แบรนดอน และคนที่คอยค้ำชู
พวกท่านต้องหาวิธีการเพื่อให้ผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ ทั้งตัวผมและฟุตบอลของผม พวกท่านทั้งสองต้องทำงานอยู่ตลอด ผมต้องไปซ้อมในขณะที่พวกท่านต้องทำงานจนล่วงเวลา ดังนั้นพวกท่านต้องสลับบกันไปส่งผมที่สนามซ้อม พวกท่านต้องผลัดเปลี่ยนกันตลอดและช่วยเหลือกันและกันเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผม พวกท่านทั้งสองต้องเสียสละในเรื่องของการใช้ชีวิตของตนเองอย่างมากเพื่อให้ผมได้เป็นในแบบทุกวันนี้ ดังนั้นผมจึงโชคดีที่มีพ่อแม่แบบพวกท่าน
พ่อขอมผม พอล ซึ่งเป็นพ่อตามแบบฉบับของพ่อโดยทั่วไป เขาชอบทำในแบบที่ทุกๆ คนทำคือการเป็นตาแก่หน้าตาบูดบึ้ง แต่เขาก็มีอารมณ์ขันในตัวเอง ส่วนแม่ของผม ลิซ่า จะเป็นคนที่ช่างพูดมากกว่า เธอจะคอยปกป้องผมอย่างมากเพราะผมเป็นลูกชายคนเดียวของเธอ ดังนั้นเธอมักจะพูดว่าผมเป็นลูกชายของแม่ แม่มีคาเฟ่ของเธอเองส่วนพ่อของผมทำงานกับเพื่อนของเขาในการติดตั้งกระจกตามอาคารใหญ่ๆ และพวกท่านทั้งสองเป็นคนที่ทำงานหนัก พวกท่านเป็นอย่างนั้นเสมอ
บ้านของเราเติบโตมาพร้อมกับความคลั่งไคล้ ยูไนเต็ด แถมหนึ่งในพี่สาวของผมเคยเล่นฟุตบอลมาก่อนด้วย ดังนั้นบ้านของเรามีแค่ฟุตบอล ฟุตบอล และฟุตบอลตลอดเวลา เพราะผมเป็นเด็กผู้ชายคนเดียว ทำให้พ่อปล่อยให้ผมได้ดูฟุตบอลอยู่เสมอเมื่อมีการฉายบนโทรทัศน์และทุกๆ คนมารวมกลุ่มรอบๆ หน้าจอเพื่อดูด้วยกัน ทุกๆ คนเป็นแฟนบอล ยูไนเต็ด ยกเว้นแม่ของผม คนที่คิดว่าตนเองรู้ทุกๆ อย่างเกี่ยวกับฟุตบอล แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย
ในวัยเด็กถ้าผมไม่ได้ดูฟุตบอล ผมก็จะออกไปเล่น มันมีสนามพื้นปูนที่ตั้งอยู่บริเวณหลังบ้านของผม ผมจะออกไปที่นั่นในตอนที่กลับมาจากโรงเรียน มันเป็นแบบนั้นเสมอในทุกๆ วัน
วิ่งกลับมาจากโรงเรียน โยนข้าวของลงบนพื้น รีบใส่เสื้อผ้าตัวแรกที่เห็น เสื้อยึดกับกางเกงขาสั้น มันไม่สำคัญว่าอากาศจะเป็นแบบไหน ก็แค่ออกไปเล่นฟุตบอล สนุกกับช่วงเวลาที่เหลือของวันจนไฟนถนนส่องสว่าง จากนั้นคุณก็จะรู้ว่าถึงเวลากลับบ้าน!
ทุกๆ คนออกไปอยู่ที่นั่นเสมอ เพื่อนบ้านในละแวกนั้นทั้งหมด เรายังเด็กเกินไปที่จะมีโทรศัพท์ไว้ใช้ส่วนตัว ดังนั้นจึงไม่มีใครส่งข้อความเพื่อทำการนัดหมาย ทุกๆ คนแค่พาตัวเองไปยังสนามและเริ่มเล่น มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ สำหรับคุณในฐานะนักฟุตบอลที่เติบโตขึ้นมา ทั้งมือหรือหัวเข่าของคุณถลอกปอกเปิกจากการเล่นบนสนามปูนร่วมกับเด็กๆ ที่แก่กว่าคุณ 5 หรือ 10 ปี นั่นเป็นส่วนสำคัญสำหรับผม มันเป็นเรื่องสำคัญในการดวลกับเด็กที่แก่กว่า ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม
ผมเริ่มเล่นให้กับ ยูไนเต็ด ครั้งแรกตอนอายุได้ 7 ขวบ ตอนนั้นผมกำลังลงเล่นให้ทีมท้องถิ่นในรายการที่ขัดขึ้นในเมืองแบล็คพูล และหลังจากนั้นไม่นานมีแมวมองจากสโมสรต่างๆ 8 ทีมได้เชิญพ่อของผมไปคุยด้วย พวกเขาบอกกับท่านว่าอยากให้ผมไปอยู่ที่นั่น ที่นั่น และที่นั่น ทุกๆ ทีมที่คุณคาดถึง ยูไนเต็ด, ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เอฟเวอร์ตัน ทุกๆ ทีมที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราตัดสินใจไป ยูไนเต็ด
คุณไม่สามารถเซ็นสัญญาได้จนกว่าจะมีอายุ 9 ขวบ ดังนั้นในทีแรกผมเป็นเพียงแข้งทดสอบฝีเท้า ตั้งแต่อายุ 7 ถึง 9 ปีมันเป็นช่วงเวลาที่สนุก ผมลงซ้อมกับ ยูไนเต็ด และลงสนามให้กับทีมท้องถิ่น และ 2 ปีต่อมาหลังจากนั้น เราอยู่ในรายการแข่งขันเดียวกันอีกครั้งที่เมืองแบล็คพูลซึ่งผมมีอายุได้ 9 ปีแล้ว และเราเอาชนะในรอบรองชนะเลิศพร้อมกับผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ และพ่อของผมบอกว่าผมได้รับข้อเสนอสัญญาจาก ยูไนเต็ด
จริงๆ แล้ว มันไม่เรื่องจริงเลย
สิ่งที่เขาบอกกับผมจริงๆ คือ "พวกเขาจะไม่ให้สัญญากับแก" ผมไม่พอใจอย่างมาก อย่างที่คุณคาดคิดไว้ มันน่าผิดหวังอย่างรุนแรง แต่หลังจากนั้นเขาหันกลับมาและพูดว่า "ก็แค่ล้อเล่น"
นั่นเลวร้ายมาก ไม่ใช่หรือไง? พ่อของผม ท่านมีบุคลิกที่เป็นคนชอบเหน็บแนมอย่างมาก
แต่นั่นคือช่วงเวลาที่ผมภูมิใจอย่างมาก ผมเพิ่งได้ทราบข่าวผมกำลังจะได้สัญญา - สัญญา 2 ปีตั้งแต่ระยะเวลา 9-11 ขวบ เมื่อมาคิดถึงเรื่องนั้น เด็กอายุ 9 ขวบ กำลังจะได้สัญญาจากสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ทีมที่เคยคว้าแชมป์ลีก, แชมเปี้ยนส์ ลีก ทุกๆ อย่าง มันเป็นอารมณ์ที่มีความสุขอย่างมาก
มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพียงอย่างเดียว อย่างที่ผมเคยพูดไป ตอนที่ผมทราบเรื่องการได้สัญญาผมเพิ่งเอาชนะในรอบรองชนะเลิศของรายการ แต่ผมยังถูกบอกมาด้วยว่าผมต้องเดินทางไปเซ็นสัญญาที่แมนเชสเตอร์ในวันถัดไป ซึ่งเป็นวันที่ต้องลงเล่นรอบชิงชนะเลิศ มันต้องเซ็นสัญญากันตอน 10 โมงเช้าและเกมรอบชิงชนะเลิศลงเล่นตอน 11 โมง และเพื่อให้ผมสามารถเซ็นสัญญากับ ยูไนเต็ด ดังนั้นผมจึงต้องปล่อยให้ทีมลงสนามในรอบชิงชนะเลิศโดยปราศจากผม แม้พวกเขาจะแพ้ 1-2 แต่ผมคิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ถูกต้องสำหรับผม
ผมไม่อยากเชื่อจริงๆ เลยในตอนที่ผมเซ็นสัญญา ฮีโร่ในตอนนั้นของผมคือ รูนี่ย์, โรนัลโด้ และ เตเวซ และผมก็เพิ่งเซ็นสัญญาร่วมสโมสรเดียวกันกับพวกเขา ความทรงจำที่เด่นชัดมากที่สุดในตอนดูบอลสมัยเด็กๆ ของผมคือการโตมาพร้อมได้ดูพวกเขาลงสนามให้กับ ยูไนเต็ด ระหว่างฤดูกาล 2007/08 - นั่นคือฤดูกาลที่น่าเหลือเชื่อ ฟุตบอลที่พวกเขาเล่นเป็นสิ่งที่น่าดูชมอย่างมหัศจรย์ ไม่ว่าผมจะได้ดูพวกเขาผ่านจอโทรทัศน์หรือโชคดีพอได้ไปดูเกมใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด สิ่งเหล่านั้นเป็นปีของช่วงเวลาที่ผมยังคงมองย้อนกลับไปและชื่นชมเป็นอย่างมาก
ผมจำไม่ได้จริงๆ ว่าลงเล่นนัดไหนให้กับ ยูไนเต็ด เป็นเกมแรก แต่ผมจำได้ดีถึงช่วงเวลาก่อนหน้านั้น ผมกับพ่อยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่เบียดเสียดและมืดฟ้ามัวดิน ทุกๆ ถือเบียร์และไส้กรอกรวมไปถึงสิ่งของต่างๆ จากนั้นเราเดินที่ยังที่นั่งของเรา เมื่อไปประมาณครึ่งทาง มันเริ่มมีแสงส่องสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นผมเห็นสนามแข่ง และทุกๆ ที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ
มันส่งผลกับคุณโดยแท้จริงเมื่อคุณไปที่นั่นหนแรก
ผมก็แค่เกิดอาการเกรงกลัว กำลังคิดกับตนเองว่า: นี่มันน่าเหลือเชื่อมาก
ผมติดใจ
ดังนั้นแล้ว สำหรับผมที่ได้สัญญา เล่นให้กับ ยูไนต็ด แม้ว่าจะตอนอายุ 9 ปี กลับเป็นสิ่งที่ทำให้ผมและครอบครัวภูมิใจอย่ามาก ในตอนนั้น มันยังไม่ใช่ช่วงเวลาของการเริ่มต้นในการทำงาน มันเกี่ยวกับความสนุกสนานมากกว่า เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และสิ่งต่างๆ อาจจะเริ่มต้นได้อย่างเหมาะสมในตอนที่ผมเริ่มทำงานเพื่อก้าวผ่านระดับอายุ
ผมมองไปที่บรรดาเพื่อนๆ และครอบครัวของผมสำหรับการหาแรงบันดาลใจ เราไม่ได้อยู่แค่ในเกมฟุตบอล ญาติของผมและหนึ่งในเพื่อนสนิทของผมต่างเป็นนักมวยทั้งคู่ พวกเขายังคว้าแชมป์ในระดับเครือจักรภพอีกด้วย ผมภูมิใจกับสิ่งที่พวกเขาทำในเส้นทางอาชีพของพวกเขาจริงๆ เห็นแล้วมันช่วยกระตุ้นตัวผมในตอนที่ผมเกิดอาการลังเล คุณมีผู้คนรอบๆ ตัวที่มีความคิดแบบเดียวกัน สำหรับผมแล้ว นั่นคือคนที่ต้องการทำทุกๆ อย่างที่พวกเขาต้องการอย่างเต็มที่ การมีคนแบบนั้นอยู่ในครอบครัวและอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ของผมถือเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับผมและตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่
บางครั้ง ในตอนที่ผมมีเวลาว่าง (หรืออย่างน้อยก่อนที่จะมี โซเชียล มีเดีย) ผมออกไปดูพวกเขาฝึกซ้อมและดูว่าพวกเขาเตรียมตัวอย่างไรเมื่อเทียบกับตอนที่พวกเตรียมพร้อมสำหรับฟุตบอล ผมนำมาใช้ในการฝึกซ้อมส่วนตัวด้วย ก่อนที่พวกเราจะกลับไปเตรียมตัวช่วงพรีซีซั่น ผมออกไปซ้อมมวยประมาณ 1 หรือ 2 สัปดาห์เพื่อให้ตนเองฟิตพอลงเล่นฟุตบอลได้ ออกกำลังกายบนเบาะและฝึกซ้อมในส่วนอื่นๆ มันเป็นความแข็งแกร่งในส่วนที่แตกต่างกัน (สิ่งที่พวกนั้นทำมันบ้ามากๆ) มันดีสำหรับผมในการทำงานแต่ละวันของตนเอง
เอาจริงๆ การชกมวยของผมไม่ได้แย่เท่าไหร่ แต่ผมให้ฟุตบอลมาเป็นอันดับแรก ในตอนที่ผมทำงานเพื่อผ่านระดับของตนเองที่ ยูไนเต็ด และเข้ามาอยู่ในทีมชุดใหญ่ นั่นคือเรื่องสำคัญสำหรับผมและครอบครัว จริงๆ แล้วคุณไม่ควรหยุดเรียนรู้และผมจะไม่พูดแบบนั้นว่าผมทำมัน หรือหยุดทำงานหนักเพื่อพัฒนาตนเอง มันเป็นเรื่องเยี่ยมในการอยู่ในตำแหน่งที่จะทำสิ่งดีๆ เพื่อพวกเขา
หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นวิดีโอที่ผมซื้อรถยนต์คันใหม่ให้กับพ่อของผมในวันเกิดของท่านซึ่งเป็นที่แพร่หลาย ปฏิกิริยาของท่านยอดเยี่ยมมาก แต่มันเป็นสิ่งที่สำคัญจริงๆ สำหรับผมที่ได้ทำสิ่งนั้นให้กับท่าน ในส่วนของการเงิน ครอบครัวของผมมีการเงินที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่พวกเขาจะทำให้แน่ใจว่ามันเพียงพอสำหรับการเลี้ยงดูผมบรรดาพี่น้องของผม ดังนั้นการที่สามารถมอบอะไรกลับไปให้ท่านได้นั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขอย่างแท้จริง
งานของพ่อผมเกิดขึ้นได้ทุกที่ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องใช้รถยนต์ แต่แม่ของผมไม่ต้องการใช้มัน (แม้ผมจะคิดว่าท่านขับได้ก็ตาม) เพราะทุกๆ ที่ที่เธอไปอยู่ในพื้นที่แถวๆ บ้าน เธอชอบเดินไปทำงาน เดินไปหาเพื่อนและครอบครัว ดังนั้นเธอไม่ต้องการรถใหม่ แทนที่จะเป็นรถยนต์ แม่ของผมมีงานที่บ้านให้ทำมากมาย ซึ่งเธอมีความสุขกับเรื่องนั้นจริงๆ
มันเป็นเรื่องสำคัญที่ผมทำเช่นนั้น การได้เห็นสีหน้าของพ่อและแม่ในตอนที่ผมให้ของขวัญกับพวกท่าน มันเป็นสิ่งที่ดีกว่าเรื่องใดๆ ในโลก มันยังมอบแรงกระตุ้นให้ผมเช่นกัน การมอบสิ่งที่ดีกับพวกท่าน นำท่านให้ไปอยู่ในเรื่องที่ดีๆ นั่นเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับผมถึงการทำงานในสนาม ถ้าผมไม่ทำเช่นนั้น ผมคงไม่สามารถช่วยท่านในระยะเวลาที่ยาวนานและผมต้องการช่วยเหลือพวกท่านในช่วงเวลาที่เหลือของชีวิต ดังนั้นผมจึงต้องทำงานหนักในทุกๆ ก้าวของเส้นทาง - เหมือนที่พวกท่านทำให้ผม
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT