:::     :::

อย่าซุกปัญหาไว้ใต้พรม

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
5,893
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจากปราชัยแบบหมดรูปในเกมประเดิมสนามฤดูกาล 2020/21 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเดินหน้าคว้าชัยได้สองเกมติดต่อกัน

กระนั้นชัยชนะเหนือ ลูตัน ทาวน์ 3-0 และ ไบรท์ตัน 3-2 ยังคงมีการบ้านและจุดที่ต้องแก้ไขอีกมากมาย โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่ ดิ เอเม็กซ์ สเตเดียม 

ย้อนกลับไปที่ศึก คาราบาว คัพ รอบ 3 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้สกอร์ที่ออกมาจะขาดลอย แต่หากดูรูปเกมทั้ง 90 นาที ปิศาจแดง ไม่ได้เหนือกว่า ลูตัน ทาวน์ เลย มีเพียงจังหวะจบสกอร์ที่เด็ดขาดกว่า ซึ่งนำมาด้วยการเข้ารอบต่อไป

มันเป็นความห่างชั้นของทีมลีกรองและสโมสรในลีกสูงสุด ที่แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดอันเล็กน้อยในเกม ซึ่ง ผีแดง สามารถฉกฉวยโอกาสได้ดีกว่า

แต่มันต่างจากเกมบุกเยือน ไบรท์ตัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แม้จะกลับออกมาพร้อมกับการได้ 3 คะแนน แต่มันเป็นเกมที่เต็มไปด้วยดราม่า และการบ้านที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา รวมไปถึงทีมงานผู้ฝึกสอนต้องหอบกลับไปแก้ไขและปรับปรุงโดยด่วน

หนึ่งในนั้นคือการปิดกั้นแนวรุกฝ่ายตรงข้าม หรือการปิดพื้นที่เข้าทำ ซึ่งเราได้เห็นเต็มสองตาว่าขนาดทีมอย่าง ไบรท์ตัน ยังดาหน้าบุกใส่ ปิศาจแดง ชนิดที่ได้น้ำได้เนื้อ และหากไม่แม่นเสา (หรือคาน) สกอร์คงไม่ออกมาเช่นนั้นแน่นอน 




ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกทีมของ โซลชา กลับออกมาพร้อมกับชัยชนะ นอกจากการที่คู่แข่งไม่มีความเด็ดขาด (ทั้งที่โอกาสมากมาย) ยังต้องชมการฉวยโอกาสของ ปิศาจแดง ในการเข้าทำ ไม่ว่าจะลูกตั้งเตะในจังหวะตีเสมอ หรือการสวนกลับในประตูขึ้นนำที่ต้องชมทั้งการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ การจบสกอร์ของ มาร์คัส แรชฟอร์ด

แต่นั่นยังคงไม่ดีพอสำหรับทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเป็นการบ้านชิ้นโตที่บรรดานักเตะต้องรีบหาทางแก้ไข เพราะไม่ได้มีอะไรการันตีว่าทุกๆ อย่างจะเป็นเช่นนี้ต่อไปในเกมข้างหน้า และมันคงจะน่าหนักใจมากยิ่งขึ้นหากเจอกับทีมที่มีความเด็ดขาด, อันตราย รวมไปถึงนักเตะที่ดีกว่าคู่แข่งในนัดที่ผ่านมา

บ่อยครั้งที่เราจะเจอคำถามหลังจบเกมว่า 'ชนะได้ 3 แต้มก็ดีแล้วนี่' หรือ 'สามแต้มสำคัญที่สุดจะอะไรหนักหนา' หรือ 'ทีมก็ชนะจะด่าทำไม ด่าแบบนี้ไปเชียร์ทีมอื่นสิ' คำถามเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ชวนให้หงุดหงิดทั้งสิ้น เพราะหากดูจากบริบทหรือขนาดทีมและความคาดหวัง ทีมระดับ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องทำได้ดีกว่าไม่ใช่เล่นไปทีละนัดแบบไร้จุดหมาย หรือเพียงแค่ลงเล่นให้จบๆ ปีนั้นไปแบบที่มองไม่เห็นอนาคต

ใช่ ... ชัยชนะคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในเกมฟุตบอล กระนั้นสำหรับทีมใหญ่หรือทีมที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้สูงลิบอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สิ่งที่สำคัญกว่าการแข่งขันนั่นคือรูปแบบการเล่นที่ชัดเจนที่แสดงถึงอัตลักษณ์และแบบแผนที่ทำให้แฟนบอลมั่นใจว่าทีมๆ นี้จะทำได้ตามที่คุยไว้

มันเป็นสิ่งที่ขาดหายไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา ปิศาจแดง ตนนี้กำลังเดินมองหาหนทางที่กลับไปยังเป้าหมาย แต่ดูเหมือนว่าพวกเขายังคงหลงลืมหรือมองข้ามอะไรไปบางอย่าง




รูปแบบการเล่น, การทำทีม หรือระบบแบบแผนคือสิ่งที่แสดงออกมาผ่านการลงสนาม บรรดาทีมใหญ่ๆ ทั้งในอังกฤษและยุโรปต่างมีสิ่งนี้และแสดงออกมาจนเราสามารถระบุได้ว่าพวกเขาเป็นทีมแบบใด และเล่นด้วยวิธีการใด

ยกตัวอย่างง่ายๆ ลิเวอร์พูล หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่นำโดย เจอร์เกน คล็อปป์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้เข้าไปวางรากฐานและนำลูกทีมเดินหน้าตามแบบแผนที่ชัดเจน ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือการพุ่งชนความสำเร็จ

หรือจะเป็นทีมอื่นๆ ในยุโรป อาทิ บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค, ยูเวนตุส หรือ แม้แต่ อินเตอร์ มิลาน ที่ฝ่ายหลังได้กุนซืออย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ เข้าไปคุมทีมก็แดดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจน 

สิ่งเหล่านี้ต้องสอดประสานกันทั้งตัวเทรนเนอร์และนักเตะ กุนซือต้องพยายามถ่ายทอดแนวทางการเล่นรวมไปถึงแนวคิดให้บรรดาผู้เล่นซึมซับ ซึ่งมันจะส่งต่อมายังสายตาแฟนบอลให้ได้เห็นพัฒนาการและแนวทางของทีมนั้นๆ 

อย่างไรก็ตาม ในกรณีของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงหลายปีหลังมันมีปัจจัยในเรื่องของบอร์ดบริหารเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะอย่างที่แฟนบอลทราบกันดีว่าการดำเนินการในส่วนของตลาดนักเตะช่วงที่ผ่านมามีความล่าช้า และบางครั้งก็ไม่สามารถตอบโจทย์และทำได้ตามความต้องการของกุนซือ มันจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เทรนเนอร์ในช่วงที่ผ่านมาของ ปิศาจแดง ต้องหัวทิ่มและไม่สามารถทำทีมได้ตามที่ต้องการ




จุดนี้เองเป็นเรื่องที่ดูเหมือนว่า ปิศาจแดง จะโดนทีมอื่นๆ (ในระดับหัวแถว) ค่อยๆ ทิ้งห่างออกไป ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการดึงนักเตะเป้าหมายที่ต้องใช้เวลานานแสนนาน บางรายเป็นเดือนๆ ต่างจากคู่แข่งที่ตกเป็นข่าวไม่นานก็สามารถปิดดีลได้ทันทีในอีกไม่นานหลังจากนั้น

ความแตกต่างที่ว่าคือการที่ทีมคู่แข่งนำทีมบริหารที่เข้าใจฟุตบอลเป็นอย่างดีให้ดำเนินการด้านนี้ เราจึงได้เห็นความชัดเจน, รวดเร็ว และทำได้อย่างถูกจุด ต่างจากทีมงานของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ต้องใช้เวลานานจนบางครั้งต้องปล่อยให้แข้งเป้าหมายหลุดมือไป

ปัญหาตรงนี้ทุกๆ คนเห็น ทุกๆ คนทราบ แต่สโมสรยังคงยึดมั่นกับทีมงานชุดเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่คนนอกไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงได้ เพราะมันอยู่ที่เจ้าของสโมสรหรือประธานที่จะสามารถออกคำสั่ง ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะพอใจต่างจากอารมณ์และความรู้สึกของแฟนบอล 

เราจึงได้เห็นปัญหาเดิมๆ ที่คาราคาซังดำเนินมาจนถึงปัจจุบันนี้ ตลาดนักเตะหลายๆ รอบที่แฟนปิศาจแดงรอแล้วรอเล่ากว่าจะได้นักเตะใหม่มาเสริมทีม และบางครั้งต้องรอจนวินาทีสุดท้ายกว่าจะได้รับข่าวดี

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทุกๆ ครั้งเมื่อตลาดซื้อขายนักเตะเกิดขึ้น และอีกหนึ่งเรื่องที่ทีมงานด้านนี้ของ ยูไนเต็ด ทำได้อย่างย่ำแย่คือการปล่อยส่วนเกินออกไปจากทีม




อย่างที่ เคยเรียนไปก่อนหน้าว่าหลายครั้งนักเตะที่ดูเหมือนจะหมดอนาคตกับทีมหรือไม่เป็นที่ต้องการของกุนซือยังคงสวมชุดอสูรแดงนอนกินเงินค่าแรงใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด อย่างสบายใจ หลายครั้งที่นักเตะที่ควรจะได้ขายได้ราคามากกว่ากลับถูกปล่อยออกไปแบบที่เหมือนขาดทุนย่อยยับ

มันคือการดำเนินงานที่ผิดพลาดของทีมเจรจา และเป็นเหตุว่าทำไมแฟนบอลถึงเรียกร้องให้เบื้องบนของสโมสรรีบหาคนที่เจนจัดและเข้าใจฟุตบอลให้เข้ามาช่วยงานเทรนเนอร์ในการดึงนักเตะเป้าหมายเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง

แต่ท้ายที่สุดทีมยังคงย่ำอยู่กับที่พร้อมกับทีมงานที่นำโดย เอ็ด วูดเวิร์ด ซึ่งมันชัดเจนแล้วว่าล้มเหลวและน่าผิดหวังอย่างมาก

ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องรีบได้รับการแก้ไข เพราะหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่ต่างจากคนเมา ที่บางครั้งเดินหน้าแต่อยู่ดีๆ กลับต้องถอยหลังไปมาแบบนั้นไม่จบไม่สิ้น

ยิ่งในโลกปัจจุบันที่ข้อมูลข่าวสารไปมาอย่างรวดเร็ว แต่เพียงสัมผัสหน้าจอเรื่องราวหลายๆ อย่างก็สามารถผุดขึ้น ไม่เว้นแม้แต่เรื่องภายในที่ถูก (อดีต) คนในออกมาแฉหรือเปิดเผยเรื่องราว

สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถปิดบังหรือถูกเบี่ยงเบนประเด็นได้อีกต่อไป และนับวันยิ่งจะเป็นเรื่องร้อนให้แฟนบอลออกมาโจมตีบอร์ดบริหารของสโมสรอย่างต่อเนื่อง





ด้วยช่วงเวลาที่เข้ามาถึงโค้งสุดท้ายของตลาดหน้าร้อนฤดูกาล 2020/21 ด้วยปัญหาการเสริมทีมที่เกิดขึ้นหลังจากได้นักเตะมาใหม่เพียงรายเดียว และยังมีปัญหาของผลงานและทรงบอลที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ส่งผลให้บรรยากาศรอบๆ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ยังคงอึมครึม

1 สัปดาห์ต่อจากนี้ ในฐานะแฟนบอลก็หวังว่าทีมงานสรรหานักเตะจะเดินหน้าดึงแข้งใหม่เข้ามา เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นในสองแรกที่ผ่านมา (บนเวทีพรีเมียร์ลีก) โดยเฉพาะแนวรับที่โดยสอยไปแล้วถึง 5 ประตู 

นั่นคือจุดสำคัญที่ทีมต้องรีบแก้ไขและดำเนินการโดยเร็วๆ เพราะหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ทั้งตัว โอเล่ กุนนาร์ โซลชา รวมไปถึงแฟนบอลคงลุ้นกันเหนื่อยกับการลงสนามในแต่ละเกม 

ยิ่งทีมมีโปรแกรมในรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยแล้ว บอกตามตรงว่าหากแนวรับยังคงผลงานแบบนี้ต่อไป ดีไม่ดีอาจจะเจอกับเรื่องที่น่าเศร้าในเวทียุโรป (หรือการลุ้นทำอันดับในลีก)

ปัญหาโผล่มาให้เห็นอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน เรื่องนี้ เอ็ด วูดเวิร์ด ทราบดีเพราะเขาเป็นสักขีพยานกับ 5 ประตูที่ทีมโดนเจาะ ซึ่วอยู่ที่เขาแล้วว่าจะเอาอย่างไรต่อไป

1 สัปดาห์สุดท้ายก่อนตลาดปิด กับปัญหาที่ต้องรีบแก้ไข ทางเดียวที่จะทำให้ทีม (และบรรยากาศ) ดีขึ้นคือการเสริมทัพอย่างตรงจุด เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาทราบดีแต่ยังคงเมินเฉยแบบนี้ต่อไป 



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด