แพ้ทั้งในและนอกสนาม
ชัดเจนว่าบอร์ดบริหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือที่ที่ไว้ถ่มถุยของแฟนบอลในตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุสาเหตุหลักในการเสริมทีมหรือสนับสนุนการทำงานของกุนซือที่ทำได้อย่างล่าช้าและขัดใจอย่างมาก
ยังไม่ต้องนับรวมถึงการบริหารงานในช่วงหลังที่มักจะโดนโจมตีทุกครั้งในช่วงตลาดนักเตะเปิดตัว
หน้าร้อนนี้ไม่ต่างกันตระกูลเกลเซอร์และเอ็ด วูดเวิร์ด ในฐานะประธานรองบริหารของสโมสรที่ทำหน้าที่ดูแลการจัดการเรื่องตลาดนักเตะตกเป็นเป้าโจมตีอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
รู้ทั้งรู้ว่าจุดอ่อนของตนเองคืออะไรแต่ไม่มีการแก้ไขให้ทันท่วงที การดำเนินงานในตลาดยังคงล่าช้าและดูจะอืดอาดมากกว่าที่ผ่านมา เพราะนักเตะที่เป็นเป้าหมายยังไม่ได้ย้ายมา โอลด์ แทรฟฟอร์ด และไอ้ที่เหมือนจะได้มากลับโดนปาดหน้าหรือไม่ก็ต่อสัญญากับทีมต้นสังกัดไปเสียก่อน
ที่ชัดเจนที่สุดคือรายของ เซร์คิโอ เรกีลอน แบ็กซ้าย เรอัล มาดริด ที่ตกเป็นข่าวก่อนทาง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และสื่อในอังกฤษต่างรายงานว่าปิศาจแดง เจรจาก่อน ไก่เดือยทอง เสียอีก แต่ก็เป็นอีหรอบเดิมคือการเจรจาที่ไม่ลงตัว ก่อนจะปล่อยคู่แข่งในการแย่งพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ ลีก คว้าตัวไปครองและทำให้แฟนบอลทำตาปริบๆ
หรือแม้แต่กรณี เจมส์ แม็ดดิสัน หรือ แจ็ค กรีลิช ที่ดูเหมือนบอร์ดบริหารจะปล่อยเกียร์ว่างจนตอนนี้แทบหมดหวังจะดึงมาร่วมทีม และที่สำคัญคือ เจดอน ซานโช่ ที่ยังคงไม่มีความชัดเจนเพราะ ผีแดง ไม่พร้อมจะจ่ายเงิน มันจึงสร้างความคลุมเครือให้กับแฟนบอลว่า ตกลงแล้วทีมอันเป็นที่รักจะได้ตัวนักเตะเพียงรายเดียวจริงหรือ?
สิ่งนี้มันยิ่งตอกย้ำหลังจากการปราชัยให้กับ คริสตัล พาเลซ แบบหมดรูป ไม่ต้องอ้างถึงความฟิตหรือการเตรียมตัวในระยะเวลาอันสั้น เพราะจากรูปทรงเกมที่ออกมาในฐานะแฟนบอลก็คงส่ายหัวกับผลงานนักเตะที่ทำได้เพียงเท่านั้น
การเล่นที่ไร้ชีวิตชีวา ไร้จินตนาการ การเข้าทำที่กลับมาฝืดเคืองและไร้ทิศทาง แสดงให้เห็นว่า ปิศาจแดง ทีมนี้ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ต้องได้นักเตะเข้ามาแย่งตำแหน่งในทีมเพิ่มเติม
อย่างที่เคยเขียนไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าตำแหน่งสำคัญที่ต้องเอามาให้ได้ในช่วงตลาดนักรอบนี้คือกองหน้าและกองหลังตัวกลาง
เพราะอย่างที่เห็นไปโดยเฉพาะแนวรับที่พร้อมเสียตลอดเวลาเมื่อโดนฝ่ายตรงข้ามคุกคาม หรือในจังหวะดวลตัวต่อตัวที่แทบจะให้คู่แข่งได้จบสกอร์
แนวรับอย่าง วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ดูเหมือนจะเสียความมั่นใจไปอย่างมากในนัดที่ผ่านมาเพราะเขามีส่วนในการเสียประตูทั้ง 3 ลูกของทีมไม่ว่าจะเป็นการปล่อยให้ เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ ลากไปครอสในครึ่งแรก หรือแม้แต่การเสียจุดโทษ (เอาล่ะมันอาจจะเป็นอุบัติเหตุ แต่จังหวะดังกล่าวหากเป็นแนวรับคนอื่นๆ อาจจะไม่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามได้ง้างยิงเช่นนั้น หรือแม้แต่จะทำการสกัดเพื่อปิดโอกาสสับไก) และประตูปิดกล่องที่ได้แต่มองดู วิลฟรีด ซาฮา สับไกด้วยขวาง่ายๆ
นั่นคือจุดที่ต้องปรับจูนแก้ไขโดนด่วน ดึงนักเตะเข้ามาเพื่อให้มีการแข่งขัน ดึงเข้ามาเพื่อเปลี่ยนทัศนคติของนักเตะให้มีความฮึกเหิมและพร้อมที่จะต่อสู้แย่งตำแหน่งในทีม ไม่ใช่ให้มีความคิดที่ว่า 'จะทำผลงานเลวร้ายเพียงใดกูก็ได้ลงตลอด'
แนวรุกก็เป็นจุดสำคัญเพราะเรียนอยู่เสมอว่า อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ยังไม่ดีพอที่จะเล่นกองหน้าตัวเป้าให้กับทีม แม้งานในฤดูกาลที่ผ่านมาจะดีมาก แต่หากมองไปที่โอกาสเข้าทำแล้วเขาควรจะทำได้มากกว่านี้
การเสริมแนวรุกอีก 1-2 รายจะเป็นการเพิ่มการแข่งขันในทีมให้เข้มข้นกว่าที่ผ่านมา และยังเป็นมอบทางเลือกให้กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในการปรับเปลี่ยนแผนการเล่นและมองหาทางแก้ไขเมื่อทีมต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากระหว่าง
หากสังเกตและลองมองย้อนกลับไป แนวรุกของ ผีแดง ไม่ได้ดีเด่หรือโดดเด่นเหมือนที่สโมสรพยายามโปรโมตมาตลอดว่า มาร์กซิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด และเมสัน กรีนวูด ทำผลงานร่วมกันได้มากกว่า 62 ประตูในทุกรายการ แต่ถ้าเรามองไปที่รูปเกมและรูปแบบการเข้า หรือแม้แต่การประสานงาน จะเห็นได้ว่าไม่มีรูปทรงและเต็มไปด้วยความสะเปะสะปะ
การอ่านทางแนวรุกของ ปิศาจแดง ช่างง่ายดาย ในวันที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส สำแดงเดชไม่ได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทีมไร้จินตนาการการเข้าทำ เกมขึ้นทางริมเส้นถูกคู่แข่งบีบพื้นที่ สิ่งที่เราเห็นก็มีเพียงการต่อบอลไปมาก่อนจะได้ลูกทุ่ม หรือจบโดยการตัดเข้าในแล้วยิงออกหรือติดบล็อกฝ่ายตรงข้าม
บีเซนเต้ ไกวต้า แทบจะไม่ต้องออกแรงป้องกัน สิ่งที่ทำให้นายด่านชาวสเปนของ พาเลซ ต้องเหนื่อยคือการเดินไปเก็บบอลแล้วเอามาตั้งเตะเพียงเท่านั้น ซึ่งบางครั้ง บรรดาแนวรุกก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองด้วยการประสานงานให้ลงตัว อย่าหวังพึ่งแต่ บรูโน่ หรือ ปอล ป็อกบา ที่ต้องมาคอยป้อนจังหวะงามๆ ให้เสมอ
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในยุคของ โซลชา แน่นอนว่าบางนัดพวกเขาทำได้ดีและต้องปรบมือชมกับผลงาน แต่ในเกมระดับนี้และด้วยเป้าหมายที่ทีมคุยโวมาตลอด ความต่อเนื่องหรือการยืนระยะเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าราคาคุยที่พ่นออกมา
ความแตกต่างของทีมที่ประสบความสำเร็จกับทีมที่ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ คือความต่อเนื่องของผลงาน และความแน่นอนในบางนัดที่พวกเขาทำผลงานได้ไม่ดี
นั่นคือสิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมนี้ยังขาดไป การมองหาความต่อเนื่อและยืนระยะ รวมไปถึงการฉวยและคว้าโอกาสสำคัญในเกมที่บ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด หรือ มาร์กซิยาล โยนทิ้งขว้างไปแบบไม่น่าให้อภัย
มันคือกำแพงที่กองหน้าทั้งสองของปิศาจแดงต้องก้าวผ่านไปให้ กำแพงที่พวกเขาต้องก้าวหรือทำลายเพื่อยกระดับทีมและฝีเท้าไปยังอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเชื่ออย่างยิ่งว่าการดึงนักเตะระดับชั้นนำรายใหม่เข้ามาเพื่อแย่งตำแหน่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมคุณภาพในทีมและเป็นการ 'เตือนสติ' ให้นักเตะชุดปัจจุบันยกระดับของตนเองให้ดีกว่านี้
อีกประมาณ 15 วันจะถึงเส้นตายตลาดซื้อขายนักเตะรอบแรกของฤดูกาล 2020/21 การมาของ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค อาจจะช่วยเพิ่มมิติในแดนกลางให้กับทีม แต่นั่นยังไม่ใช่ชิ้นส่วนสุดท้ายที่ทีมต้องการ แต่หากเป็นเพียงหนึ่งในฟันเฟืองสำหรับการสร้างทีมเพื่ออนาคต
ขอย้ำอีกครั้ง และอยากจะย้ำจนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีของทีม ตำแหน่งที่ทีมต้องเสริมโดยด่วนคือกองหน้าและแนวรับที่ต้องรีบเร่งมือโดยเร็ว ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายกับภารกิจของ วูดเวิร์ด และทีมงานในการควานหานักเตะมาให้ โซลชา ใช้งาน
ในฐานะแฟนบอลปิศาจแดงก็ได้แต่นั่งภาวนาว่าบอร์ดบริหารจะรู้สึกตัวได้เสียทีและทำการขยับขยายในเรื่องการเสริมทีม เพราะหากท่านไม่หัวหนวกตาบอดก็คงเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าทีมของท่านไม่ดีพอที่จะลุ้นอะไรเลยในซีซั่นนี้
ในวันที่บรรดาสโมสรอื่นๆ เสริมทีมเพื่อเป้าหมายสำคัญ ไม่ต้องนับรวมทีมลุ้นแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เสริมทีมเพื่อกลบจุดที่ขาดหายและเพิ่มเติมในส่วนที่มองว่าต้องการให้มีการแข่งขันในทีม
บรรดาทีมที่ไล่ล่าพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่ว่าจะเป็น เชลซี, อาร์เซน่อล, สเปอร์ส, เลสเตอร์ หรือแม้แต่ เอฟเวอร์ตัน ต่างเสริมทีมอย่างคึกคักและดูมีอนาคตอย่างมาก
ไม่แปลกใจที่แฟนบอล ผีแดง ในโซเชียล มีเดีย (ไม่ว่าไทยหรือเทศ) จะเดือดดาลอย่างมาก และเรียกร้องไปยังบอร์ดบริหารให้เริ่มขยับตัวเสียที
มีบางคนออกมาแซว (ทั้งน้ำตา) ว่าระหว่างบอร์ดบริหารของปิศาจแดงกับตัวสลอธ สิ่งไหนจะขยับตัวได้เร็วกว่ากัน
พูดแล้วก็ขำไม่ออก เพราะนั่นคือการเปรียบเทียบที่แทบจะเห็นภาพอย่างชัดเจน ในวันที่บรรดาสโมสรอื่นๆ เสริมทีมใกล้เสร็จสิ้นและลงตัว แต่แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงเงินเงอะงะไม่รู้ทิศทางว่าจะเอาอย่างไรดีกับอนาคตในตลาดนักเตะ ไม่ต่างจากคนโดนหมัดตรงปลายคางที่หมุนคว้างกลางอากาศและหลงทิศว่าจะเอาไงต่อกับชีวิต
กระแสต่อต้านยังคงแรงขึ้นอย่างแน่นอนหากการเสริมทีมยังคงล่าช้า และยิ่งเวลาบีบรัดและกระชั้นมาทุกขณะ การทำงานของบอร์ดบริหารต้องชัดเจนและเด็ดขาดกว่านี้
การทำงานที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา และรวดเร็วฉับไว คือสิ่งที่แฟนบอลต้องการเห็นจาก เอ็ด วูดเวิร์ด (ซึ่งก็คงได้แต่ฝันเพราะมันชัดเจนมาแล้วหลายปีว่ารอบประธานท่านนี้ไม่ถนัดในเรื่องฟุตบอล และทำงานแบบไฟลนก้นมาหลายครั้งแล้ว)
หวังว่าความพ่ายแพ้ในนัดที่ผ่านมาจะทำให้เบื้องบนตาสว่างขึ้นมาบ้าง และมองเห็นว่าทีมนี้ต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข และเสริมแต่งอย่างเร่งด่วน เพื่อให้สามารถดำเนินการและทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
แต่หากยังพิรี้พิไรหรือมานั่งคิดมากเช่นนี้ (ในช่วงโค้งสุดท้าย) พวกเขาก็ต้องเตรียมตัวรับแรงกระแทกจากสื่อออนไลน์ที่จะดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลนี้ ซึ่งแฟนบอลคงไม่มานั่งฟังข้อแก้ต่างๆ นานาหลังจากนี้อย่างแน่นอน
และมันจะไม่ใช่ความพ่ายแพ้ในสนามเท่านั้นแต่รวมไปถึงนอกสนามที่จะแสดงให้เห็นว่า ปิศาจแดง ไร้น้ำยาเพียงใดในตลาดซื้อขายนักเตะ
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT