การป้องกันเป็นเหตุ
ปกติช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เล่นงานฝ่าย ปล่อยหมัดน็อกปลายคางจนคู่แข่งสลบและลุกกลับมาทำอะไรไม่ได้
แต่เกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กลับกลายเป็นผีแดงที่โดนเล่นงานจนต้องผิดหวังและนอนแทบไม่หลับเพราะ 3 คะแนนอยู่ตรงหน้าแท้ๆ ดันปล่อยหลุดมือไปได้
ปัจจัยสำคัญหนีไม่พ้นการป้องกันที่หละหลวมเสียแบบง่ายๆ (อีกครั้ง) ใครจะไปคิดว่าสกอร์นำ 2-0 ในช่วงจบครึ่งแรกจะมาโดน เอฟเวอร์ตัน ไล่ตีเสมอในช่วงเวลาห่างกันเพียง 3 นาทีของต้นครึ่งหลัง ซึ่งทั้งสองประตูมาจากความผิดพลาดของ ปิศาจแดง
ส่วนหนึ่งคงต้องให้เครดิตกับ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ที่มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะตามหลัง 2 ประตู พวกเขายังคงเชื่อมั่นว่าอยู่ในเกมขอเพียงประตูแรกเกิดขึ้นก็พอ
สิ่งนี้มีสัญญาณเตือนตั้งแต่ช่วงเวลาครึ่งแรกที่ โดมินิก คัลเวิร์ต-ลูวิน หลุดเดี่ยวไปยิงถากเสา นั่นคือการส่งสัญญาณของทีมเยือนว่าพวกเขามองเห็นช่องทางในการลอบโจมตี ปิศาจแดง
ความผิดพลาดในท้ายครึ่งแรกก็น่าจะส่งสัญญาณไปที่แนวรับ ปิศาจแดง เช่นกันว่าพวกเขาไม่สามารถประมาทแนวรุก เอฟเวอร์ตัน โดยเฉพาะการเล่นริมเส้นหรือแทงตัดแนวรับ ซึ่งมันนำมาถึงการทำประตูของฝ่ายตรงข้ามในครึ่งหลัง
ประตูแรก ดาบิด เด เคอา ต้องยกมือยอมรับผิดไปเต็มๆ เพราะจังหวะเปิดของ 'ดีซีแอล' เหมือนจะไม่มีอะไรแต่มือกาวชาวสเปนดันตัดสินใจพลาดปัดบอลออกมาเข้าทาง อับดูลาย ดูกูเร่ ยิงสวนเสียบตาข่าย
ไม่ต่างประตูที่สองที่ทั้งทีมต้องรับไปเต็มๆ ตั้งแต่การปล่อยให้คู่แข่งเปิดมาให้กองหน้าตัวเป้าเช็ดบอลได้ รวมไปถึงการเข้าไปปิดพื้นที่ของ ดูกูเร่ อย่างล่าช้า และที่สำคัญคือการปล่อยให้ ฮาเมส โรดรีเกซ ล่อเป้าโล่งๆ แบบนั้นมันเป็นเรื่องไม่สามารถปล่อยให้เกิดขึ้นได้ เพราะบทลงโทษคือการเสียประตูอย่างที่เห็น
อย่างที่เรียนไปว่าจากสกอร์นำ 2-0 กลับกลายมาโดนตีเสมอ 2-2 แบบน่าเขกกะโหลก แทนที่จะมีงานที่ไม่หนักมาก แต่มันทำให้ ปิศาจแดง ต้องกลับมารวมพลังและฮึดอีกครั้งในช่วงที่เหลือ
ชัดเจนว่า ผีแดง ทำได้ดีกว่าทั้งการครองบอลและหาโอกาส มีเพียงการพะวงจังหวะสวนกลับเท่านั้นที่น่าเป็นห่วง และท้ายที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ปลดล็อกออกนำอีกครั้งจาก สกอตต์ แม็คโทมิเนย์
รูปเกมกลับมาเข้าทาง ปิศาจแดง พวกเขามีโอกาสปิดเกมด้วยการทำประตูที่ 4 แม้ว่าจะทำไม่ได้ แต่นั่นไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไรเลยที่ทำให้ทีมต้องโดนบุกแบ่งแต้มไปอย่างน่าเจ็บใจ
พูดได้เต็มปากว่า 'การป้องกัน' คือปัจจัยโดยรวมที่ทำให้ต้องพลาด 3 คะแนนสำคัญ ยิ่งช่วงท้ายเกมที่พวกเขาต้องมีสมาธิมากกว่าเดิม ต้องระวัดระวังลูกเปิดยาวหรือแม้แต่การสะกัดกั้นลูกตั้งเตะที่ต้องเด็ดขาด
หลายเกมที่รอดตัว หลายเกมที่มี 'ฮีโร่' ในการป้องกันจังหวะชี้เป็นชี้ตาย หากใครเคยอ่านคอลัมน์ที่ผ่านๆ มาจะเห็นได้ว่ามีการเตือนหรือมองเห็นจุดที่ ผีแดง ต้องแก้ไข แม้ก่อนหน้านี้จะรอดตัวได้หมด แต่หนล่าสุดกลับต้องโดนลงโทษแบบเจ็บแสบ
ทุกคนมีส่วนรับผิดชอบเพราะมันคือการป้องกันแบบทีม จังหวะฟรีคิกในช่วงตัดสินเช่นนี้เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแนวรับต้องจัดการกับบอลจังหวะหนึ่งและสองให้ดี และที่สำคัญคือการเพ่งสมาธิอย่างแน่วแน่ แต่มันกลายเป็น เอฟวอร์ตัน ที่ทำได้ดีกว่าทั้งสองจังหวะ
เรื่องราวผ่านไปแล้ว เหลือเพียงการนำความผิดพลาดมาเรียนรู้แก้ไขให้ดีกว่าเดิม ความผิดพลาดในนัดที่ผ่านมาอาจจะเป็นบทเรียนราคาแพง แต่หากมองในมุมกลับมันคือการสะกิดให้นักเตะปิศาจแดงมองเห็นความผิดพลาดของตนเอง ต่อจากนี้คือการนำไปปรับปรุงและทำให้ดีกว่าเดิม
ยิ่งสมรภูมิการรบในเวทีพรีเมียร์ลีกตอนนี้กำลังเสียเปรียบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างหนัก เพราะอริร่วมเมืองมีแต่พุ่งทะยาน ผลงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้แต่แชมป์เก่าอย่าง ลิเวอร์พูล ยังพังพาบคารังแบบเละเทะ ถึงตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด คงทำได้เพียงมองแค่ตัวเอง พยายามพัฒนาผลงานให้กลับมาติดเครื่องอีกครั้ง
ในฐานะผู้ตาม สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือการรักษาผลงานของตนเอง ห้ามถูกทิ้งห่างไปมากกว่านี้
ที่สำคัญคือการปรับปรุงแนวรับให้มั่นคงแข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมา นั่นคืองานที่สำคัญที่สุด เพราะหากทีมยังคงพลาดง่ายๆ เช่นนี้ อย่าว่าแต่การไล่ตาม เรือใบสีฟ้า ดีไม่ดีอาจจะโดนทีมที่ตามหลังไล่จี้เข้ามาและเหยียบหัวขึ้นไปก็เป็นได้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT