ตำนานไม้เสียบผี
ใช่ครับ ชายคนนั้นคือ ไรอัน กิ๊กส์ ยอดปีกแห่งโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่ปรากฏภาพหนแรกพร้อมกับรูปร่างผอมเพรียวและทรงผมที่ยุ่งเหยิง
ใครหลายคนอาจจะดูแคลนว่า 'ไอ้หมอนี่มันจะไหวเหรอ?' แต่พอลองลงไปในสนามแล้ว 'กิ๊กซี่' เหมือนเป็นคนละคน เขากลายเป็นนักเตะที่ติดปีก พลิ้วไหวราวกับสายลมที่สามารถชอนไชและลากผ่านฝ่ายตรงข้ามไปได้แบบสบายๆ
กิ๊กส์ฉายแววมาตั้งแต่อายุ 14 หลายสโมสรจ้องดึงตัวนักเตะรายนี้ไปร่วมทีมซึ่งหนึ่งในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เกือบจะได้ตัวไปครอง .... แต่
"เดนนิส สโคฟิลด์ ผู้จัดการทีมของผมที่ ดีนส์ รวมไปถึงเป็นแมวมองของซิตี้ในเวลานั้น พยายามพาผมไปเสนอให้กับซิตี้"
"แต่ผมเป็นแฟนบอลของยูไนเต็ด และผมไม่มีความรู้สึกอะไรเลยกับซิตี้ ดังนั้นผมไปเพราะมันเป็นหน้าที่"
"พวกเขาดูแลผมอย่างดีทำให้ทุกอย่าง แต่ผมกลับไม่ชอบและบ่อยครั้งที่ผมจะโดดซ้อม" ปีกพ่อมดย้อนความหลัง
ช่วงเวลาเดียวกัน แฮโรลด์ วู้ด พนักงานส่งเอกสารและเจ้าหน้าที่ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เข้าไปสะกิด อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่ามีเด็กคนหนึ่งที่อยากให้เขาดู
มันเกิดขึ้นในเกมที่ทีมเยาวชนยูไนเต็ดเจอกับ ซัลฟอร์ด และเกมนั้นเด็กหนุ่มกิ๊กซี่กดแฮตทริก ซึ่งมันไปเข้าตาเต็มๆของเฟอร์กี่ที่แอบมองผ่านหน้าต่างห้องทำงาน
ในตอนนั้นเฟอร์กี้ทราบแล้วว่าเขาต้องรีบเดินหมากสำคัญในการเข้าหาเด็กหนุ่มหัวฟูคนนี้ด้วยการบุกไปถึงบ้านก่อนจะกระชากมาร่วมทีมอะคาเดมี่ได้สำเร็จ ในวันเกิดครบรอบ 14 ปีของ ไรอัน กิ๊กส์ พอดิบพอดี (29 พ.ย. 1987)
ที่ศูนย์ฝึกของปิศาจแดงชื่อเสียงของกิ๊กส์ขจรขจายออกไปอย่างรวดเร็ว บรรดานักเตะทีมชุดใหญ่ต่างแวะเวียนมาดูคนแล้วคนเล่า
โอกาสครั้งสำคัญของกิ๊กส์เกิดขึ้นในอีก 3 ปีต่อมาเมื่อเขาได้รับสัญญาอาชีพ และถูกดันให้ขึ้นไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่
สตีฟ บรู๊ซ ยังคงจำได้ดีถึงวันแรกที่เจ้าหนูผมกะหร่องคนหนึ่งเดินตัวงอมาสู่สนามของพวกรุ่นใหญ่ หลายคนไม่แม้แต่จะชายตามอง แต่นั่นแหละทุกสิ่งเปลี่ยนไปหลังจากการฝึกซ้อม
"เพียงแค่การเคลื่อนที่ของเขา วิธีที่เขาลากบอลผ่าน วิฟ แอนเดอร์สัน แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษในช่วงซ้อม ก็เหลือแดกแล้ว"
"แต่จุดเด่นของเขามีมากกว่านั้น เขาเป็นเด็กที่ถ่อมตนไม่เหลิง และจองหอง นั่นทำให้ผู้คนรักเขา"
การเริ่มต้นในสนามของเขาอาจจะไม่น่าจดจำกับความปราชัยให้กับ เอฟเวอร์ตัน 0-2 แถมยังโดน เดฟ วัตสัน ปราการหลังจอมโหดของทีมทอฟฟี่รับน้องอย่างจัง
"ยินดีต้อนรับไอ้หนู"
แต่มันเป็นแรงผลักดันและกระตุ้นต่อมความกระหายในตัวกิ๊กส์ให้เดินหน้าไปสู่จุดหมายที่เขาฝันเอาไว้
เขาลุกขึ้นและวิ่งต่อไป
โอกาสคือสิ่งสำคัญ เขานั่งรอข้างสนามอย่างเงียบๆ และในที่สุดวันที่ทำให้แฟนบอลต้องจดจำก็มาถึง
มันเป็นเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่เกิดขึ้นปลายฤดูกาล 1990/91
กิ๊กส์นั่งจับเจ่าอยู่ในห้องแต่งตัว ในใจเขารู้ดีว่าคงเริ่มต้นที่ข้างสนามเหมือนเดิม แม้ตอนนั้น มาร์ค บอสนิช จะสะกิดว่า 'เดี๋ยวเอ็งได้ลงนะโว้ย' แต่เขาก็ยังไม่สนใจเพราะคิดว่าเพื่อนร่วมทีมหยอกล้อ
เฟอร์กี้เดินเข้ามาในห้อง กุนซือใหญ่ทัพปิศาจแดงเริ่มประกาศรายชื่อนักเตะไล่ตั้งแต่เบอร์ 1-10 ก่อนจะหยุดชะงักที่หมายเลข 11
เขาขี้ไปยังหนุ่มร่างผมบางที่นั่งอยู่มุมห้องพร้อมบอกว่า 'ไรอัน นายลงเล่นทางด้านซ้าย'
กิ๊กส์เปิดเผยภายหลังว่าเขายังไม่เชื่อหูตัวเองเลย แถมยังคงนั่งฟังรายชื่อต่อไป จนถึงเวลาลงสนามแล้วเขาเพิ่งมารู้ตัวว่าได้เป็นตัวจริง
คล้ายกับโชคชะคาหรือบทละครที่ถูกเขียนให้ไรอัน กิ๊กส์ เป็นพระเอกของเรื่อง เพราะเขาคือคนที่ยิงประตูชัยให้ทีมชนะไปแบบสุดมัน
แม้จะบอกได้ไม่เต็มปากว่ากิ๊กส์คือคนยิง เพราะจังหวะนั้นเจ้าตัวออกมาเปิดเผยว่า เป็นเวลาเดียวกับ โคลิน เฮนดรี้ กองหลังตัวเก่งชาวสกอตแลนด์ตามมาสไลด์เคลียร์แล้วบอลโดนเขาเข้าประตูไป
ทว่าหลังจบเกม เฟอร์กี่ ปรี่มาถามกิ๊กส์ทันทีว่า ‘แกโดนมันมั้ย' ด้วยความที่เป็นเด็กไม่ประสีประสา เขาเลยตอบกลับไปว่า 'ไม่แน่ใจ'
ทันใดนั้นเฟอร์กี้สวนกลับทันที "แกโดนมัน รับไปซะ"
นั่นคือจุดเริ่มต้นของ ไรอัน กิ๊กส์
ตำนานถูกขีดเขียนและไม่ใครมาเปลี่ยนแปลงได้ ต้องขอบคุณอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ให้โอกาส รวมไปถึงฝีเท้าอันเอกอุที่พระเจ้าประทานมาให้
และหลังจากนั้นทุกคนคงทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้บ้าง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT