดน วัตฟอร์ด ที่ตอนนั้นรั้งบ๊วยไล่ต้อน 0-2 ก่อนจะส่งท้ายปีด้วยการเอาชนะได้ทั้ง นิวคาสเซิ่ล และ เบิร์นลี่ย์ ซึ่งหลังนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผลงานช่วงต้นปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร




นั่นคือการบ้านและโจทย์ที่ยากของ โซลชา ว่าจะทำอย่างไรให้ลูกทีมของเขามีความคงเส้นคงวาและสามารถรักษาผลงานที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง เพราะมันคือปัจจัยสำคัญในการลงเล่นบนเวที พรีเมียร์ลีก และที่สำคัญคือหัวใจหลักในการไล่ล่าท็อป 4

หลังจากนี้ ปิศาจแดง ต้องเจอกับ 2 เกมนัดสำคัญโดยเริ่มจาก เอฟเอ คัพ รอบ 3 นัดรีเพลย์ที่จะเปิดรังดวลกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันพุธนี้ ต่อด้วยเกม 'แดงเดือด' ที่ต้องออกไปเยือน ลิเวอร์พูล ทีมยังไร้พ่ายในลีกถึง แอนฟิลด์

ถือเป็น 2 เกมสำคัญที่มีผลต่อจิตใจและความรู้สึกของทั้งแฟนบอลและนักเตะ โดยเฉพาะในเกมบุกไปเยือน หงส์แดง ที่มีศักดิ์ศรีค้ำคอและเป็นศึกที่แฟนบอลต้องการเห็นผลงานที่ดีจากนักเตะ

ไม่ต่างไปจากศึกบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เพราะมันเป็นการชี้ชะตาว่าเส้นทางในการลุ้นโทรฟี่ในฤดูกาลของ ปิศาจแดง จะยังคงอยู่หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าแฟนบอลส่วนใหญ่ยังคงอยากให้ทีมอยู่ในเส้นทางดังกล่าว เนื่องจากคู่แข่งรอบต่อไปไม่หนักมากทั้ง ทรานเมียร์ หรือ วัตฟอร์ด (แม้จะเคยบุกแพ้ แตนอาละวาด ในลีกนัดล่าสุด แต่หลายคนมองว่าพวกเขาอาจจะทิ้งบอลถ้วยเพื่อไปเน้นในลีกทำให้เป็นโอกาสอันดีของ ผีแดง หากพวกเขาหลุดเข้ารอบ 4 ไปได้)




เป็นอีกครั้งที่แฟนบอลหวังว่าจะได้เห็นทีมกลับทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากต้องผิดหวังในช่วง 3 นัดก่อนที่จะเอาชนะ นอริช ในเกมล่าสุด

กับช่วงเวลาที่สำคัญ หวังว่าผลงานในนัดที่ผ่านมาจะเป็นตัวจุดประกายความมั่นใจของทีมให้กลับมาอีกครั้ง และที่สำคัญหวังว่าบรรดานักเตะจะสามารถรักษาความต่อเนื่องได้ดีกว่าที่ผ่านมา

มันคือกำแพงที่ทีมของ โซลชา ต้องก้าวข้ามไปให้ได้ เพราะมันคือเรื่องสำคัญในการยกระดับทีมให้ไปยังจุดที่พวกเขาต้องการ 

หวังว่าการเปิดซิงชัยชนะนัดแรกในปี 2020 ที่มีเหนือนอริชจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีของทีมและแฟนบอล ... หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น 



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด