การเพิ่มมิติของ เตลลิส
นี่คือหนึ่งใน 'ไอคอน' ลูกหนังที่เทียบเท่ากับ เปเล่, ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์, โยฮัน ครัฟฟ์ หรือตำนานคนอื่นๆ อีกมากมาย (ที่ยังคงมีชีวิตและลาโลกไปเตะฟุตบอลบนสวรรค์)
สำหรับ 'เสือเตี้ย' เขาคือคนที่ขีดเขียนประวัติศาสตร์ของตนเองไว้มากมาย โดยเฉพาะในสนามฟุตบอลที่เรื่องราวของเขาจะเป็นที่จดจำและเล่าขานอีกนานแสนนานกับวีรกรรมความยอดเยี่ยมที่ช่วยให้ 'ฟ้าขาว' เถลิงแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1986
หรือจะเป็นการสร้างผลงานในระดับสโมสรชั้นนำของโลกทั้ง โบคา จูเนียร์ส, บาร์เซโลน่า และ นาโปลี
นั่นคือช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าของคนในวงการลูกหนังที่ต้องสูญเสียตำนานไปก่อนวัยอันควร แต่เรื่องราวและความน่าประทับใจของ มาราโดน่า จะอยู่ในใจของแฟนบอลตลอดไป ...
... กลับมาที่สถานการณ์ในรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด หลังจากเปิดบ้านล้างแค้น อิสตันบูล บาชัคเชเฮียร์ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผลงานในช่วง 45 นาทีแรกของ ปิศาจแดง ถือเป็นหนึ่งในฟอร์มที่ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ของพวกเขา นักเตะแต่ละคนเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ทำตามแบบแผนโดยเฉพาะการเข้าทำที่ถือว่ามีรูปแบบและมิติที่เพิ่มมากขึ้น
สิ่งที่แฟนบอลได้เห็นคือการเติมเกมของ อเล็กซ์ เตลลิส ที่เริ่มปล่อยของออกมาให้แฟนบอลได้ประจักษ์ โดยเฉพาะจังหวะครอสจากทางซ้ายที่เล่นงานกดดันฝ่ายตรงข้ามได้ดีเยี่ยม
หลักฐานสำคัญคงหนีไม่พ้นประตูที่สองของเกมซึ่งฟูลแบ็กชาวบราซิเลียนตั้งป้อมครอสหมายให้ เอดิน สันคาวานี่ เข้าทำ แม้มันจะไม่เข้าเป้าตามที่เล็งไว้ แต่นั่นทำให้ เมิร์ต กูน็อค นานด่านจากตุรกีแสดงความผิดพลาดมอบ 'ส้ม' ผลเบ้อเร่อให้กับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยิงเข้าไปง่ายๆ
มันเป็นจังหวะการเล่นที่แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดหายไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กับการเปิดบอลได้เสียจากริมเส้นเพื่อกดดันฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะจากทางฟูลแบ็กที่เติมขึ้นไปช่วยทีม
แม้การเปิดบอลเข้าไปในลักษณะดังกล่าวไม่ได้การันตีว่าทีมจะได้ประตูเสมอไป แต่มันเป็นการเล่นเพื่อกดดันแนวรับฝ่ายตรงข้ามให้เสียสมาธิและการเพิ่มโอกาสของบรรดาแนวรุกในการเข้าชาร์จหรือเก็บตกจังหวะสอง ซึ่งรูปแบบเช่นนี้เราจะเห็นบ่อยครั้งในสมัย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
การมาของ อเล็กซ์ เตลลิส จึงสามารถช่วยเพิ่มมิติในการเข้าทำของทีม และยิ่งการที่สโมสรดึง เอดินสัน คาวานี่ เข้ามา การเล่นในรูปแบบหรือลักษณะเช่นนี้จึงจำเป็นอย่างมาก และยังหมายถึงการเพิ่มโอกาสทำประตูหรือกดดันคู่แข่งให้กับกองหน้าทีมชาติอุรุกวัย
ใครที่เคยดูหรือคิดตามฟุตบอล ลีก เอิง ฝรั่งเศส ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคงทราบดีว่า สถิติการทำประตูของ คาวานี่ ช่างยอดเยี่ยมอย่างมาก แต่หากมองไปที่รายละเอียดการเล่นหรือโอกาสในเกมแล้ว หัวหอกอุรุกวัยต้องการโอกาสเข้าทำในแต่ละเกมเป็นจำนวนมากเช่นดียวกัน
ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นกองหน้าตัวปิดบัญชี แต่บางครั้ง คาวานี่ กลับใช้โอกาสเปลืองจนน่าขัดใจ แต่สิ่งนั้นคือความต้องการของนักเตะเพราะเขาเป็นพวกที่พร้อมใช้โอกาสที่มีให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
ดังนั้น การที่ทีมมีตัวเปิดป้อนบอลจากริมเส้นที่ดีอย่าง เตลลิส ส่วนตัวเลยเชื่อว่าจะเป็นจุดที่น่าสนใจหากว่าทั้งสองสามารถเข้าใจการวิ่งและจังหวะของกันและกันได้แล้ว นั่นจะเป็นอาวุธที่ช่วยให้แนวรุกของปิศาจแดงอันตรายกว่าเดิม
นอกจากนั้นประโยชน์ของ คาวานี่ ไม่ใช่เพียงแค่การยืนรอบอลอย่างเดียว ความขยันของเขายังเป็นเรื่องที่ต้องปรบมือชม และถือเป็นการรักษาคำพูดตั้งแต่การให้สัมภาษณ์ตอนช่วงย้ายมาร่วมทีมผีแดง
ใครที่ติดตามบทสัมภาษณ์ของ 'เอล มาทาดอร์' ตั้งแต่ต้นคงทราบดีว่านักเตะรายนี้เน้นย้ำถึงการเล่นของตนเองอยู่เสมอ นั่นคือการกดดันตั้งแต่แนวรุก วิ่งไล่กดดันฝ่ายตรงข้ามและพยายามให้คู่แข่งเจอการเล่นที่ยาก
สิ่งที่เราได้เห็นตลอด 90 นาทีในเกมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาคงเป็นหลักฐานชั้นดีว่า คาวานี่ ไม่ได้มาเล่นๆ และพร้อมทำตามสิ่งที่เขาเคยกล่าวออกมา
กลับมาที่ เตลลิส อีกครั้ง แบ็กซ้ายบราซิเลี่ยนเจอวิบากกรรมมากมายกว่าจะได้โอกาสลงสนามให้กับผีแดง แต่เมื่อโอกาสมาถึง เขาได้สร้างผลงานที่แฟนบอลต้องลุกขึ้นปรบมือพร้อมสรรเสริญกับสิ่งที่เขาทำให้กับทีม
การเข้ามาช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายในการทำเกมริมเส้น ไม่ว่าจังหวะครอสที่ถือว่าได้ลุ้นแทบทุกครั้ง วิสัยทัศน์และการยืนตำแหน่งช่วยเกมรับถือว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
เอาแค่สถิติแบบหยาบๆ ในเกมที่ผ่านมาของ เตลลิส เขาจัดการครอสไปถึง 11 จาก 18 ครั้งที่ทีมทำได้ นั่นแสดงให้เห็นว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เชื่อมั่นในศักยภาพตรงจุดนี้ของนักเตะ
ไม่เพียงเฉพาะจังหวะครอสจากทางซ้าย ลูกเตะมุมของ เตลลิส ยังเป็นอาวุธเด็ดอีกชิ้นอีกของนักเตะ ด้วยการเปิดบอลโค้งยิ่งทำให้กองหลังควบคุมการสกัดได้ยาก ส่งผลให้แถวสองของทีมมีโอกาสเก็บบอลมากขึ้น และนั่นยังหมายถึงการเปิดโอกาสการซัดเต็มข้อแบบที่ แฟร์นันด์ส แสดงให้เห็นในนัดล่าสุด
ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของทีมที่ได้เห็นการเข้าทำที่หลากหลายมากขึ้นโดยเฉพาะการครอสบอลจากทางกราบ เพราะอย่างที่เรียนไป่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาความอันตรายจากพื้นที่ตรงนั้นของทีมหายไปและไม่สามารถกดดันฝ่ายตรงข้ามได้ดีเหมือนยุคก่อนๆ
เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะค่อยๆ ถูกพัฒนาควบคู่ไปกับการเข้าทำในส่วนอื่นๆ ของทีม ซึ่งมันเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพของทีมโดยเฉพาะการเข้าทำที่หลากหลายอย่างที่ โซลชา ต้องการ
อาวุธหรือศักยภาพในเรื่องนักเตะมีอยู่แล้ว ตอนนี้อยู่ที่การทำงานของโค้ชที่จะทำอย่างไรให้นักเตะสามารถแสดงผลงานในสนามได้ตามที่ต้องการ
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT