แม็คโทมิเนย์: ผมจะกลับมาพร้อมความกระหายที่มากกว่าเดิม (1)
เช่นเดียวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ให้บรรดานักเตะสลับหมุนเวียนในการมาฝึกซ้อมที่สโมสร ซึ่งแฟนๆ คงได้เห็นกันไปแล้วหลังจาก ปิศาจแดง ปล่อยภาพและวิดีโอผ่าน โซเซียล มีเดีย ของสโมสร
สำหรับช่วงเวลาวันหยุดและรอให้เกมกลับมาอย่างเป็นทางการ เราขอพาแฟนๆ ผีแดง ไปอ่านบทสัมภาษณ์ตอนแรกของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กันดีกว่า ...
การที่คุณก้าวมาจากทีมเยาวชนของ ยูไนเต็ด คุณบอกกับเราได้หรือไม่ว่าอารมณ์และประสบการณ์ในการได้เล่นที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ครั้งแรกเป็นอย่างไร? การออกจากอุโมงค์นักเตะ แล้วคุณคิดอะไรในตอนนั้น?
"ใช่ นั่นเป็นเกมที่เจอกับ คริสตัล พาเลซ ในบ้าน นั่นคือครั้งแรกของผม ผมมีโอกาสลิ้มลองรสชาติของมัน (การได้อยู่ในม้านั่งสำรอง) แต่ในตอนที่คุณได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริง มันเป็นสิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจน มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตอนที่อยู่บนม้านั่งสำรองหรือบางทีการได้ลงเล่น รวมไปถึงความรู้สึกก่อนช่วงเวลานั้น ตอนที่คุณอยู่ในทีมสำรอง คุณไม่ได้ถูกสอนให้รับมือกับแรงกดดัน และวิธีในการรับมือกับความคาดหวังจากแฟนบอลหรือสิ่งที่คล้ายเรื่องแบบนั้น ดังนั้นมันไม่ใช่ทั้งเรื่องของความสำเร็จหรือล้มเหลว คุณมีสภาพจิตใจของคุณเองในการลงสนามเพื่อทำให้ดีที่สุดและช่วยทีมให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่เรื่องของอารมณ์ถือว่ามั่นคงอย่างมาก ผมรู้สึกเหมือนช่วงก่อนเกม คุณต้องกระตุ้นตัวเองและต้องมีสภาพจิตใจที่พร้อมก่อนสภาพร่างกาย และแน่นอนว่าสำหรับผมมันคือการควบคุม เมื่อคุณลงสนาม คุณต้องดุดันกว่าเดิมและคุณต้องทำทุกๆ อย่างในสนาม แต่คุณต้องมีความแน่วแน่ คุณไม่สามารถลงไปหวดและเพิ่มอารมณ์ของเกมใน แมนเชสตอร์ ดาร์บี้ ตั้งแต่ช่วง 5 นาทีแรกหรือทำให้ตัวเองต้องโดนไล่ออก มันคือสมดุลที่ดีระหว่างการควบคุมอารมณ์และแน่นอนว่าการควบคุมร่างกาย"
คุณคิดว่านักเตะในทีมเยาวชนทั้งปัจจุบันและอดีตคนไหนที่สามารถสร้างชื่อในฟุตบอลได้?
"มีเยอะเลยจนพูดไม่จบ คุณมองไปที่ทักษะของนักเตะอย่าง อัดนาน ยานาไซ, ราเวล มอร์รีสัน ซึ่งถือเป็นนักเตะที่มีทักษะสูงอย่างมาก และผมมั่นใจว่าพวกเขายังคงทำสิ่งที่ดีมากๆ สำหรับพวกเขาเอง เรามี เดเมทรี มิตเชลล์ ที่โชคร้ายกับอาการบาดเจ็บ คนที่เป็นนักเตะยอดเยี่ยมและเพื่อนร่วมทีมที่ดี สำหรับเขาแล้ว การที่อาการบาดเจ็บหายไปและกลับมาเล่นได้แบบนี้ถือว่ามหัศจรรย์ มีหลายคน ผมเคยลงเล่นกับกับ โอลิเวอร์ แร็ธโบน ที่ก้าวขึ้นมาและมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในทีมเยาวชนเหมือนกับผม ไม่ได้ลงเล่นมากนัก การก้าวขึ้นมาด้วยการแสดงผลงานที่แตกต่างกัน และมองหาหนทางในฐานะนักเตะของเขา ถ้าคุณดูเขาตอนนี้ เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของ รอชเดล และเขาน่าจะได้ย้ายไปสักที่ สำหรับผมแล้ว เด็กทุกๆ คนที่ก้าวมาจากทีมเยาวชนต่างมีสภาพจิตใจที่ถูกต้อง และนั่นคือพื้นฐาน ซึ่งพวกเขายังคงสานต่อเส้นทางอาชีพได้อย่างยอดเยี่ยม"
ในส่วนของทีมปัจจุบัน มีใครที่ทำผลงานโดดเด่น หรือคนที่เราต้องดูอย่างระวังและไม่ยกยอจนเกินจริง?
"เด็กๆ จากทีมเยาวชน? มีเยอะมาก คุณได้เห็น ดีชอน (เบอร์นาร์ด), ลาร์จี้ (รามาซานี่), จิมมี่ (การเนอร์) และแน่นอนว่าคุณได้เห็น เมสัน (กรีนวูด) ก้าวขึ้นมา และเส้นทางของ เมสัน ก็เป็นที่ยอมรับ เขายังไม่ได้ลงสนามในทีมชุดใหญ่มากเท่าไหร่ และนั่นคือสิ่งที่ เมสัน ต้องพยายามทำให้สำเร็จ เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา (ไม่ว่าจะการยิงด้วยเท้าซ้ายหรือขวา ซึ่งนั่นเป็นความเห็นส่วนตัวของผม) มาร์คัส, เจสซี่ คนที่มีประสบการณ์ในทีมอย่าง ฆวน, เนมันย่า, แกรนตี้) ตอนนี้เรามีหน้าที่ในการผลักดันเด็กๆ เหล่านี้ และยกระดับพวกเขาให้ก้าวผ่านศักยภาพของพวกเขา มันคือเป้าหมายแรกของทุกๆ คนที่สโมสรฟุตบอล มันเป็นเหมือนกับตัวของผม ผมได้รับการผลักดันจากโค้ชในทุกๆ วัน ชัดเจนว่า แฮร์รี่ แม็คไกวร์, เนมันย่า, ปอล พวกเขาเป็นนักเตะที่ทรงอิทธิพลที่คุณต้องเรียนรู้จากพวกเขาในทุกๆ วัน ถ้าเด็กๆ ม่มีความรับผิดชอบกับอาชีพของพวกเขา มันก็อาจจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เด็กๆ ที่ก้าวมายังทีมชุดใหญ่ในปีนี้มาจากกลุ่มเด็กที่อายุน้อยกว่าซึ่งต้องได้นับความดีความชอบไปเต็มๆ"
รองเท้าคู่ไหนเป็นคู่โปรดของคุณ หรือเป็นคู่นำโชคของคุณในตอนเด็ก?
"รองเท้านำโชคของผม! คุณรู้อะไรมั้ย ในตอนที่เป็นเด็กผมไม่เคยสนใจเรื่องรองเท้านำโชคหรืออะไรทำนองนั้น ผมกำลังย้อนกลับไปในช่วงปีที่ผ่านมาหรืออะไรทำนองนั้น ผมทำประตูแรกให้สโมสร ... มันเป็นรองเท้า adidas Nemeziz สีเหลืองสะท้องแสง ผมสวมมันแค่แปบเดียว ส่วนใหญ่ผมใส่ไม่นานเพราะผมชอบเปลี่ยนรองเท้า และผมรู้สึกว่านั่นคือความรู้สดใหม่ของบางสิ่งเมื่อมีสิ่งใหม่ๆ เข้ามา ดังนั้นผมจึงชอบทำแบบนั้นเสมอ รองเท้าเหล่านั้นอยู่ได้ไม่นาน"
รู้สึกอย่างไรบ้างกับก้าวมาจากทีมเยาวชนและตอนนี้กำลังลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของสโมสรต่อหน้าแฟนบอลของ ยูไนเต็ด ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด?
"อารมณ์ตอนนั้นน่าเหลือเชื่อมาก เมื่อคุณเป็นนักเตะทีมเยาวชน มันแตกต่างจากนักเตะที่มาจากประเทศอื่นๆ หรือพื้นที่ที่แตกต่างกัน แต่แฟนๆ รู้เสมอว่าคนๆ นั้นมาจากทีมเยาวชนและลงเล่นในทีมชุดใหญ่ มันเป็นอารมณ์ที่แตกต่างในการอยู่ต่อหน้าแฟนบอล คนส่วนใหญ่ที่นั่งอยู่ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด คือคนทีคุณเคยเจอโดยบังเอิญบนถนนหรือเคยเห็นมาก่อน พวกเขาอาจจะเป็นเพื่อนหรือครอบครัวที่กำลังนั่งชม มันน่าเหลือเชื่อมาก และคุณไม่สามารถคิดไปเองได้เลยเพราะในช่วงเวลาแบบนี้ เมื่อทุกๆ คนอยู่ในช่วงล็อคดาวน์ และคุณเล่นฟุตบอลไม่ได้ คุณกำลังเพลิดเพลินกับช่วงเวลาเหล่านั้นอีกครั้งเมื่อคุณอยากเตะฟุตบอลและลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลมากมาย บางคนเหมือนกับผมซึ่งเป็นคนที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความตื่นเต้นและการแข่งกัน รวมไปถึงการทำสิ่งที่ถูกต้องและทำงานอย่างหนัก มันยากที่คุณจะรู้ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณทำสิ่งนั้นไม่ได้ นั่นคือสาเหตุที่คุณต้องผลักดันตนเองไปยังสิ่งอื่นๆ อาทิ โรงยิม และการวิ่ง หรือการลงเตะฟุตบอลในสวนหลังบ้าน"
คุณก้าวมาจากทีมเยาวชน คุณกลายมาเป็นส่วนสำคัญของทีม มันยากมากแค่ไหนกับการผลักดันตนเองให้ดีขึ้นกว่าเดิมยิ่งๆ ขึ้นไป?
"คุณมองไปที่ตัวอย่างที่ดีที่สุดในโลก นั่นคือ โรนัลโด้ และ เมสซี่ สำหรับการรักษาระดับ (ที่สูง) ไว้ปีแล้วปีเล่า ไม่ว่านักเตะคนไหนที่ดีไม่ดีไม่เท่าสองคนนี้และคิดว่าพวกเขาทำได้และย้ายมา พวกเขาก็แค่ล้อเล่นกับตัวเอง เพราะทันทีที่พวกเขาหยุดความปรารถนาในการเรียนรู้, การพัฒนา, การเรียนรู้ในเกมฟุตบอล นั่นคือการที่คุณทำสิ่งที่ไม่ฉลาดกับตัวเอง สำหรับผม มันเป็นเรื่องของการที่คุณอยากพัฒนาในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งทาง คีแรน (แม็คเคนน่า), ไมเคิ่ล (คาร์ริค), ผู้จัดการทีม, ไม่ใครก็ตาม, ไม่ว่านักเตะคนไหนที่ต้องการพูดคุยกับคุณในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถช่วยให้คุณพัฒนาต่อไปได้ คุณต้องรับมันไว้อย่างเต็มใจ เพราะถ้าคุณไม่รับ คุณคงไม่อยากมองย้อนหลับไปในเส้นทางอาชีพและคิดว่า 'โอ้ ฉันเสียใจที่ไม่ได้ทำเรื่องนี้หรือฉันเสียใจที่ไม่ได้ทำแบบนั้น' คุณต้องการจบเส้นทางอาชีพของคุณและพูดว่า 'ฉันทุ่มเทให้กับสโมสรนี้อย่างเต็มที่เท่าที่ฉันทำได้แล้ว'"
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT