จอมขมังเวทย์โปรตุกีส
มิดฟิลด์ชาวโปรตุเกสถูกดึงตัวมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน หลังจากเป็นมหากาพย์โยงกันมาเป็นเวลานาน และการมาของเขาคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ ปิศาจแดง ได้ตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มในฤดูกาลต่อไป และยังจบอันดับที่ 3 แบบเหนือความคาดหมาย
ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล เกินครึ่งของบรรดา 'กูรู' ทั้งตัวบุคคลและสำนักข่าวใหญ่ๆ ของอังกฤษต่างไม่เชื่อน้ำยาและฝีมือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กับลูกทีมผีแดงว่าจะสามารถก้าวเข้าไปเป็น 1 ใน 4 ทีมที่จะได้ไปฟุตบอลรายการใหญ่ของยุโรป ซึ่งแน่นอนว่าผลงานที่ลุ่มๆ ดอนๆ ของพวกเขาทำให้บรรดานักวิจารณ์และผู้เชี่ยวชาญต่างมั่นใจในคำทำนายของพวกเขา
แต่มันเกิดจุดเปลี่ยนขึ้นมาในเดือนมกราคม เมื่อบอร์ดบริหารของแมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจเดินหน้าคว้าตัว บรูโน่ แฟร์นันด์ส มาร่วมทีมได้ทันเส้นตายของตลาดหน้าหนาว และนั่นคือการเซ็นสัญญาแห่งฤดูกาลของทั้ง ปิศาจแดง และพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20
แม้เกมแรกที่ลงประเดิมสนามกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 'พ่อหมอ' จากโปรตุเกสยังไม่สามาถร่ายมนต์และปลุกเลกให้ผีแดงตื่นจากภวังค์ แต่หลังจากมีโอกาสเก็บตัวและเรียนรู้เพื่อนร่วมทีมในช่วงพักกลางซีซั่น บรูโน่ ได้สำแดงเดชและคายพิษสงออกมาในทันที
เริ่มจากการทำ 1 แอสซิสต์ ในเกมที่ ปิศาจแดง บุกชนะ เชลซี 2-0 ในเวทีพรีเมียร์ลีก ซึ่งเขาเปิดลูกเตะมุมเข้าหัว แฮร์รี่ แม็คไกวร์ โขกเสียบตาข่าย
ความยอดเยี่ยมของ บรูโน่ ยังคงดำเนินไปชนิดที่เรียกว่าเอาอะไรมาฉุดกูไม่อยู่ เขาร่ายมนต์ไปรอบๆ สโมสรและยังปลุกเพื่อนร่วมทีมที่ผลงานย่ำแย่ไม่เป็นไปตามที่หวัง ให้ค่อยๆ กลับมาแสดงผลงานอย่างที่ควรจะเป็น
ผลกระทบของ แฟร์นันด์ส ได้ส่งผลไปทุกหย่อมหญ้า การมาของเขาไม่เพียงทำให้ผลงานของทีมพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่มันช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เพื่อนร่วมทีม รอยยิ้มที่จางหายไปก่อนหน้านี้ถูกเติมเต็มเข้ามา บรรยากาศที่อึมครึมถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะและแววตาที่เปล่งประกายพร้อมกับความหวังที่ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง
เราจึงได้เห็นใบหน้าที่เปื้อนยิ้มและสีหน้าแววตาท่าทางที่มุ่งมั่น ซึ่งนั่นคือสัญญาณที่ดีนับตั้งแต่ บรูโน่ โยกมาร่ายมนต์ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ถึงตอนนี้ภารกิจแรกจบลงไปด้วยดีกับการพาทีมคว้าอันดับที่ 3 ของพรีเมียร์ลีก แม้ว่าจะเป็นอันดับที่น่าผิดหวังหากมองไปถึงความคาดหวังและสิ่งที่แฟนบอลต้องการจริงๆ จากทีม แต่นี่คือการพัฒนาและเป็นขั้นตอนที่ก้าวกระโดดและถือว่าน่าใจในระดับหนึ่ง และสมควรจะยินดีกับการได้กลับไปยัง แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง
คราวนี้ลองมาดูสถิตินับตั้งแต่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ย้ายมายัง โรงละครแห่งความฝัน โดยหากนับเฉพาะในลีกสูงสุดของเมืองผู้ดี กองกลางวัย 25 ปีลงสนามไป 14 เกม พร้อมผลงาน 8 ประตู 7 แอสซิสต์
นอกจากนั้นการมาของ บรูโน่ ยังช่วยปลุกผีแดงที่รั้งอันดับ 7 ในเวลาให้ค่อยๆ เก็บคะแนนไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ลดช่องว่างจากคะแนนที่ห่างกันถึง 14 คะแนน และ 6 คะแนน จนในที่สุดสามารถคว้าโอกาสในการแซง เลสเตอร์ และ เชลซี ที่เคยนำหน้าอยู่มาตลอดในช่วงท้ายของฤดูกาล
ยังมีการจำแนกของจำนวนคะแนนที่แต่ละทีมทำได้นับตั้งแต่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ประเดิมสนามนัดแรกใน พรีเมียร์ลีก วึ่งเป็น ปิศาจแดง ที่ทำได้ถึง 32 แต้ม มากกว่าทีมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล
ทีม แข่ง ชนะ เสมอ แพ้ คะแนน
1. แมนฯ ยูไนเต็ด 14 9 5 0 32
2. แมนฯ ซิตี้ 14 10 0 4 30
3. ลิเวอร์พูล 14 9 2 3 29
4. อาร์เซน่อล 14 8 2 4 26
5. เชลซี 14 8 2 4 26
นั่นคือข้อพิสูจน์และหลักฐานสำคัญที่บอกว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส คือคนที่เข้ามาปลุกผีแดง และจัดการร่ายมนต์ให้ทีมกลับมามีฮึดและสามารถเข้าป้ายเป็นอันดับที่ 3 ได้สำเร็จ
มันเป็นการเดินหน้าและพัฒนาที่สำคัญ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าการเสริมทีมที่ผ่านมาได้ผลอย่างมาก เพราะไม่เพียง บรูโน่ ที่จะสร้างผลกระทบที่เห็นได้ชัด แต่ทั้ง อารอน วาน-บิสซาก้า และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ก็เข้ามายึดตำแหน่งตัวจริงและแกนหลักในแนวรับของสโมสรตั้งแต่ปีแรก
โดยเฉพาะทาง AWB ที่เข้ามาเติมเต็มตำแหน่งแบ็กขวาที่ขาดหายไปนาน เพราะอย่างที่ทราบไปว่าช่วงหลังทีมต้องตัดแต่งพันธุกรรมในการเอาอดีตปีกความเร็วสูงอย่าง อันโตนิโอ วาเลนเซีย และ แอชลี่ย์ ไปขัดตาทัพ
ผลงานของอดีตกองหลังคริสตัล พาเลซ พิสูจน์ได้ดีในเรื่องของการปะทะและป้องกันที่เขาครองสถิติการเข้าปะทะ (แท็คเกิลส์) สำเร็จมากที่สุดในจำนวนกว่า 129 ครั้ง ซึ่งแฟนบอลต่างประจักษ์ด้วยตาตนเองกับผลงานของเขาที่สามารถจัดการเกมบุกฝ่ายตรงข้าม และแสดงการสกัดในจังหวะสวยๆ เอาไว้มากมาย
ถึงจะมีจุดอ่อนในเรื่องเกมเพราะยังไม่สามารถสร้างโอกาสในยามที่เติมเกมสูง หรือการครอสสวยๆ ให้กับกองหน้าเข้าทำได้มากนัก แต่หากมองไปถึงผลในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง วาน-บิสซาก้า เริ่มพัฒนาและมีการทำแอสซิสต์ในลีกได้ถึง 4 ครั้ง
ไม่ต่างไปจาก แม็คไกวร์ ที่เข้ามาพร้อมกับแบกภาระการทำหน้าที่ 'กัปตันทีม' คนใหม่ของสโมสร ซึ่งเขาทำผลงานได้ดีด้วยบุคลิกการเป็นผู้นำ และเป็นที่ยอมรับของกุนซือและเพื่อนร่วมทีม
บุคลิกตรงนี้ คนข้างในจะเห็นได้ชัดเจนกว่าแฟนบอล เพราะพวกขาต้องเจอกันทุกๆ วันทั้งในการซ้อมและการแข่ง รัศมีและ 'ออร่า' ที่เปล่งออกมาคงจะไปเข้าตาหรือสะกิดอะไรบางอย่างจนทำให้ โอเล่ ยกตำแหน่งสำคัญนี้ให้กับแนวรับทีมชาติอังกฤษ
แม้จะมีจังหวะผิดพลาดเกิดขึ้นให้เห็น รวมไปถึงต้องแบกภาระกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลก แต่โดยรวมถือว่า แม็คไกวร์ เข้ามาทำให้แนวรับ ปิศาจแดง ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะลูกกลางอากาศ ซึ่งสถิติอ่านได้ว่าเขาเอาชนะการดวลกันถึง 193 ครั้ง
ส่วน แดเนียล เจมส์ แม้ว่าจะทำผลงานเปรี้ยงปร้างในช่วงแรก ก่อนจะดับหายไปนับตั้งแต่ช่วงต้นปี กระนั้นอย่าลืมว่าเขาเพิ่งจะอายุได้เพียง 22 ปี ยังเหลือเวลาให้พิสูจน์ และพัฒนาผลงานให้ดีกว่าที่ผ่านมา ...
... กลับมาที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ผู้ที่เข้ามาปลุกให้ ปิศาจแดง ตื่นขึ้นและเดินหน้าคว้าอันดับที่ 3
นี่คือจุดเปลี่ยนที่เข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดไป ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเล่นที่มีมิติหลากหลายมากกว่าที่ผ่านมา การเข้าทำที่สามารถสร้างโอกาสให้แนวรุกได้ทุกครั้งที่เขาสัมผัสบอลในฝ่ายตรงข้าม หรือแม้แต่จังหวะสวนกลับเร็วที่เขาสามารถเป็นได้ทั้งตัวทำเกม และวิ่งทำทางเพื่อให้เกิดพื้นที่
การเล่นของเขายังเข้ากันได้ดีและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนี้คือการปรับจูนให้ลงตัวมากขึ้น โดยเฉพาะแนวรุกที่ต้องพยายามหาพื้นที่และจบโอกาสให้ได้ เพราะถึงแม้ บรูโน่ จะสามารถหาช่องหรือจ่ายบอลสวยๆ ให้กับพวกเขาได้ แต่หากบรรดาแนวรุกยังคงยิงทิ้งยิงขว้างหรือไม่คมแบบนี้ ก็จะเป็นงานหนักในการเอาชนะคู่แข่งแบบง่ายๆ
เพราะบางนัดทีมมีโอกาสตั้งแต่ต้น แต่พวกเขากลับไม่สามารถปิดบัญชีได้ ก่อนจะมีโดนขึ้นนำทำให้ทีมต้องเหนื่อยเป็นสองเท่าบ่อยครั้ง
สำหรับตัวมิดฟิลด์วัยโปรตุกีสทราบดีว่าทีมต้องการจากเขามากกว่านี้ และนั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเขารู้ชัดเจนถึงหน้าที่และภารกิจที่ต้องแบกรับ รวมไปถึงการทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันทีมมากกว่าที่ผ่านมา
มันคือวิสัยทัศน์และเป้าหมายในการย้ายมายัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ของ บรูโน่ เขาคงไม่พอใจกับการแค่ได้ไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่มันหมายถึงพาทีมกลับไปประสบความสำเร็จอีกครั้งในอนาคต
อย่างที่เรียนไป กับสิ่งที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ บรูโน่ เข้ามาและช่วยร่ายมนต์ของเขาไปรอบๆ สโมสร ทุกๆ อย่างดำเนินไปในทิศทางที่ดี แต่มันยังจะดีกว่านี้ได้หากว่าทุกๆ นอกเหนือ แฟร์นันด์ส ช่วยกันผลักดันกันและกัน
ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีตัวขับเคลื่อนที่ผลักดันสโมสรไปข้างหน้า เหลือเพียงแกนหลักที่เหลือต้องลุกมาทำหน้าที่และสร้างผลงานให้เทียบเคียงกองกลางชาวโปรตุเกส และที่สำคัญคือปัจจัยหรือองค์ประกอบต่างๆ ต้องดำเนินควบคู่กันไป
แม้ในความเป็นจริง ปิศาจแดง ชุดนี้ยังห่างไกลจากสองทีมอันดับ 1 และ 2 แต่หากพวกเรายังคงยึดมั่นและพัฒนาเช่นนี้ต่อไป เชื่อว่าระยะห่างจะถูกลดลงมาอย่างแน่นอน
"แน่นอน การได้ลงเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นเรื่องที่พิเศษอยู่เสมอ และผมหวังว่าจะลงสนามพร้อมมีแฟนบอล นั่นจะเป็นเรื่องที่พิเศษกว่าเดิม
"เราสมควรที่จะได้อยู่ในเกมที่ดีที่สุด ในการแข่งขันที่ดีที่สุดของยุโรป ไม่ได้จะดูหมิ่น ยูโรปา ลีก นะ แต่ทุกๆ คนทราบดีว่าการแข่งขันที่ดีที่สุดคือ แชมเปี้ยนส์ ลีก
"เรารู้สึกดี มันเป็นสิ่งที่เราต้องการ เราฝึกซ้อมอย่างหนักและเราทำงานอย่างหนักเพื่อช่วงเวลานี้ เราทราบว่าความสำเร็จเดียวใน (ลีก) ฤดูกาลนี้ของพวกเราคือการไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ดังนั้นเราสู้อย่างหนักเพื่อสิ่งนั้น
"แต่เราไม่ได้มีความสุขมากพอ เพราะเรารู้ดีว่าสโมสรแห่งนี้และนักเตะเหล่านี้ พวกเขาสามารถทำได้มากกว่านี้เพื่อสโมสร ผมคิดว่าเรามีคุณภาพมากพอใจการสู้เพื่อคว้าแชมป์ มากกว่า 1 รายการ ผมคิดว่าเราต้องการคว้าแชมป์บางรายการและจากนั้นเราจะมีความสุขอย่างแท้จริง"
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT