:::     :::

สวิตเซอร์แลนด์ แดนฝัง 'ผี'

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2560 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
2,017
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สังเวียน เซนต์ จาค็อบ พาร์ค ยังคงเป็นสนามที่ทำให้เหล่า เร้ด เดวิลส์ น้ำตาตก และกลับออกมาพร้อมกับผลงานที่ไม่น่าพอใจ

ย้อนกลับไปในปี 2011 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เคยบุกไปโดน เอฟซี บาเซิ่ล กระทืบแหลกคาเท้าแล้วด้วยสกอร์ 1-2 และปีนั้นนั่นแหละที่ ปิศาจแดง ต้องอกหักจบอันดับ 3 ต้องหล่นไปเล่น ยูโรปา ลีก ในท้ายที่สุด

แต่การพ่ายแพ้หนล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา มันคงไม่ได้ย่ำแย่อะไรขนาดนั้น เพราะท้ายที่สุดการกำหนดชะตากรรมและอนาคตยังอยู่ในมือของลูกทีม โชเซ่ มูรินโญ่ พร้อมกับเงื่อนไขที่เข้าทางพวกเขาอย่างมาก

หลายคนคงทราบไปแล้วว่า ยูไนเต็ด จะตกรอบหากแพ้ ซีเอสเคเอ มอสโก 7 ประตู ซึ่งมีโอกาสความเป็นไปได้ทางทฏษฎี แต่ทางปฏิบัติเรียกได้ว่าแทบจะเป็น 0 รวมไปถึง มูรินโญ่ และนักเตะก็ต้องเน้นมากขึ้นกว่านัดล่าสุด

ว่ากันถึงเกมที่ สวิตเซอร์แลนด์ แล้วก็ไม่ถือว่าน่าแปลกใจโดยเฉพาะการจัดทัพที่แว่วข่าวออกมาว่า นายใหญ่ปิศาจแดงอาจจะมีการปรับทัพหลายจุด ซึ่งหลังจากการประกาศตัวออกมาก็เป็นไปตามที่สื่อจากแดนผู้ดีหลายเจ้ากะเก็งเอาไว้

ส่วนนึ่งคงมาจากสถานการณ์ที่ค่อนข่างลอยลำ (แม้จะยังไม่ 100%) ทำให้ มูรินโญ่ สามารถสลับทัพและหมุนเวียนส่งนักเตะตัวสำรองลงสนาม

อีกหนึ่งเหตุผลน่าจะมาจากโปรแกรมต่อจากนี้ที่จะถี่ยิบขึ้นชนิดที่เตะทุกๆ 3 วัน ซึ่งมันจะลากยาวไปจนถึงช่วงปีใหม่ ทำให้การจัดระบบ, ระเบียบ และ การหมุนเวียนนักเตะเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการแต่เนิ่นๆ

ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าทาง 1 คะแนนกำลังจะเขากระเป๋า แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตร เพราะดันมาโดนประตูท้ายเกมจาก มิชาเอล ลัง

ความพ่ายแพ้ทำให้ถูกพูดถึงในวงกว้าง ยิ่งเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วด้วย ยิ่งทำให้เป็นที่จับตามองของหลายคน (โดยเฉพาะแฟนบอลทีมอื่นๆ ที่คอยกระทืบซ้ำในเวลาเช่นนี้)




แต่ ... อย่างที่เรียนไป ทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่เห็น ในวันที่พ่ายแพ้ยังคงมีเรื่องราวดีๆ ถูกส่งออกมา

การกลับมาของ มาร์กอส โรโฮ นั่นไง ที่นับเป็นสัญญาณที่ดีในยามที่ เอริค ไบยี่ กับ ฟิล โจนส์ หายไปเพราะโดนอาการบาดเจ็บลักพาตัว

ยิ่งมาดูผลงานของกองหลังชาวอาร์เจนติน่ารายนี้ก็ทำให้พอใจได้ระดับหนึ่งเนื่องจาก โรโฮ ถือว่าโชว์ฟอร์มได้ดีจากนัดล่าสุด

มูรินโญ่ ก็ดูจะพอใจกับผลงานและพัฒนาการของ โรโฮ เป็นอย่างมาก พร้อมกับออกปากชมว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่เล่นที่สุดของทีมในเกมดวล บาเซิ่ล

จังหวะบล็อกสำคัญๆ หรือจังหวะสับไกชนคาน นั่นก็มาจากการเล่นอันยอดเยี่ยมของ โรโฮ ทั้งสิ้น ซึ่งหากไม่นับจังหวะพลาดเสียประตู (หลายคนอาจจะโทษ ดาลี่ย์ บลินด์ แต่ส่วนตัวมองว่าแนวรับทุกคนมีส่วนรับผิดชอบ) ทุกอย่างดูดีหมด

อีกหนึ่งสัญญาณที่แสดงออกมาในทิศทางบวกคือผลงานนักเตะในครึ่งแรก ใช่ .... ปิศาจแดง ดาหน้าบุกแหลกแบบไม่เกรงใจเจ้าถิ่นและมีโอกาสจะได้เฮไม่ต่ำกว่า 5-6 ครั้งแต่ทั้งหมดไม่ติดเซฟผู้รักษาประตูก็ต้องมีกรอบเสา-คานมาขัดขวาง

ทุกคนดูตั้งใจและมุ่งมั่นโดยเฉพาะบรรดาตัวสำรองที่อยากสร้างผลงาน นักเตะที่เพิ่งกลับมาอย่าง โรโฮ ก็อยากเรียกจังหวะและสัมผัสเกม ทำให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นใน 45 นาทีแรกออกมาดีมาก เสียอย่างเดียวตือ ไม่มีประตู

"ผมไม่สามารถไปตำหนิลูกทีมได้ เพราะเรามีผลงานที่ดีในเกมล่าสุด" มูรินโญ่ กล่าวหลังจบเกม

"เราเคยเล่นเกมแบบนี้มา 10 ครั้ง และเอาชนะไปได้แบบสบายๆ 9 หน ทว่าเกมล่าสุดมันไม่ใช่ เราเล่นได้ดีโดยเฉพาะในครึ่งแรก เราน่าจะชนะ5-0 ด้วยซ้ำไป"

"แต่นี่แหละฟุตบอล เราทราบดีว่าคู่แข่งจะแตกต่างไปในครึ่งแรก เราเองต่างหากที่ยิงประตูไม่ได้ ผมมองว่าในครึ่งหลังทุกคนพอใจกับผลเสมอ ก่อนที่จะมาโดนประตูท้ายเกมนั่นแหละ"

ในส่วนรูปนั้นก็อย่างที่เรียนไป 45 นาทีแรก ปิศาจแดง ครองเอาไว้ได้หมด แต่พอครึ่งหลัง บาเซิ่ล เริ่มต่อกรได้จนกระทั่ง ปอล ป็อกบา โดนถอดออกจากสนาม





จุดนี้ มูรินโญ่ เองก็ยอมรับว่าเกมเปลี่ยนไปมากหลังจากกองกลางทีมชาติฝรั่งเศสออกไป แต่เหตุหลักๆเลยก็คือระดับความฟิตของ ป็อกบา ยังไม่เต็ม 100 และหากใครดูถ่ายทอดสดคงจะได้เห็นตอนที่เขาวิ่งออกจากสนามพร้อมกับสีหน้าท่าทางที่อ่อนล้า

มันเป็นเรื่องที่ มูรินโญ่ ได้กล่าวมาแล้วหลังจบเกมถล่ม นิวคาสเซิ่ล 4-1 เขาระบุว่าได้ตกลงกับทีมงานกายภาพและนักเตะถึงการประเมินความพร้อมและสภาพร่างกายในแต่ละนัดเพื่อไม่ให้ ป็อกบา อ่อนล้าเกินไป และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนักเตะถึงโดนถอดออกในนาที 66

"ผมส่งนักเตะมีประสบการณ์อย่าง เนมานย่า มาติช ลงสนามเพราะคิดว่ามันคงไม่ส่งผลต่อเกม, ส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงไปเพื่อเพิ่มความเร็วและสร้างปัญหาให้คู่แข่ง, ส่ง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ลงไปเพื่อเก็บบอลและมันออกมาดีทีเดียว"

หากมองดีๆ มันเหมือนกับการลองทีมและประบระบบการเล่นไปในตัว แต่ก็อย่างที่บก เพียงแค่ผลการแข่งขันมันไม่เข้าทาง เลยทำให้ มูรินโญ่ ถูกนักข่าวจ้องถามและจี้จุดอย่างมาก

เป็นธรรมดาของ ชายที่ชื่อ มูรินโญ่ และสโมสรนาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เวลาพุ่งชนกับความพ่ายแพ้ก็มักจะออกมาในสถานการณ์เช่นนี้

ทุกคน (นักข่าว และแฟนบอลฝ่ายตรงข้าม) พร้อมที่จะซ้ำเติมและจุดเชื้อไฟให้ลุกโชน เพราะพะยี่ห้อ ยูไนเต็ด เปรียบได้กับหัวเชื้ออย่างดีที่สามารถลุกลามและนำไปจุดต่อได้เรื่อยๆ



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด