ผลงานที่ต้องสานต่อ
แน่นอนว่ามันเป็นเกมที่ยากในการบุกไปเยือน เดอะ กันเนอร์ส ที่ผลงานในรังดุดันและถือเป็นสังเวียนที่ ยูไนเต็ด มักจะเจอกับผลการแข่งขันที่ไม่ดีในช่วงหลัง
แต่ในเกมเช่นนี้แหละที่จะพิสูจน์ว่า ลูกทีมชอง โชเซ่ มูรินโญ่ มีดีพอที่จะก้าวไปเขย่าบัลลังก์จ่าฝูงของทีมเรือใบหรือไม่ เพราะถ้าอยากจะเป็นที่ 1 ของประเทศ การคว้าสามแต้มในเกมสำคัญแบบนี้ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทีมนั้นๆต้องมี
อย่างที่ แพ็ดดี้ ครีแรนด์ อดีตตำนานนักเตะผีแดง ระบุนั่นแหละ ในเกมสำคัญแบบนี้มันจะเป็นตัวแสดงให้เห็นถึงบุคลิกของทีมว่าพร้อมที่จะเดินหน้าไปสู่เส้นทางแชมป์หรือไม่
แม้ว่าช่องว่างระหว่างคะแนนของ ยูไนเต็ดกับ ซิตี้ ยังคงห่างกันมาก แต่ชัยชนะที่ได้มาในนัดล่าสุดจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับ ปิศาจแดง ได้มากโข
ไม่เพียงแค่ความมั่นใจ มั่นยังรวมไปถึงความฮึกเหิม และสปิริตในทีม ที่เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
ยิ่งนัดต่อไปคือเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด การคว้าชัยเหนือทีมใหญ่มาได้มันส่งผลดีกับ ยูไนเต็ด อย่างไม่ต้องสงสัย
ย้อนกลับไปในนัดที่ ผีแดง บุกหักกระบอกปืนที่ลอนดอน
โชเซ่ มูรินโญ่ ยังคงจัดทัพ 11 ตัวจริงชุดเดิมจากเกมที่เอาชนะ วัตฟอร์ด เมื่อกลางสัปดาห์ ในระบบ 3-4-1-2
ระบบการเล่นแบบหลัง 3 ตัวมักจะสร้างความขุ่นเคืองและไม่สบอารมณ์ให้กับแฟนบอล ปิศาจแดง ในโลกโซเชียล อยู่บ่อยครั้ง แต่ผลงานที่ผ่านมาคงหุบปากบรรดาแฟนบอลขี้บ่นได้พอสมควร
แผนการและวิธีการเล่นไม่ต่างไปจากเกมล่าสุดที่บุกสอยรังแตน คือการเน้นรัดกุมรอจังหวะ และอาศัยความเร็วในแนวรุกดดันแนวรับคู่แข่งเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามออกบอลยาก
สิ่งนี้มาประสบผลได้เร็วตั้งแต่หัววัน ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณแนวรับ อาร์เซน่อล ที่พลาดกันเอง
บทลงโทษนั้นแสนสาหัสเพราะเพียงโอกาสแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็สามารถเปลี่ยนเป็นสกอร์จากปลายสตั๊ดของ อันโตนิโอ วาเลนเซีย
เท่านั้นไม่พอ ผีแดง ยังมาได้ประตูที่สอง (เกิดจากความผิดพลาดในแนวรับของ ปืนโต อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดครั้ง 5 ที่นำมาซึ่งการเสียประตูของทีมในซีซั่นนี้) จากฝีเท้าของ เจสซี่ ลินการ์ด
สองประตูที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแต่ 11 นาที ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คลายความกดดันและเล่นง่ายขึ้นกว่าเจ้าถิ่นที่ต้องเดินหน้ากดดันเพื่อเอาคืน
แน่นอน มันเป็นเรื่องที่เข้าทาง โชเซ่ มูรินโญ่ กับการได้ประตูปลดเปลื้องตั้งแต่ต้นเกมนั่นทำให้เขาสามารถเนนการเล่นแบบรัดกุมและอาศัยแทคติกการสวนกลับเล่นงานเจ้าถิ่น
ผิดกับ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ต้องเปิดหน้าแลกหมัดชนิดที่ไม่มีทางเลือก กุนซือชาวฝรั่งเศสต้องออกมากระตุ้นนักเตะและคอยสั่งให้ทีมกดดัน ผีแดง ด้วยการเล่นบอลเร็ว ชิ่งหนึ่งสองเพื่อทลายกำแพงหินของทีมเยือน
จากรูปเกมที่เกิดขึ้นต้องบอกว่า ยูไนเต็ด รอดตัวและโชคดีอย่างมาก ส่วนหนึ่งมาจากดวงที่ไม่ว่าจะยิงเช่นไร ผู้เล่นปืนใหญ่ก็จะสับไกไปชนตัวบล็อกหรือหวดหลุดกรอบออกไป ซึ่งถ้าหากผ่านสองด่านนั้นมาได้ก็ยังมีนายทวารที่ชื่อ ดาบิด เด เคอา ยืนจังก้ารออยู่
เป็นอีกหนึ่งเกมที่ เด เคอา พิสูจน์ว่าเขาคือผู้รักษาประตูที่ดีสุดของโลกในตอนนี้
จังหวะเซฟสำคัญๆมากมายในเกมที่นับรวมได้ถึง 14 ครั้งนั่นคือเครื่องพิสูจน์ นอกจากนี้ยังมีลูกป้องกันระดับโลกที่ใช้ขาบล็อกจังหวะซ้ำของ อเล็กซิส ซานเชซ
หรือการควักกะปิในจังหวะที่ โรเมลู ลูกากู สกัดผิดเหลี่ยม นายด่านทีมีญาติเป็นวานรก็ยังพุ่งไปคว้าออกมาได้
ถือว่าเป็นวันที่องค์ลงได้ถูกจังหวะ เพราะแนวรับของ ปิศาจแดง โงนเงนเหมือนนักมวยเมาหมัด จากที่เคยทำผลงานแข็งแกร่งแต่เกมล่าสุดต้องบอกว่าผิดฟอร์มไปอย่างมาก ดีที่ด่านสุดท้ายยังเหนียวเลยทำให้ทีมรอดพ้นการเสียประตูหลายครั้ง
วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, คริส สมอลลิ่ง และ มาร์กอส โรโฮ ดูจะมีปัญหากับการเจอทีมที่เล่นบอลเร็วแบบนี้ ใช่ ลูกโด่งไม่ใช่ปัญหาของสามแนวรับที่ว่า แต่หากใครชมเกมก็จะเห็นว่าพวกเขามีจะสับสสนเสมอยามที่ต้องมาเจอกับการ ยักย้าย โยกหลอก และทำชิ่งของแนวรุก ปืนใหญ่
โดยเฉพาะการเสียประตูตีไข่แตกของเจ้าถิ่นที่แนวรับเช็คกันพลาด ปล่อยให้แนวรุกคู่แข่งยืนหวดจ่อๆแบบนี้ (ดีที่ทีมมาได้ประตูที่ 3 จากความยอดเยี่ยมของ ป็อกบา ในการโยกหลอก โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ก่อนจะถวายพานให้ ลินการ์ด แปเข้าไป)
นี่เป็นจุดที่ มูรินโญ่ เห็นแน่นอนและเขาต้องไปติวเข้มลูกทีมให้ดีขึ้น เพราะอย่าลืมว่านัดต่อไปกับ แมนฯ ซิตี้ แนวรับของเราคงจะต้องเจอกับเรื่องปวดกบาลมากกว่านี้แน่นอน
ปัญหาใหญ่อีกจุดหนึ่งคือ ปอล ป็อกบา ...
จากการที่มิดฟิลด์หัวหลากสีโดนไล่ออกส่งผลเสียหายในวงกว้างแน่นอน เพราะนี่คือกองกลางลำดับต้นๆ ของโลก และยังเป็น 'คีย์แมน' สำคัญในแดนกลางของผีแดงชุดนี้
การหายไปในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ส่งผลเสียหายหนัก ยิ่งในเกมที่ต้องดวลกับ แมนฯ ซิตี้ ยิ่งส่งผลทวีคูณขึ้นไป แต่เชื่อเถอะว่า มูรินโญ่ คงมีวิธีการรับมือและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนการเล่นอีกครั้งในนัดต่อไป
นั่นคือเรื่องของ อนาคต ...
แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาในสองเกมล่าสุดในการบุกเอาชนะสองทีมจากลอนดอน คือความเฉียบขาดของนักเตะปิศาจแดง รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนแทคติกที่ส่งผลดีกับทีม
ฤดูกาลนี้ ยูไนเต็ด เริ่มต้นด้วยการลงสนามในระบบ 4-2-3-1 ซึ่งถือเป็นแผนการเล่นหลักในยุคของ มูรินโญ่ แต่บ่อยครั้งที่ระหว่างเกมเขาจะปรับไปเล่น 4-3-3 ในครึ่งหลังเพื่อเน้นรัดกุม
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า มูรินโญ่ มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับไปตามเกมและคู่แข่ง เฉกเช่นที่เราได้เห็นในช่วงหลัง ไม่ว่าจะเป็น 3-4-3 หรือ 3-4-2-1 ไล่มาจนถึง 3-4-1-2 ในสองนัดที่ผ่านมา
กับฟุตบอลสมัยใหม่ที่การแข่งขันสูง การปรับกลยุทธ์และยุทธวิธีถือเป็นเรื่องสำคัญ หากใครตามบทสัมภาษณ์หลังเกมของ มูรินโญ่ บ่อยๆ ก็คงเข้าใจถึงการปรับไปตามทีมที่เขาต้องเจอในแต่ละนัด
ไม่ต่างไปจาก 2 นัดล่าสุดที่มันส่งผลออกมาในทิศทางที่ดี
ดีในเรื่องของผลการแข่ง
ดีในเรื่องของกำลังใจในทีม
ดีในเรื่องของบรรยากาศและทิศทางที่กำลังเป็นไป
สิ่งเหล่านี้คือทิศทางในแง่บวกที่เกิดขึ้นจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
หวังว่า โชเซ่ มูรินโญ่ และลูกทีมจะสานต่อและเดินหน้าสร้างผลงานที่ดีในช่วงโปรแกรมอัดแน่นเช่นนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ
เพราะหากยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปได้เช่นนี้ โอกาสในการพลิกสถานการณ์ก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT