1 แต้มที่น่าพอใจ
นอกจากนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องร้างสนามไปกว่า 3 เดือน ซึ่งส่งผลให้การเล่นในครึ่งแรดดูสะเปสะปะไม่เป็นที่พอใจของแฟนผี โดยเฉพาะจังหวะต่อเกมเข้าทำดูขาดๆ เกินๆ อีกครั้ง
ยิ่งมาโดน สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ สอยตาข่ายจากจังหวะผิดพลาดในการป้องกันของบรรดาแนวรับ ปิศาจแดง ยิ่งทำให้แฟนบอลหัวเสียไปกันใหญ่
คนที่ตกเป็นเป้าคงหนีไม่พ้น แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลังค่าตัวแพงที่สุดของโลก และ ดาบิด เด เคอา ที่สโมสรชอบยกยอปอปั้นว่าเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ของโลก
มันเป็นจังหวะพลาดที่ไม่น่าให้อภัยและสมควรโดนวิจารณ์แบบตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นจังหวะพลิกตัวของ แม็คไกวร์ ที่หมดราคาแนวรับค่าตัวแพงและในฐานะหัวใจในแนวรับของสโมสร หรือแม้แต่ เด เคอา ที่พลาดง่ายๆ อีกครั้งในฤดูกาลนี้
ไม่เพียงแฟนบอลที่จะออกอาการหัวร้อน แต่ลูกพี่เก่าในรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด อย่าง รอย คีน ออกมาปะฉะดะทันทีในช่วงพักครึ่งแรกว่า หากตนเองอยู่ในทีมปัจจุบันจะไล่ให้ แฮร์รี่ และ ดาบิด กลับแมนเชสเตอร์ด้วยการนั่งรถแท็กซี่ตามไป
แน่นอนว่าในมุมของ 'คีโน่' แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่นักเตะต้องทุ่มเทมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ และความผิดพลาดทั้งปวงไม่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อคุณใส่เสื้อตราอสูร โดยเฉพาะ เด เคอา ที่ถึงขั้นโดนด่าว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ 'ถูกยกย่อง' เกินไป นอกจากนั้น ลุค ชอว์ ยังเป็นอีกรายที่โดนอดีตกัปตันทีมผีแดงด่ากราดกลางรายการของ สกาย สปอร์ตส์
นั่นคือมุมคือนักวิจารณ์ที่พูดแบบตรงไปตรงมาตามที่เห็น และจี้จุดตรงประเด็น ซึ่งต่างจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ต้องเก็บอาการและให้กำลังใจทีมเพื่อโอกาสในการกลับมาในครึ่งหลัง
โอเล่ เผยว่าคำพูดของเขาที่ส่งไปยังนักเตะตอนพักครึ่งเวลาแรกเป็นสิ่งง่ายๆ และเขาพยายามทำให้นักเตะคลายความกังวลที่อยู่ในหัวออกไปให้หมดเพื่อที่จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
"ครึ่งแรกช้ากันเกินไปและดูเหมือนว่านักเตะมีความกังวลบางอย่างอยู่ในหัวของพวกเขา ทั้งในเรื่องที่เกี่ยวกับความฟิต, คุณภาพ, การเดินหน้าอีกครั้ง, การลงเล่นในบรรยากาศแบบนี้ แต่เชื่อมั่นในตัวเอง เล่นเร็วกว่าเดิม, เล่นจังหวะเดียวน้อยลง, ลดความผิดพลาดในจังหวะสอง, ผ่านบอลให้หนักขึ้น, วิ่งให้มากขึ้น, กดดันให้หนักขึ้น และมั่นใจในตัวเอง นั่นคือข้อความที่ผมพูดออกไป"
ดูเหมือนจะได้ผลเพราะ 45 นาทีหลัง ปิศาจแดง เป็นฝ่ายครองเกมและกดดัน สเปอร์ส อย่างหนัก ซึ่งทา งโชเซ่ มูรินโญ่ ก็ดูจะพอใจกับการให้นักเตะไก่เดือยทองลงไปตั้งรับและรอจังหวะสวนกลับต่อไป เพราะกุนซือชาวโปรตุเกสอาจจะคิดว่าแนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด คงไม่มีทางเจาะแนวรับของเขาไปได้
ยิ่งไปกว่านั้นเขามีไม้เด็ดอย่าง มุสซ่า ซิสโซโก้ ที่วิ่งพล่านไปทั่วสนามทั้งการตัดเกม การมีส่วนกับการเล่นในจังหวะสำคัญ ซึ่งสร้างความลำบากให้กับแผงกลางและแนวรุก ผีแดง เป็นอย่างมาก
จนในที่สุด โซลชา ต้องปรับหมากและนั่นคือการส่ง ปอล ป็อกบา ลงสนามรวมไปถึง เมสัน กรีนวูด ที่จะลงไปช่วยการขยับเกมในแนวรุกในมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
ถือเป็นช่วงเวลาที่แฟนๆ ปิศาจแดง รอคอย เพราะพวกเขาจะได้เห็นการประสานงานของ ป็อกบา และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซึ่งทั้งสองพิสูจน์ในเกมที่ผ่านมาแล้วว่าสามารถไปด้วยกันได้และช่วยให้การสร้างสรรค์ของทีมมีมิติมากขึ้น
จุดเปลี่ยนสำคัญคงหนีไม่พ้นการลงไปของมิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสที่พอลงไปไม่นานก็สามารถมีส่วนในการสร้างโอกาสให้กับทีมได้ถึง 2-3 จังหวะ
ทุกๆ คนทราบอยู่แล้วว่าจุดเด่นของ ป็อกบา คือการเก็บบอลได้ดี รวมไปถึงวิสัยทัศน์ในเกมที่ยอดเยี่ยมเพราะเขาจะมองหาแนวรุกตัวว่างแล้วจ่ายบอลแบบงามๆ ไปให้เพื่อโอกาสในการจบสกอร์
หรือจะเป็นการพาบอลไปเองที่สามารถเปิดช่องและทำให้แนวรับฝ่ายตรงข้ามปั่นป่วน เหมือนกับจังหวะที่ทีมได้จุดโทษในช่วงท้ายครึ่งหลังที่เขาอาศัยการโยกหลอกแล้วจี้เข้าไปในกรอบก่อนจะโดนกระแทกล้มลงไป
อย่างที่เรียนไปว่า ป็อกบา คือตัวเปลี่ยนเกมอย่างแท้จริง เพราะการมีกองกลางวัย 27 ปีลงสนามมันเหมือนกับการข่มขวัญศัตรูไปในตัวด้วย นอกจากนั้นฝ่ายตรงข้ามยังต้องปวดหัวในการตามประกบและปิดช่องของนักเตะ ทำให้คนอื่นๆ ในทีมมีพื้นที่มากขึ้น
"ปอล ทำการส่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเกมในตอนที่เขาผ่านบอลให้ มาร์คัส และเขาแสดงทักษะที่ดีที่สุดของวันเมื่อเขาเรียกฟาวล์จากจุดโทษ"
"ปอล เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลก และมันเป็นเรื่องเยี่ยมที่ได้เขากลับมา มันเป็นเรื่องดีที่ให้เขาลงสนามและเขาจะทำงานหนักหนักเพื่อให้ฟิตกว่าเดิมในเกมถัดไปและลงเล่นมากขึ้น"
"ตอนนี้มันเป็นทีมที่แตกต่างออกไปจากตอนที่เขาพลาดลงสนามจากอาการบาดเจ็บ บรูโน่ ย้ายเข้ามา เด็กๆ มีโมเมนตัมที่ดีก่อนช่วงล็อคดาวน์"
"เขามีความสุขอย่างมากที่ได้กลับมาลงสนาม เขาต้องฝันร้ายกับอาการบาดเจ็บไปนานกว่า 9 หรือ 10 เดือน มันไม่เหมือนกับการที่คุณต้องเจ็บไปตลอด 10 เดือน มันเหมือนกับว่าเราเกือบที่จะกลับมาแล้ว ทำงานหนักมากๆ และกลับมา จากนั้นเจ็บอีกครั้ง ต้องเข้ารับการผ่าตัด"
"เขาเกือบที่จะกลับมาก่อนช่วงล็อคดาวน์ และในท้ายที่สุดตอนนี้เขาก็กลับมาลงสนาม ผมมั่นใจว่าทุกๆ คนได้เห็นแล้วว่าเขามีความกระหายในเกมที่ยอดเยี่ยม และเขาเป็นนักฟุตบอลที่ดีมากๆ"
"เราเป็นสโมสรที่ต้องการให้นักเตะที่ดีที่สุดของโลกลงเล่นร่วมกัน เราต้องการหาสมดุลของการรุกและการป้องกัน นั่นคือสิ่งที่สำคัญเมื่อคุณสร้างทีมขึ้นมา และผมคิดว่าวันนี้ ปอล แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถลงเล่นร่วมกับ บรูโน่ ซึ่ง ปอล ทำให้ทีมได้จุดโทษและ บรูโน่ เป็นคนสังหาร"
ถือเป็นสัญญาณที่ดีของทีมที่ได้เห็นสองกองกลางระดับโลกลงสนามพร้อมกันและสามารถประสานกันได้แบบไม่มีปัญหา ไม่มีเรื่องของอีโก้หรือศักดิ์ศรีที่บางคนกังวลว่าอาจจะเป็นกำแพงของทั้งสอง
แน่นอนว่าหลังจบเกม บรูโน่ ต้องออกมาหยอดคำหวานถึงการลงไปเปลี่ยนเกมของ ป็อกบา ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีกว่าเดิน
"ผมคิดว่าเราทำได้ดีมากๆ มันเป็นเกมที่ยาก เราเริ่มต้นได้ดีตามแบบที่เราคิด แต่จากนั้นพวกเขาทำประตูในจังหวะสวนกลับ กระนั้นผมคิดว่าเราอยู่ในเกมตลอด เราทำประตู เรามีโอกาสทำประตูมากกว่า มันไม่พอสำหรับเรา เพราะเราต้องการเอาชนะในทุกๆ เกม แต่มันก็เป็นผลการแข่งขันที่ดี เราไม่มีความสุขแต่มันเป็นผลการแข่งขันที่ดี"
"เราฝึกซ้อมอย่างหนักในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ในตอนที่เราซ้อมกลุ่ม ผมอยู่กลุ่มเดียวกับ ปอล เพื่อให้หาทางผสานงานกันง่ายมากกว่าเดิม แต่ผมผสานงานกับทุกๆ คนได้ดีและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทีม"
"ผมคิดว่า ปอล ก็คิดแบบเดียวกัน (กับผม) และเรามีความสุข ปอล ทำให้ทีมได้จุดโทษ ผมยิง ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทีม มันไม่สำคัญว่าใครทำประตูหรือแอสซิสต์หรือไม่ทำอะไร ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเอาชนะและเป็นเรื่องเกี่ยวกับทีม"
จากผลงานเกมล่าสุดแม้ว่าจะยังไม่ดีเหมือนช่วงก่อนที่จะมีการหยุดลงสนาม แต่มันคือเกมแรกอย่างเป็นทางการหลังจากผ่านไป 3 เดือน และเราได้เห็นสิ่งดีๆ อย่างการประสานงานของ ‘บรูโน่xป็อกบา’ และหัวใจของการไม่ยอมแพ้ที่เกือบจะได้ประตูชัยจาก กรีนวูด ในช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย
หวังว่าหลังจากนี้หลายๆ สิ่งจะเข้าที่เข้าทางมากกว่าที่ผ่านมาโดยเฉพาะแนวรุกที่ต้องเฉียบคมและเด็ดขาดกว่านี้ไม่ว่าจะเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด (จังหวะเหน่งๆ ในครึ่งแรก) และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ต้องทำให้ได้เมื่อโอกาสทองมาถึง
1 แต้มจาก ท็อตแน่ม ฮ่อตสเปอร์ สเตเดียม อาจจะส่งผลให้พวกเราโดน เชลซี (48 แต้ม) ทิ้งห่าง หรือแม้แต่โดน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (44 แต้ม) แซงนำ แต่ยังเหลืออีก 8 เกม ซึ่งนั่นคือเส้นทางที่สำคัญของขุนพลปิศาจแดง
การเดินหน้าแย่งพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังไม่จบแค่นี้ และมันคือเป้าหมายที่ทุกๆ คนวางไว้ให้เป็นงานที่สำคัญของสโมสร ยิ่งเกมนัดถัดไปถือว่าเป็นเกมที่สำคัญเพราะเราต้องเจอ ดาบคู่ หนึ่งในสโมสรที่แย่งตั๋วบอลยุโรปโดยตรง และหากเราสามารถเอาชนะที่ โอลด์ แทรฟอร์ด ได้ มันจะส่งผลไปยังความมั่นใจและอันดับของทีมอย่างแน่นอน
สิ่งสำคัญต่อจากนี้คือการสานต่อผลงาน 45 นาทีหลังของเกมที่ผ่านมา พัฒนาจุดที่ยังขาดหายไปให้ดีขึ้น และเชื่อว่าเรา (อาจจะ) ได้เห็นผลงานอันยอดเยี่ยมก่อนหน้ากลับมาอีกครั้ง ซึ่งนั่นคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้แฟนๆ มีความสุขในช่วงที่เหลือของฤดูกาล
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT