ภาพจำของรูนี่ย์
นั่นคือหนึ่งถ้อยแถลงของ เวย์น รูนี่ย์ หลังจากเจ้าตัวออกมาประกาศอำลาทีมชาติ
เป็นเรื่องที่ตกใจและน่าใจหายไม่น้อยที่รูนี่ย์ประกาศเช่นนั้นออกมา
ภาพความทรงจำของผมกับ เวย์น รูนี่ย์ เด่นชัดขึ้นมาทันทีหลังจากได้อ่านข่าวนี้เมื่อช่วงเย็นของวันพุธที่ผ่านมา
จะว่าไปแล้วเส้นทางการเติบโตในสายอาชีพนักฟุตบอลของเขาตีคู่ไปกับความหลงใหลในโลกฟุตบอลของผม
ภาพความทรงจำที่เห็นไอ้หนูร่างตุ้ยนุ้ยลงมาหวดประตูลูกนั้นใส่ เดวิด ซีแมน ยังตราตรึง
ยิ่งตอนที่ย้ายมาเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใหม่ๆ ยิ่งทำให้โลดเต้นและดีใจเสียยกใหญ่
หรือจะเป็นเหตุการณ์ในยูโร 2004 ที่ทำให้ผมทั้งปลื้มปริ่ม ยินดี และเสียใจ หรือจะ ฟุตบอลโลก 2006 กับช็อตโดนใบแดงในจังหวะนั้นที่ทำให้ผมเดือดดาลและเกรี้ยวกราด
หากจะพูดว่านี่คือหนึ่งในไอดอลที่ผมติดตามมากที่สุดคนหนึ่งก็คงไม่ผิดแปลกอะไร
วันเวลาดำเนินไปพัฒนาการของรูนี่ย์รุดหน้าไปรวดเร็ว จากเด็กตัวเล็กๆที่เติบโตมาจากถิ่น กูดิสัน พาร์คโยกย้ายถิ่นฐานไปบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าอย่าง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ซึ่งที่นั่นทำให้รูนี่ย์กลายมาเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่จวบจนทุกวันนี้
เส้นทางในทีมชาติคงไม่ต่าง โอกาสจาก สเวน โกรัน อีริคส์สัน ในวันนั้นทำให้โลกรู้จักเด็กหนุ่มจากคร๊อกซ์เท็ธคนนี้
ประตูแรกในนามทีมชาติที่กดใส่มาซิโดเนียยังคงติดตา เพราะนั่นคือประตูแจ้งเกิดและทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูให้ทีมชาติอังกฤษ
ไหนจะผลงานใน ยูโร 2004 รอบสุดท้ายที่เข้าตาเต็มเบ้า แม้จะเจ็บกลับมาและไม่สามารถช่วยทีมไปให้ไกลกว่าที่
ควรจะเป็น แต่นั่นพูดได้เต็มปากว่าเป็นเวทีแจ้งเกิดของเขาอย่างเต็มตัว
กาลเวลาผ่านไปนานวัน อาจจะล้มบ้าง เจ็บบ้าง และผิดหวัง แต่จากเด็กที่ไล่ตามความฝันในวันนั้นกลายมาเป็นกัปตัน
ทีมชาติอังกฤษ
"การเล่นให้ทีมชาติอังกฤษช่างวิเศษเสมอ ทุกๆครั้งที่ผมได้รับเลือกไม่ว่าจะเป็นในฐานะนักเตะหรือกัปตันทีมมันช่างยอดเยี่ยม ผมจึงอยากจะขอบคุณทุกๆคน"
ไม่เพียงเท่านั้น เวย์น รูนี่ย์ ยังสร้างสถิติกับทีมชาติเอาไว้อย่างมาก
- ติดทีมชาติ 119 (เป็นนักเตะเอาท์ฟิลด์ที่ติดทีมชาติมากที่สุด)
- ยิงประตูให้ทรี ไลออนส์ 53 ลูก นั่นทำให้เขาครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล
- นอกจากนี้ยังเป็นนักเตะที่มีสถิติชนะถึง 71 เกม
ทุกสิ่งย่อมมีวันโรยราและร่วงโรย ถึงวันนี้ เวย์น รูนี่ย์ ขอหันหลังให้กับทีมชาติและมุ่งมั่นกับสโมสรที่เขารักอย่าง
เอฟเวอร์ตัน
มันคือการตัดสินใจที่ยากยิ่งของหัวหอกวัย 31 ปีคนนี้ เพราะนี่คือการตัดสินสำคัญครั้งที่สองในรอบไม่กี่เดือนเพราะก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งอำลาสโมสรที่สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่นั่นคือสิ่งที่เขามองว่าดีที่สุดสำหรับตนเอง
"ผมเชื่อว่ามันถึงเวลาที่จะเลิกแล้ว"
"การออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือการตัดสินใจที่ยากแล้ว แต่ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ตอนนี้ผมต้องการมุ่งมั่นและมอบพลังทั้งหมดให้กับเอฟเวอร์ตันเพื่อช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จ"
ใช่ครับ มันเป็นการตัดสินใจที่ยากและต้องใช้เวลาคิดอย่างรอบคอบ
การที่จะบอกลาหรือตัดใจจากสิ่งที่เราผูกพันมานานแสนนั้นยากเสมอ แต่ถ้าสิ่งที่ทำลงไปสามารถทำให้เราเดินหน้าต่อไปอย่างมีความสุขและสามารถทำให้เรามุ่งมั่นกับเรื่องตรงหน้าได้อย่างเต็มที่ นั่นก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ไม่ต่างจากเวย์น รูนี่ย์ ที่ได้เลือกทางเดินของตนเองแล้ว
แต่เชื่อเถอะว่าแฟนบอลสิงโตคำรามจะจดจำชายคนนี้ในฐานะตำนานคนหนึ่งของพวกเขา
นักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งของทีมชาติอังกฤษ ... เวย์น รูนี่ย์
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT