:::     :::

ทอฟฟี่รสหวาน

วันอังคารที่ 02 มกราคม 2561 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
5,365
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บทจะทำก็ทำได้แบบไม่มีปัญหาอะไร แถมยังเป็นการบุกไปเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ถึง กูดิสัน พาร์ค

แม้ว่าสถิติการดวลกับ ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน ในเวทีพรีเมียร์ลีก ของทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเหนือกว่า แต่หากดูจากผลงานในช่วงที่ผ่านมาของ ปิศาจแดง ต้องบอกว่าเหนื่อย

บวกกับ เอฟเวอร์ตัน ในยุค แซม อัลลาไดซ์ กลับมาทำผลงานได้ดี ยิ่งเป็นเรื่องน่ากังวลไม่น้อยก่อนลงสนาม 

ไหนจะปัญหานักเตะที่นัดกันเดี้ยงระนาวอีกครั้งโดยเฉพาะแนวรุกในตำแหน่งตัวเป้าดันมาหายหน้าไปพร้อมกัน ก็ต้องยอมรับกันตรงๆและว่าก่อนลงสนามถือเป็นสิ่งที่น่ากังวล

เป็นคำถามที่สื่อพยายามเล่นประเด็นมาโดยตลอดในวันที่ไม่มี โรเมลู ลูกากู ลงสนามหรือตัวแทนอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ถูกอาการบาดเจ็บเล่นงาน

โชเซ่ มูรินโญ่ ให้คำตอบด้วยการวาง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวหลักของทีม พร้อมกับปรับระบบการยืนให้ ปอล ป็อกบา ขยับขึ้นมาเป็นตัวทำเกมเต็มรูปแบบ ปล่อยให้ เนมานย่า มาติช กับ อันเดร์ เอร์เรร่า คุมแดนกลางและเก็บกวาดหน้าแนวรับให้กับทีม

ที่เหลือก็มี ฆวน มาต้า ลงทำเกมริมเส้นทางขวา โดยมี เจสซี่ ลินการ์ด อีกรายที่ดูคล้ายกับตัวฟรีในแนวรุกที่บ่อยครั้งเราจะเห็นเขาขยับไปเล่นกองหน้าคู่กันกับ มาร์กซิยาล หรือบางครั้งจะคอยสลับมาป่วนทางซ้ายของ เอฟเวอร์ตัน สลับไปมากับ ป็อกบา

แนวรับ เราได้เห็น วิคอตร์ ลินเดเลิฟ ลงสนามในตำแหน่งแบ็กขวาอีกครั้ง ซึ่งเจ้าหนูจากสวีเดนรายนี้ทำผลงานได้ดี ทั้งการเล่นเกมรับและเติมเกมในยามที่มีโอกาส ส่วนคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ โจนส์ กับ โรโฮ ก็มีผลงานที่ดีพอตัวเลยทีเดียว

แนวรับที่น่าชมมากที่สุดในสายตาผู้เขียนคงหนีไม่พ้น ลุค ชอว์ ที่สามารถคว้าโอกาสและสร้างความประทับใจได้อีกครั้ง

แม้จะมีข่าวลือหนาหูในการย้ายทีมมาโดยตลอด แต่เมื่อ ชอว์ มีโอกาสลงสนามเมื่อไหร่เขามักจะทำได้ดีเสมอ เหมือนอย่างเช่นนัดล่าสุดที่คอยสกัดกั้นและดวลกับ เมสัน โฮลเกต ได้อย่างสนุก

นั่นคือภาพโดยรวมของเกมนัดล่าสุด ...



มาว่ากันที่ผลงาน อย่างที่ทราบกันมานั่นแหละ ปิศาจแดง ลงสนามในลีกพร้อมกับคว้าผลเสมอ 3 นัดติดต่อกันไล่ตั้งแต่ เลสเตอร์ ซิตี้, เบิร์นลี่ย์ และล่าสุดกับ เซาธ์แฮมป์ตัน

เสียงวิจารณ์ต่างๆนานา เริ่มออกมา หลายคนคิดไปไกลว่า โชเซ่ มูรินโย่ ยังคือคนที่ใช่หรือไม่ หลายคนเบื่อกับผลงานที่เน้นอุดมากกว่ารุกตามแบบฉบับ 'ผีแดง' จน 'จ่ามู' ได้รับฉายาใหม่ว่า 'ผัวเจ๊เกียว'

อืมมมม ... ไม่แปลกอะไร เพราะฟุตบอลสมัยใหม่เปลี่ยนไปมาก ทุกเกมต้องลงเอยที่ชัยชนะ หรืออย่างน้อยที่สุดต้องเล่นอย่างสนุกเอนเตอร์เทนคนดู และอย่าลืมว่าท้ายที่สุดต้องจบลงด้วย โทรฟี่ หรือ แชมป์

ในวันที่ความสำเร็จเป็นตัวชี้วัดความเก่งกาจของทีมนั้นๆ และแน่นอนในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความเห็นต่างๆถูกส่งต่อไปมาอย่างรวดเร็ว

แฟนบอลก็มีเหตุผลของพวกเขาเอง ทุกคนอยากเห็นทีมคว้าชัย อยากสนุกสนานเฮอา ฉลองพร้อมกับชัยชนะของทีมรัก หรือท้ายที่สุดได้ฉลองกับแชมป์ (อะไรสักอย่าง) เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล

เราจึงได้เห็นเสียงวิจารณ์ลอยไปมาผ่านโลก 'โซเชียล มีเดีย' ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งดีและไม่ดี (อันหลังน่าจะเยอะกว่า) ถาโถมมาสู่ทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่

แฟนบอลปิศาจแดง ไม่เพียงแค่กังวลเรื่องผลงาน แต่ก็อย่างที่เรียนไปนั่นแหละ จากสภาพทีมที่บาดเจ็บและติดโทษแบน ทำให้พวกเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ และยิ่งผลงานจาก 45 นาทีแรกที่ กูดิสัน พาร์ค แฟนบอลหลายคนคงทำใจว่านี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเกมที่จบแบบจืดๆ

แต่เมื่อนักเตะผีแดงกลับมาลงสนาม เหมือนกับพวกเขาได้ยาดีจาก มูรินโญ่ ที่กระตุ้นมาแบบจัดเต็ม ทำให้เกมรุกดุดันขึ้นและมีโอกาสงามๆสองครั้งจากปลายเท้าของ ฆวน มาต้า

สองจังหวะที่ว่าเหมือนเป็นตัวจุดประกายไฟให้แนวรุกผีแดงตื่นตัว เพราะหลังจากนั้นทุกคนในแนวรุกต่างหาโอกาสได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะ ปอล ป็อกบา ที่ปรับโหมดเล่นง่ายขึ้น ซึ่งประตูขึ้นนำก็มาจากปลายสตั๊ดของกองกลางทีมชาติฝรั่งเศสที่ไหลให้เพื่อนร่วมชาติอย่าง มาร์กซิยาล ปั่นเบียดเสาเข้าไป



เกมล่าสุดก็ต้องขอยกนิ้วให้ ป็อกบา ที่เปลี่ยนทัศนคติและการเล่นให้ง่ายขึ้น แม้บางจังหวะอาจจะยังมีขัดหูขัดตา แต่พอมาถึงลูกเข้าทำหรือจังหวะสำคัญ กองกลางหัวหลากสีกลับทำได้ดีและหาโอกาสให้กับตนเองและเพื่อนร่วมทีมได้มากมาย

เมื่อมีแกนกลางในการเข้าทำและสามารถหาโอกาสกับจังหวะได้ดีแบบนี้ คนอื่นๆในทีมโดยเฉพาะแนวรุกก็สามารถหาพื้นที่เข้าทำและสร้างความอันตรายได้ดีกว่าที่ผ่านๆมา

มาต้า, มาร์กซิยาล และ เจสซี่ ลินการ์ด ต่างเล่นสอดประสานกันได้ดี และเป็นฝ่ายหลังนี่แหละที่มาฝั่งประตู 2-0 จากการปั่นโค้งอันสุดสวย

ชัยชนะจากนัดล่าสุดถือเป็นการคว้าชัยที่ถูกจังหวะ มันเกิดขึ้นหลังจากผลงานเสมอ 3 เกมรวด แถมเกิดขึ้นในวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งคงพูดเต็มปากได้ว่าเป็น 'ของขวัญ' ให้บรรดา 'เร้ด อาร์มี่' หลังจากพลาดมาก่อนในนัดก่อนสิ้นปีใหม่

อย่างที่เรียนไปตั้งแต่บรรทัดแรก บทจะทำก็ทำได้แบบไม่มีปัญหาอะไร แถมยังเป็นผลงานที่ดีและดูสนุกตลอด 45 นาทีหลัง

เป็นอีกหนึ่งเกมที่ทีมสมควรคว้า 3 คะแนน เมื่อดูจากผลงานในสนามที่นักเตะเล่นที่เกือบทุกตำแหน่ง

ความดีความชอบก็ต้องยกให้ มูรินโญ่ เช่นกัน เพราะเขาสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของทีมให้ดีขึ้นจากนัดก่อนหน้านี้ แบบผิดหูผิดตา และดูเหมือนว่า ป็อกบา จะเหมาะกับการยืนเป็นตัวสูงมากกว่าจะมัวไปวิ่งเป็นกองกลางตัวต่ำ



เราจะเห็นได้ชัดเจนว่า ป็อกบา มีความอันตรายและมีส่วนร่วมกับเกมมากกว่าการยืนคู่กับ เนมานย่า มาติช ในระบบ 4-2-3-1 ซึ่งอย่างนัดล่าสุดในตำแหน่งหมายเลข 10 (บางครั้งฉีกออกทางซ้าย ซึ่งบ่อยมากในครึ่งหลัง) มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสถือว่ารีดฟอร์มเก่งออกมาได้อย่างชัดเจน และมีประสิทธิภาพมากทีเดียว

เล่นดีแค่ไหน ก็ถึงขนาดที่รุ่นพี่อดีตทีมชาติเดียวกับอย่าง เธียร์รี่ 'เดอะแหนม' อองรี ยังออกปากชมว่านี่มันฟอร์มการเล่นของ ปอล ป็อกบา สมัยพีคๆ กับ ยูเวนตุส 

ต่างจาก่อนหน้านี้ที่ ป็อกบา โดน พอล สโคลส์ อดีตรุ่นผีในรั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด สับเละเทะเลยว่าเล่นต่ำกว่ามาตรฐานที่คาดหวัง (ภาษาบ้านๆคือไม่คุ้มค่าตัวที่ทีมจ่ายไป) แถมยังสงสัยเรื่องของทัศนคติและความฟิตของกองกลางชาวฝรั่งเศสด้วย

นั่นคือมุมมองของคนที่ทำหน้านักวิจารณ์และวิเคราะห์ หรือหากมองเป็นการติชมก็ต้องบอกว่ามาจากอดีตรุ่นพี่ที่เป็นห่วงน้องและอดีตต้นสังกัด ในช่วงเวลาที่ผลงานไม่เป็นไปตามเป้า

แต่พอทีมชนะ แถมโดนนักข่าวจี้ถามประะด็นของ พอล สโคลส์ มีหรือที่ มูรินโญ่ จะไม่สวนกลับแบบเจ็บๆคันๆ

"ผมคิดว่าสิ่งที่ สโคลส์ ทำเป็นเพียงแค่การตำหนิเท่านั้น ผมไม่คิดว่ามันเป็นการให้ความเห็น เขาแค่ตำหนิซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างกัน แต่ไม่ใช่นักเตะทุกคนในทีมของเราที่จะเป็นปรากฏการณ์แบบเขาในฐานะนักเตะ"

"เขาเป็นนักเตะที่สร้างปรากฏการณ์ นั่นหมายความว่าเราไม่มีนักเตะที่ทำได้แบบเขาทุกคน ปอล ป็อกบา พยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดในทุกเกม บางครั้งเล่นดีมาก, บางครั้งเล่นดี และบางทีก็ออกมาไม่ดี"

"ผมคิดว่า พอล สโคลส์ เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่ใช่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ถ้าหากวันหนึ่งเขาตัดสินใจมาเป็นผู้จัดการทีม ผมหวังว่าเขาจะประสบความสำเร็จได้สัก 25% ของผมนะ เพราะ 50% มันหมายถึง การคว้าแชมป์ 12 รายการครึ่ง 25% ก็ราวๆเพียง 6 ถ้าทำได้เท่านั้นผมว่าเขามีความสุขแล้วล่ะ"




นั่นคือคำพูดแบบฉบับ 'ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง' ที่ มูรินโญ่ ย้อนกลับไปยัง สโคลซี่

มองแบบไม่คิดอะไรมาก มูรินโญ่ เองก็พยายามปกป้องทีมโดยเฉพาะนักเตะที่เขาคลุกคลีและคุ้นเคยกว่าแน่นอน

นอกจากนี้ มูรินโญ่ ก็ระบุว่าด้วยว่าเข้าใจในสิ่งที่ สโคลส์ พยายามจะสื่อ เพราะด้วยความเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมของสโมสร แถมเป็นระดับตำนานที่คว้าแชมป์ทุกสารทิศกับทีมมาแล้ว ไม่แปลกที่ สโคลส์ จะออกมาพูดแบบนั้นหลังจากทีมมีผลงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

เพราะอย่าลืมว่าด้วยศักดิ์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สั่งสมมานานหล่อหลอมให้ทีมและนักเตะมีความเป็นผู้ชนะในตัวอยู่เสมอ ... 

ผ่านไปอีกหนึ่งเกม พร้อมกับสามคะแนนและชัยชนะที่กลับมาสู่อ้อมกอดแฟนบอลปิศาจแดง

ปัญหาที่หลายคนกังวล ถูกคลี่คลายแล้วด้วยผลงานนัดล่าสุด

มูรินโญ่ พูดเสมอว่าตนเองอยากให้นักเตะทุกคนพร้อมใช้งาน แน่นอนไม่ต่างอะไรจากผู้จัดการทีมคนอื่นๆ เพราะการที่นักเตะคนอื่นๆพร้อมรบมันหมายถึงทางเลือกที่เปิดกว้าง

แต่ด้วยตัวเลือกที่จำกัด (โดยเฉพาะแนวรุก) กับผลงานที่ออกมาถือว่า มูรินโญ่ ทำได้ดี (รวมไปถึงนักเตะทุกคน)

นี่แหละวิถีฟุตบอล ในฐานะแฟนบอลที่หวังดีกับทีม เมื่อทีมเดินหน้าไปในทิศทางที่ดี เราก็ควรออกมาชมพร้อมกับให้กำลังใจ

แต่ถ้าหากเกิดเดินออกนอกทางหรือผลงานแย่เกินจะทนไหว เสียงวิจารณ์ (หรือติติง) ก็จะลอยออกมา

ทุกสิ่งล้วนแล้วเกิดจากเหตุและผล ไม่ต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้

แต่ผลงานนัดล่าสุดต้องปรบมือและชมเลยว่า พวกนายทำได้ดีมาก ... 



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด