ก่อนรับมือสิงห์
ถือเป็นสถิติการเอาชนะนอกบ้านที่ยอดเยี่ยมภายใต้การนำทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา หลังจากพาทีมบุกชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ไปได้ 2-1 ในเกมล่าสุด
ไม่มีใครคาดคิดว่า ปิศาจแดง จะกลับออกมาจาก ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ พร้อมสามคะแนน เพราะด้วยปัจจัยต่างๆ ทั้งในเรื่องการขาดหายไปของสองกองหลังทั้ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ เอริค ไบยี่ รวมไปถึงผลงานของ เปแอสเช ที่เอาชนะในลีกได้ 5 เกมซ้อน ยิ่งทำให้ความมั่นใจของแฟนบอลลดทอนลงตามไปด้วย
นอกจากนั้นมีแฟนบอลจำนวนไม่น้อยที่ไม่เชื่อมั่นการจัดทีมของ โซลชา โดยเฉพาะเมื่อเห็นรายชื่อ 11 ตัวจริงของทีมและระบบการเล่น ซึ่งคนที่ถูกโตั้งคำถามคือ แอ๊กเซล ตวนเซเบ้
กองหลังจากทีมเยาวชนปิศาจแดงรายนี้ร้างสนามไปนานกว่า 10 เดือนเนื่องจากอาการบาดเจ็บเล่นงาน แถมเขาเพิ่งกลับมาซ้อมได้เพียงประมาณ 2 สัปดาห์ จึงไม่แปลกใจที่แฟนบอลจะตั้งคำถามคือความพร้อม และยิ่งไปกว่านั้นคือการต้องดวลกับทั้ง เนย์มาร์ และ คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ สตาร์ดังระดับโลกของยอดทีมจากฝรั่งเศส
แต่ทาง ตวนเซเบ้ กลับสร้างผลงานอันเอกอุด้วยการตามประกบสองแนวรุกของ เปแอสเช ตลอดเกม ความเร็วที่ดูเหมือนจะเป็นจุดเด่นของแนวรุกฝ่ายตรงข้ามถูก ตวนเซเบ้ จัดการ รวมไปถึงแนวรับคนอื่นๆ ที่ไล่จี้แบบไม่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามห่างตัว
อาจจะมีบางจังหวะที่ประกบห่างหรือพลาดไปบ้าง แต่เกมที่ผ่านมา ดาบิด เด เคอา คืนฟอร์มอย่างที่ควรจะเป็นด้วยการป้องกันได้หลายจังหวะสำคัญ รวมไปถึงบรรดาแดนกลางทั้ง เฟร็ด และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่ไล่ตามปิดพื้นที่ตัดเกมตลอด 90 นาที
ถือเป็นอีกหนึ่งนัดที่แท็คติกของ โซลชา แสดงผลลัพธ์ที่ดีออกมา แม้ว่าช่วงก่อนหน้านี้จะโดนโจมตีอยู่หลายครั้ง แต่เกมล่าสุดต้องยกนิ้วกับการวางแผนรับมือรองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ทีมคว้า 3 แต้มในเกมที่แฟนบอลส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องยาก (หรือมีโอกาสน้อยนิดที่จะชนะกลับออกมา)
การจัดทัพถือว่าน่าสนใจตั้งแต่ก่อนลงสนามและระหว่างที่เกมดำเนินไป เป็นอีกครั้งที่ ลุค ชอว์ ถูกหุบเข้าไปยืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟร่วมกับ ตวนเซเบ้ และ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ซึ่งแบ็กซ้ายชาวอังกฤษทำได้ดีอย่างมากในจังหวะป้องกัน
การเคลื่อนที่ของแนวรับ ปิศาจแดง จะเป็นในรูปแบบปราการหลังตัวกลางสามรายพร้อมวิงแบ็กสองข้างอย่าง อารอน วาน-บิสซาก้า และ อเล็กซ์ เตลลิส ที่ถอยลงมาช่วยเมื่อทีมเป็นฝ่ายป้องกัน โดยอาศัยความคล่องตัวของฟูลแบ็กตามติดตัวริมเส้นของ เปอสเช ทั้ง เนย์มาร์ และ อังเคล ดิ มาเรีย แบบไม่ห่าง
ไม่เพียงแค่นั้นตัวตัดเกมทั้ง เฟร็ด และ แม็คโทมิเนย์ ต่างมีบทบาทสำคัญในการไล่บี้ทำลายและตามติดไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามทำเกมได้สะดวก ทั้งยังรวมไปถึงการถ่างออกไปช่วยงานบริเวณริมเส้นเพื่อปิดพื้นที่ยามโดนสวนกลับเร็ว หรือเป็นตัวถ่ายบอลไปให้แดนหน้าของทีมในจังหวะทำเกม
เราจึงได้เห็น ดิ มาเรีย หกคะเมนตีลังกาล้มกลิ้งหลายครั้ง โดยมีนักเตะผีแดงสลับคอยเล่นงานไม่ให้แข้งรายนี้เล่นได้ง่ายๆ เพราะ โซลชา ทราบดีว่าหากปล่อยให้นักเตะดีกรีทีมชาติอาร์เจนติน่ามีพื้นที่จะเป็นเรื่องที่ไม่ดีกับแนวรับของตนเองในการรับมือทั้งการเปิดจากริมเส้นและการลากตัดเข้าเขตโทษ ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนในช่วงต้นเกมที่ส่งผลให้ เด เคอา ต้องออกแรงเซฟ
ในส่วนของการขึ้นเกมรุกนั้น เราจะเห็นได้ว่าช่วง 45 นาทีแรก โซลชา เน้นให้ขึ้นเกมทางซ้าย โดยมี อเล็กซ์ เตลลิส เป็นตัวเปิดป้อนและเดินเกมริมเส้น ซึ่งฟูลแบ็กชาวบราซิลจะกลายสภาพเป็นปีกซ้ายโดยมี ชอว์ ที่ปรับเปลี่ยนเป็นฟูลแบ็กเพื่อคอยช่วยเดินเกม (เป็นแบบนี้สลับกันไปจนช่วงครึ่งหลังที่ เตลลิส ถูกเปลี่ยนตัวออกไปก่อนจะปรับมาเล่นมาในลักษณะ 4-4-4 ไดมอนด์ แทน) สลับกับการดับเบิลพาสเร็วไปให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หรือ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล สอดตัดหลังแนวรับเปแอสเช (อีกทั้งยังมี บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่เป็นตัวคุมจังหวะและคอยเชื่อมการเล่นในแดนหน้า)
กรณีหลังไม่ต่างจากเกมเมื่อปี 2019 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด อาศัยจังหวะฉาบฉวยเล่นงานแนวรับ เปแอสเช ในลักษณะนี้ ซึ่งมันส่งผลดีอย่างมากโดยเฉพาะการเจาะทาง อับดู ดิยัลโล่ กองหลังตัวสำรองของเจ้าบ้านที่เจอปัญหาเสมอในการไล่ตามความเร็วและความคล่องตัวของสองกองหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด
แนวรุก ปิศาจแดง ถือว่ามีอิสระในการเคลื่อนที่อย่างมากโดยเฉพาะตำแหน่งของ แรชฟอร์ด ที่เล่นไม่ต่างจากบทบาท ฆวน มาต้า ที่เกิดขึ้นในเกมปะทะ นิวคาสเซิ่ล เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน
ที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ กองหน้าดีกรีปริญญาเอกรับหน้าที่เป็นตัวอิสระในการรับบอลและสร้างความสับสนให้กับฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะในช่วง 45 นาทีหลังที่จะปักหลักทางขวามากขึ้น ซึ่งทีมจะพยายามทิ้งบอลยาวหรือไหลไปในพื้นที่ว่างเพื่อให้แข้งทีมชาติอังกฤษได้ใช้อาวุธในเรื่องความเร็วเล่นงาน
โดยรวมแล้วแท็กติกของ โซลชา ถือว่าออกมาได้ผลดีทั้งการเล่นในสนามและผลการแข่งขันที่ออกมา ซึ่งคำถามสำคัญหลังจากนี้คงหนีไม่พ้นว่าเขายังคงจะยึดรูปแบบหรือแนวทางเดิมในการรับมือ เชลซี วันเสาร์นี้หรือไม่
นั่นคือเรื่องที่น่าสนใจว่ากุนซือชาวนอร์เวย์จะมีการปรับเปลี่ยน 11 ตัวจริงมากน้อยเพียงใด และเขาจะกลับไปเล่นในระแบบ 'แบ็กโฟร์' หรือยังคงยึดการเล่นแบบ 'แบ็กทรี' เหมือนนัดที่ผ่านมา
นอกเหนือไปจากนั้นคือสถานะของ ตวนเซเบ้ ที่ได้รับคำชมอย่างมากจากผลงานที่ผ่านมา ซึ่งหลายๆ คนเชียร์ให้กองหลังรายนี้ลงสนามต่อไปในเกมดวล สิงโตน้ำเงินคราม
ปัจจัยสำคัญคือต้องรอดูความฟิตของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แนวรับกัปตันทีมว่าจะฟิตพร้อมลงเล่นหรือไม่ นอกจากนั้นแบ็กซ้ายที่มีการแข่งขันระหว่าง ชอว์ และ เตลลิส กลายเป็นจุดน่าสนใจว่า 'หาก' ต้องเลือกคนใดคนหนึ่งแล้ว โซลชา จะใช้งานใครกันแน่ (คำถามจุดนี้อาจจะไม่สำคัญหาก โซลชา ยังคงยึดแผนการเดิมในการบุกเยือนปารีส คือการใช้งานกองหลังสามรายต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้วิงแบ็กซ้ายเป็นหน้าที่ของ เตลลิส ต่อไป)
แดนกลางยังเป็นอีกจุดที่ต้องดูกันต่อไปว่า โซลชา จะยังวางใจ เฟร็ด และ สกอตตี้ ต่อไปหรือไม่ เพราะทั้งสองทำหน้าที่มดงานได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่แนวรับในการตัดเกมและชะลอเกมฝ่ายตรงข้าม ซึ่งมันยังส่งผลให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส มีอิสระในการเล่นเกมรุกแบบเต็มที่
กองหน้าเป็นอีกจุดที่น่าติดตาม มาร์กซิยาล ต้องติดโทษแบนเกมที่สอง ส่งผลให้ตอนนี้ แรชฟอร์ด จะเป็นตัวเลือกลำดับแรกของทีม
เอดินสัน คาวานี่ ที่ลงซ้อมกับทีมไปตั้งแต่ต้นสัปดาห์คงพร้อมเป็นตัวเลือกในนัดนี้ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือระดับความฟิตของนักเตะอาจจะยืนระยะตลอด 90 นาทีไม่ได้ จุดนี้ โอเล่ และทีมงานต้องประเมินว่าจะใช้งานหอกอุรุกวัยอย่างไร
อาจจะรวมไปถึงกรณีของ เมสัน กรีนวูด ที่หายไปในช่วงสองเกมล่าสุดจากปัญหาร่างกายที่ขาดความฟิต ซึ่งน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในนัดนี้ให้กับทีมได้
มันมีแนวโน้มและความเป็นไปได้ในหลายๆ รูปแบบสำหรับการรับมือ เชลซี ในวันเสาร์นี้ ซึ่งจะเป็นการบ้านและโจทย์สำคัญให้ โซลชา นำไปขบคิดว่าทางใดจะดีที่สุดสำหรับการเอาชนะฝ่ายตรงข้ามให้ได้
อยู่ที่ โซลชา ต้องเลือกแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป คู่มิดฟิลด์ตัวกลางที่กำลังทำผลงานได้ดีในสองเกมที่ผ่านมาอย่าง เฟร็ด และ แม็คโทมิเนย์ จะได้ลงสนามต่อหรือไม่ หรือว่าจะกลับไปใช้งาน ปอล ป็อกบา กั เนมานย่า มาติช อีกครั้ง
ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่แฟนบอลอยากเห็นลงสนามในฐานะตัวจริง (ในเกมลีก) จะได้เปิดตัวเดินลงในเวทีพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ต้นเกมหรือไม่ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งการตัดสินใจของกุนซือใหญ่แห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด
แม้แต่แผนการเล่นที่ต้องขบคิดอย่างหนักว่าจะใช้แผนการอะไรในการล้ม เชลซี รวมไปถึงการรับมือแนวรุกของ สิงโตน้ำเงินคราม ที่ทำประตูในลีกสามเกมล่าสุดไปถึง 10 จึงเป็นเรื่องน่าสนใจอย่ามาด
ชัดเจนว่า โซลชา และทีมงานกำลังวางแผนเพื่อการคว้าสามคะแนนแรกใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ฤดูกาลนี้ ไม่ต่างจากแฟนบอลที่อยากเห็น 11 ผู้เล่นตัวจริงในการรับมือทีมดังของลอนดอน
ชัยชนะในสองเกมที่ผ่านมาช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับ โซลชา และลูกทีมอย่างมาก แต่งานหนักยังคงรอคอยพวกเขาอยู่ตรงหน้า โดยเฉพาะ 3 สำคัญที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อจากนี้ (เชลซี, ไลป์ซิก และ อาร์เซน่อล) ที่แฟนบอลอยากเห็นการสานต่อผลงานที่ยอดเยี่ยมของทีม
ด่านแรกกำลังจะมาถึงในวันเสาร์นี้ ซึ่งจะได้รู้กันว่าการเริ่มต้นซีรี่ย์สำคัญของ 3 เกม ณ โอลด์ แทรฟฟอร์ด จะเป็นอย่างไร
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT