ราชสีห์ นาม 'ซลาตัน'
ทีมรักคว้าชัยชนะ 4-1 แม้จะโดนนำไปก่อนแต่นักเตะสามารถรวมพลังกลับมาแซงชนะได้แบบไม่มีปัญหา
นอกจากนั้น นักเตะก็กลับมาทำผลงานกันได้ดี แนวรุกเล่นได้ไหลลื่นขึ้น จังหวะเข้าทำก็กลับมาหลากหลายเหมือนอย่างต้นฤดูกาล
จิ๊กซอว์สำคัญคงหนีไม่พ้น ปอล ป็อกบา ที่ได้รับคำชมอย่างมาก ซึ่งการกลับมาของกองกลางชาวฝรั่งเศสทำให้ทีม ปิศาจแดง มีความสมดุลมากขึ้น
เรื่องราวดีๆเกิดขึ้นมากมาย ใช่เพียงผลการแข่งขัน หรือ การกลับมาของ ป็อกบา แต่ยังรวมไปถึงชายที่ชื่อ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
วินาทีที่ 'ซลาตัน' ถูกส่งลงสนามแทน อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ในนาที 77 ของเกมที่เอาชนะ นิวคาสเซิ่ล 4-1 แฟนบอล ผีแดง ทั่วทั้งสนาม (อาจจะรวมชมผ่านจอโทรทัศน์) ลุกขึ้นปรบมือให้กับหอกร่างใหญ่ชาวสวีดิช
นี่คือการกลับมาลงสนามในรอบกว่า 7 เดือน หลังจากนักเตะต้องประสบปัญหาบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างรุนแรง ตอนนั้นหลายคนคาดว่าเส้นทางการค้าแข้ง ซลาตัน คงจบลงไปแล้ว แต่พวกเขาคิดผิด
มันกลับช่วยให้ อิบราฮิโมวิช มุ่งมั่นกว่าเดิมในการกลับมาจากอาการบาดเจ็บ (หนัก) เขาตั้งเป้าหมายเอาไว้ในหัวเลยว่า 'ต้องกลับมาสะสางงานที่ทำค้างไว้ให้สำเร็จ'
"ผมรู้สึกยินดีมากที่ผมสามารกลับมาวิ่งอีกครั้ง ทำในสิ่งที่เคยทำ และทำในสิ่งที่วิเศษเช่นนี้"
"ผมมีความหวังว่าผมจะสามารถกลับมาสวมรองเท้าฟุตบอลอีกครั้ง พร้อมกับทำงานอย่างหนักเพื่อกลับมาลงเล่นเกมที่ผมรัก ลงเล่นเกมที่ผมเล่นมาตลอดทั้งชีวิตและเกมที่มีความหมายต่อทุกๆสิ่งในชีวิต"
"ผมยินดีมากที่สามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกครั้งหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา" ซลาตัน เผยความในใจหลังจบเกมล่าสุด
หลายคนอาจจะถอดใจไปแล้วหากต้องมาเจอสถานการณ์เดียวกับ อิบราฮิโมวิช แต่ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ ด้วยหัวใจของยอดนักสู้ และด้วยความเป็นคนทะนงตนในศักดิ์ศรี ทำให้คำว่า 'ยอมแพ้' ไม่มีในพจนานุกรมของ ซลาตัน
ใช่ เขาระบุว่า 'การยอมแพ้' ไม่ใช่ทางเลือก และไม่เคยผ่านมาในหัวเขาเลยในตอนที่ต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บ สิ่งเดียวที่เขาคิดคือเร่งพยายามฟื้นฟูและกลับมาให้แข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมา
มันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับ ซลาตัน ไม่ใช่ เพราะสิ่งเหล่านี้นอกจากจะเป็นความท้าทายในอาชีพยังเป็นตัวจุดเชื้อไฟแห่งความกระหายให้กับเขา
"ผมจะเป็นคนที่หัวแข็งมากๆยามที่ตนเองมีเป้าหมายให้พุ่งชน"
แน่นอน เป้าหมายของคือการกลับมาผงาดบนฟลอร์หญ้าสีเขียวอีกครั้ง และมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี
"เมื่อผมตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งไปแล้ว ผมจะมุ่งมั่นมาก ผมจะทำมันในระดับ 200 เปอร์เซ็นต์ โดยจะไม่ให้ใครมาหยุดผมและไม่มีวันที่จะยอมแพ้"
ตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา อิบราฮิโมวิช ต้องต่อสู้กับตนเองทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ไหนจะเสียงวิจารณ์ต่างๆนานา หรือคำดูถูกหยามเหยียดว่าอายุเท่านี้แล้วจะกลับมาลงสนามได้อีกหรือ?
แต่ขอโทษ สิ่งเหล่านั้นคือแรงผลักดันชั้นดีของ ซลาตัน เมื่อมาผสมรวมกับกำลังใจของคนรอบข้างทำให้มันเป็นแรงผลักดัน 200 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่เขาระบุไป
"ถ้าผมต้องดำเนินไปเพียงลำพังผมไม่คิดว่าผมจะทำมันได้ ดังนั้นขอบคุณแฟนบอล, เพื่อนร่วมทีม, ครอบครัวของผม, โค้ช และ สโมสร ที่เชื่อใจผมและพวกเขาทราบว่าผมทำอะไรได้บ้าง"
" ผมรู้สึกว่าได้พลังงานมาจากทุกคน พวกเขารักผมเหมือนเดิม ซึ่งมันคือพลังงานที่ผมให้กับตนเอง และสิ่งนี้ทำให้คุณก้าวเดินต่อไปเพราะนี่คือแรงกระตุ้น"
"แม้แต่ในช่วงอบอุ่นร่างกาย ผมกลับรู้สึกว่าแฟนบอลกำลังส่งเสียงเชียร์ผมอยู่ ทำให้ผมมีพละกำลังเพิ่มขึ้น ความรัก, แรงกระตุ้น คุณเพียงต้องการออกไปตรงนั้นและให้พวกเขากลับคืนไปบ้าง"
ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ถึงตรงนี้ ซลาตัน มีหน้าที่ที่รอเขาอยู่นั้นคือการยกระดับและช่วยให้ทีมเดินหน้า
งานที่ อิบราฮิโมวิช ทำค้างไว้มากองอยู่ตรงหน้า ซึ่งเขาต้องพยายามสะสางให้มันสำเร็จและลุล่วงไปได้ด้วยดี
'สิงโตน่ะฟื้นฟูไม่เหมือนกับมนุษย์หรอกนะ'
และเช่นกันงานของ ราชสีห์ นาม 'ซลาตัน' กำลังจะเริ่มต้น (อีกครั้ง)
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT