เบื้องหน้า vs เบื้องหลัง

โดยเฉพาะโอกาสจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ไม่ผ่าน 'ขา' และ 'มือ' เอดูอาร์ เมนดี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเกมที่ผ่านมา รวมไปถึงสองจังหวะสำคัญจาก เอดินสัน คาวานี่ ที่ยิงหลุดกรอบและติดบล็อก

เป็นอีกเกมที่ขุนพล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้ดีในเรื่องของการหาโอกาสแม้ว่าการครองบอลบางช่วงจะเป็นรอง สิงโตน้ำเงินคราม แต่พวกเขาทดแทนด้วยการสร้างโอกาสฉาบฉวยเล่นงานทีมเยือน

อีกทั้ง เชลซี ดูกล้าๆ กลัวๆ ไม่เดินเกมรุกเต็มพิกัด ซึ่งจะเห็นว่าวิงแบ็กทั้งสองฝั่งของพวกเขาที่มักจะเป็นทีเด็ดในการเติมเกมและเปิดบอลไม่ได้ทำหน้าที่แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยเพราะต้องพะวงกับเกมรับและเกมสวนกลับของ ปิศาจแดง

รูปเกมยังเปลี่ยนไปแบบชัดเจนเมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ส่ง ปอล ป็อกบา ลงมาเสริมในแดนกลางทำให้สมดุลของทีมมีมากขึ้น แม้ว่ามิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสจะไม่ได้บอลมากเท่าไหร่ แต่การมีอยู่ขอเขาช่วยเพิ่มแรงกดดันให้ เชลซี พร้อมกับช่วยเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมมีช่องทางการเล่นมากกว่าเดิม

ตอนที่ ป็อกบา ลงมา ปิศาจแดง ปรับมาเล่นแบบ 4-4-2 ไดมอนด์ เหมือนช่วงครึ่งหลังของ เกมที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ส่งผลให้รูปเกมดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ พร้อมกับมอบอิสระการเล่นให้ แรชฟอร์ด มากกว่าเดิมเราจึงได้เห็นจังหวะยกหรือแทงทะลุช่องไปให้กองหน้าเบอร์ 10 คอยเล่นงานแนวรับ สิงโตน้ำเงินคราม

มันคือการแสดงให้เห็นถึง 'กึ๋น' ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่โดนวิจารณ์อย่างหนักตลอดช่วงที่เขาคุมทีมเมื่ทีมเข้าตาจนและต้องการความเปลี่ยนแปลงในสนาม

อย่างไรก็ตาม ... แม้จะมีการแสดงให้เห็นถึงแท็กติกและการแก้เกมของกุนซือชาวนอร์เวย์ แต่มิวายที่เขาต้องโดนโจมตีเรื่องการจัดทีมที่ขัดใจแฟนบอลอย่างมาก

หลังประกาศรายชื่อ 11 ตัวจริงของนัดที่ผ่านมา แฟนบอลจำนวนมากแสดงอาการไม่พอใจในหลายจุดโดยเฉพาะแนวรับที่ไร้ชื่อของ อเล็กซ์ เตลลิส ที่หายไปแม้กระทั่งในม้านั่งสำรอง

ฟูลแบ็กทีมชาติบราซิลเพิ่งมีโอกาสประเดิมสนามในเกมบุกชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แม้จะลงเล่นไปเพียง 67 นาที แต่ผลงานของเขากลับสร้างความประทับใจให้สาวกปิศาจแดง

การเปิดบอลริมเส้นที่หวังผลได้ดี การเติมเกมที่สนุก แถมเล่นเกมรับดุดันพร้อมเตะพร้อมตัดฝ่ายตรงข้าม จึงไม่แปลกที่บรรดาสาวกผีแดงอยากเห็นแข้งตัวใหม่ลงประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม โดยเฉพาะ เอดินสัน คาวานี่ หัวหอกอุรุกวัยที่ถูกคาดหมายว่าจะได้ลงสนามดวลทีมดังจากลอนดอน

มันคือการวาดภาพของเหล่าแฟนบอลที่จะได้เห็นจังหวะครอสจากทางซ้ายลอยเข้าหัวหรือทางปืน คาวานี่ แต่มันยังเป็นเพียงภาพในจินตนาการเพราะทั้งสองยังไม่มีโอกาสลงสนามพร้อมกัน

อีกหนึ่งจุดที่เป็นข้อถกเถียงกันคือตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง แอ๊กเซล ตวนเซเบ้ ทำผลงานเอกอุในเกมเยือน ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ทำให้แฟนบอลส่งเสียงเชียร์แข้งหนุ่มรายนี้ลงสนามต่อเนื่อง

พอเข้าใจได้ว่าการกลับไปนั่งสำรองของ ตวนเซเบ้ มาจากสภาพร่างกายแข้งวัย 22 ปียังไม่พร้อมลงสนามแบบต่อเนื่องเพราะอย่าลืมว่าเขาต้องร้างสนามไปนานกว่า 10 เดือน

ส่วนจุดที่ (อาจจะ) ถูกพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค กองกลางรายใหม่เจ้าของค่าตัว 40 ล้านปอนด์ ที่ต้องนั่งจับเจ่าข้างสนาม มองดูเพื่อนร่วมทีมลงเล่นอย่างตาละห้อย

คำถามถูกถาโถมผ่าน โซเชียล มีเดีย ถึงการเมินใช้งานมิดฟิลด์ทีมชาติฮอลแลนด์ มันคือสิ่งที่แฟนบอลต้องการคำตอบอย่างมากว่าทำไมถึงไม่เลือกใช้งานอดีตแข้งอาแจ็กซ์

"อย่ากังวลในเรื่องนั้น เขาจะได้โอกาสลงสนาม อย่ากังวลไปเลย มันง่ายที่จะพูดว่าใครควรลงเล่นและยากที่จะบอกว่าใครไม่ควรลงเล่น"

คำพูดข้างต้นมาจากปากของ โซลชา ที่อธิบายถึงการกรณีที่ ฟาน เดอ เบ็ค ไม่ได้ลงสนาม พร้อมสำทับต่อไปว่า

"มัน (โปรแกรมการลงสนาม) จะเข้ามาแบบไม่ปรานี มันเป็นเรื่องง่ายเมื่อเป็นแฟนบอลและนั่งอยู่ที่นั่นพร้อมกับพูดว่าเขาควรจะลงเล่นหรือเขาควรจะลงสนาม พวกเขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในเบื้องหลัง นักเตะเหนื่อยล้า พวกเขาลงเล่นเกมทีมชาติหลายนัด กลับมาและลงเล่นทุกๆ 3 วันอีกครั้ง และหลังจากเกมล่าสุดกับ เปแอสเช เราลดลงอย่างมาก ช่วงนี้เราเริ่มต้นด้วยผลงานที่ดี บางทีเราควรจะได้สามแต้มแต่เราทำไม่ได้ เราได้หนึ่งคะแนนและมันคือบางสิ่งที่กำลังพัฒนาต่อไป"

แม้จะมีคำอธิบายจากตัวกุนซือ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ลดดีกรีความเดือดดาลของแฟนบอลที่อยากเห็นนักเตะรายใหม่ลงสนามพร้อมกัน

มีหลายคนนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง เชลซี ที่จัดทั้ง ทิโม แวร์เนอร์, ไค ฮาเวิร์ตซ์, เบน ชิลเวลล์, ติอาโก้ ซิลวา และ เอดูอาร์ เมนดี้ ลงสนามพร้อมกัน แถมยังส่ง ฮาคิม ซีเย็ค ลงเล่นในฐานะตัวสำรอง

ผิดกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ 11 ตัวจริงกลับเป็นผู้เล่นชุดเดิมของฤดูกาลที่ผ่านมา มีเพียง คาวานี่ นักเตะใหม่ที่ลงสนามเป็นสำรองในครึ่งหลัง ส่วน ฟาน เดอ เบ็ค กลับต้องนั่งข้างสนาม และทาง เตลลิส ไร้ชื่อ แถมเจ้าหนุ่ม ฟากุนโด้ เปยิสตรี ต้องฝึกปรือด้วยการลงสนามให้ทีมสำรอง

ไม่แปลกที่จะเกิดคำถามจากแฟนบอลว่าจะซื้อแข้งใหม่ทำไมในเมื่อไม่ใช่งาน และยังใช้บริการนักเตะจากซีซั่นที่ผ่านมาเป็นหลัก

หากมองในมุมของ โซลชา นักเตะตัวจริงจากเกมที่ผ่านมาคือขุนพลที่บุกไปเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ซึ่งแต่ละคนกำลังทำผลงานได้ดีและเขาอยากตอบแทนความเชื่อใจด้วยการส่งลงสนามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เฟร็ด และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่ช่วยงานในการชะลอเกมรุกของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างยอดเยี่ยม

ดูเหมือนว่านักเตะทั้งสองจะทำผลงานได้ตามที่ โซลชา คาดหวังได้เป็นอย่างดีเราจึงเห็น เฟร็ด และ สกอตตี้ ถูกเลือกก่อนคนอื่นๆ ในช่วงสามเกมที่ผ่านมา

แต่มันก็ยังอธิบายหรือให้คำตอบที่ชัดเจนกับแฟนบอลไม่ได้เกี่ยวกับกรณี ฟาน เดอ เบ็ค แข้งรายใหม่ที่ถูกแฟนบอลจับตาและคาดหวังเอาไว้สูง

แน่นอน กองกลางชาวดัตช์เข้ามาเสริมคุณภาพในเชิงลึกให้กับทีม รวมไปถึงประสิทธิภาพของนักเตะที่มีให้เลือกใช้งานมากขึ้น ทว่าสิ่งที่แฟนบอลอยากเห็น (และอาจจะรวมไปถึงตัวนักเตะ) คือวิธีการใช้งานและการงัดเอาประสิทธิภาพของนักเตะออกมาให้ได้มากที่สุด

สิ่งนี้คงไม่ต่างจากตัวนักเตะที่ต้องการพิสูจน์ตนเองว่ามีดีและเหมาะสมกับทีม เพราะหากมองย้อนกลับไปในช่วงเปิดตัว โซลชา กล่าวชมนักเตะเสียยกใหญ่จึงไม่แปลกที่แฟนบอลวาดภาพสวยหรู แต่มันต้องถูกทำลายเมื่อพบว่า ดอนนี่ เป็นเพียงสำรองและได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงในเกมบอลถ้วยลำดับที่ 4 อย่าง คาราบาว คัพ เท่านั้น

นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนี้ระหว่าง โซลชา และแฟนบอล โดยเฉพาะการจัดทีมตัวจริงในแต่ละเกมที่ผ่านมา หากใครติดตามช่องทาง โซเชียล มีเดีย ของสโมสร จะเห็นได้ว่าแฟนบอลมากมายที่ 'บ่น' และ 'ไม่พอใจ' ทุกครั้งที่เห็นรายชื่อ และมันจะยิ่งรุนแรงและทวีความ 'ไม่พอใจ' เมื่อไม่มี ฟาน เดอ เบ็ค ลงเล่นเป็นตัวจริง

ถือว่าเป็นเรื่องราวที่คงจะหาทางมาบรรจบได้ยาก เพราะตอนนี้ในมุมมองของ โซลชา มิดฟิลด์คู่กลางในใจของเขาคือ เฟร็ด และ แม็คโทมิเนย์ อย่างที่เรียนไปก่อนหน้านี้คือทั้งสองคนทำงานในส่วนของการตัดเกม ช่วยเกมรับ และทำลายล้างคู่แข่งได้ดีกว่า

สถานการณ์ในตอนนี้ถือเป็นงานสำคัญของ โซลชา ที่ต้องเลือกใช้งานนักเตะเพื่อทีมและผลงานการแข่ง ที่บางครั้งต้องขัดใจผู้เล่นบางรายและแฟนบอลนอกสนาม

มันเกิดขึ้นตลอดตั้งแต่ต้นฤดูกาลมาจนถึงเกมล่าสุด ถ้าหากผลการแข่งขันออกมาดีเรื่องดังกล่าวก็ (อาจจจะ) ถูกมองข้ามไป แต่หากผลการแข่งขันหรือผลงานออกมาแย่เมื่อไหร่ โซเชียล มีเดีย ของสโมสรจะลุกเป็นไฟเมื่อนั้น

สำหรับ โซชลา มันคือการเลือกที่จะส่งผลกับระบบการเล่นของทีม หากเขาต้องการส่งมิดฟิลด์ลงสนาม 4 รายพร้อมกัน (ในระบบ 4-4-2 ไดมอนด์) ก็จะส่งผลให้ลดจำนวนกองหน้าที่เหลือเพียงสองราย และยังไม่ใช่การการันตีด้วยว่า ฟาน เดอ เบ็ค จะถูกส่งลงสนามหรือไม่ เพราะหนึ่งในนั้นคือ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่จะลงสนามแน่นอน รวมไปถึง ป็อกบา อีกรายที่น่าจะจับจองพื้นที่ในกรณีที่ทีมเลือกแผนการเช่นนั้น ทำให้เหลือเพียงสองตำแหน่งที่ต้องมาแก่งแย่งกันทั้ง เฟร็ด, สกอตตี้, ดอนนี่ และ เนมันย่า มาติช 

หากเขายังยึดระบบ 4-2-3-1 ก็แทบจะเป็นเรื่องยากในการลงสนามลงสนามของกองกลางฮอลแลนด์ เพราะชัดเจนว่า โซลชา อยากใช้กองกลางที่เล่นเกมรับได้ดีเพื่อสนับสนุนและเปิดทางให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เล่นเกมรุกได้อย่างเต็มที่ (แม้ทาง ฟาน เดอ เบ็ค จะเล่นในตำแหน่งตัวรับได้เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่า โซลชา ไม่ได้อยากใช้งาน ดอนนี่ ในตำแหน่งนั้น เพราะที่ผ่านมา โซลชา จับมิดฟิลด์เลือดดัตช์เล่นหลังกองหน้าตัวเป้ามาตลอด)

นั่นจึงเป็นโจทย์สำคัญและการตอบคำถามไปยังแฟนบอลถึงวิธีการใช้งาน ฟาน เดอ เบ็ค ให้มีประสิทธิภาพและคุ้มกับเงินที่เสียไป

มันคือมุมมองของคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังและเหล่าแฟนบอลที่หลายครั้งอาจจะสวนทางกัน และเชื่อว่าคำถามและข้อสงสัยเหล่านี้ยังคงผุดมาเรื่อยๆ หากสถานการณ์ของ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ยังคงเป็นเช่นนี้่ต่อไป

สุดท้ายมันอยู่ที่ โซลชา ว่าจะหาทางออกอย่างไรกับเรื่องการใช้งาน ฟาน เดอ เบ็ค ให้ออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุดและให้แฟนบอลพอใจในเรื่องนี้