สูญเสียถึงรู้สึก
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าอาจจะถูกบดบังไปด้วยอคติ ความหลงตัวเอง หรือปัจจัยภายนอกที่ทำให้มองข้ามสิ่งนั้นไป
นี่คงไม่ต่างจากแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ร้องโอดครวญคิดถึง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนพลาดลงสนามในสองนัดล่าสุด ซึ่งผลการแข่งขันออกมาอย่างที่เห็น ปิศาจแดง แพ้คาบ้านให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล แถมโดนสอยตาข่ายไปถึง 6 ลูก
ถึงจะเป็นแนวรับที่ไม่ได้มีความเร็วเพื่อเอาไว้สู้กับแนวรุกฝ่ายตรงข้าม บางครั้งอาจจะผิดพลาดจนทำแฟนบอลหัวร้อน แต่จากสองเกมที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่า แม็กไกวร์ คือหัวใจสำคัญในแนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนี้ และเป็นคนที่ทีมจะขาดไม่ได้เลย ซึ่งหากดูจากสถิติหยาบๆ เขาคงไม่ถูก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ส่งลงสนามในศึก พรีเมียร์ลีก ทุกนัดตั้งแต่ที่ย้ายมาเล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด จนกระทั่งโดนโรคเดี้ยงเล่นงานในเกมดวล แอสตัน วิลล่า
ย้อนกลับไปในเกมที่ วิลล่า พาร์ก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แม็กไกวร์ ลงสนามบัญชาการแนวรับให้กับทีมตามปกติ แม้ทีมจะแซงชนะออกมาได้อย่างงดงาม แต่มีเรื่องราวที่น่ากังวลตามมาเพราะกัปตันทีมรายนี้ได้รับบาดเจ็บในนาที 78
ถ้าบอกว่าเป็น 'คราวซวย' ก็คงไม่เกินเลยไปแต่อย่างใด เพราะจังหวะดังกล่าว แม็กไกวร์ พยายามสกัดกั้นการเล่นแนวรุก วิลล่า แต่ดันมาโดน อันวาร์ เอล กาซี่ ปีกชาวเนเธอร์แลนด์ล้มลงมาทับที่ข้อเท้า
อาการในทีแรกดูเหมือนไม่น่าเป็นห่วงอะไรมาก เพราะกัปตันทีมวัย 28 ปีเดินออกจากสนามเองได้ แต่หลังจากนั้นแฟนบอลผีแดงต้องได้รับฟังข่าวร้ายเมื่อ โซลชา ออกมายืนยันว่า แม็กไกวร์ จะพลาดเกมที่เหลือในลีกของซีซั่นนี้แน่นอนแล้ว แถมยังมีภาพนักเตะใส่เครื่องป้องกันยิ่งทำให้ความกังวลเพิ่มมากขึ้น
"ข่าวดีคือมันไม่ได้หัก" กุนซือชาวนอร์เวย์กล่าวถึงอาการ แม็กไกวร์ ก่อนเกมที่ดวลกับ ลิเวอร์พูล
"ไม่มีอาการร้าว แต่บาดเจ็บตรงเส้นเอ็น แน่นอนว่าเป็นอาการที่น่ากังวล ผมยังคงมองโลกในแง่ดี ผมหวังว่าเขาอาจจะพร้อม ผมไม่คิดว่าเขาจะเล่นในลีกอีกครั้ง (ก่อนจบฤดูกาลนี้) เราจะทำทุกๆ วิถีทางที่เราทำได้เพื่อให้เขาพร้อมกับรอบชิงชนะเลิศ (ยูโรปา ลีก)
"คุณพยายามดูแลนักเตะในระยะยาวอยู่เสมอ ถ้าเขาฟิต เขาจะลงเล่นให้กับเรา ถ้าไม่ก็จะไม่ได้เล่น อย่างที่ผมพูดไป เราหวังว่าเขาจะพร้อม ถ้าเขาพร้อมเล่นให้เรา เขาก็จะพร้อมลงเล่น ยูโร ได้"
อย่างที่เรียนไปว่าการขาดหายไปของ แม็กไกวร์ เห็นผลได้อย่างชัดเจนในช่วง 2 นัดที่ผ่านมา โดยเฉพาะเกมป้องกันที่ดูอ่อนยวบลงไป รวมไปถึงความผิดพลาดที่ทำให้ทุกๆ คนประจักษ์ ซึ่งมันยิ่งขับให้เห็นถึงความสำคัญในการขาดหายไปของ แฮร์รี่
ลองกางสถิติตัวเลขผลงานในแนวรับของ แม็กไกวร์ ออกมาดู จะพบว่าแข้งวัย 28 ปียืนอยู่ในลำดับต้นๆ ของลีก ไม่ว่าจะเป็นการผ่านบอลที่อยู่ในลำดับ 3 (2,227 ครั้ง) แถมจำนวนที่ผ่านบอลสำเร็จก็อยู่ในลำดับเดียวกันด้วย (1,944 ครั้ง)
ที่ผ่านมาเราจะได้เห็น แม็กไกวร์ เล่นในลักษณะเป็นตัวลำเลียงบอลขึ้นมาจากแนวรับในช่วงที่ทีมกำลังจะเปิดเกมรุก เขาจะเป็นตัวรับบอลจากผู้รักษาประตูหรือกองหลังเพื่อนร่วมทีมแล้วค่อยๆ มองหาช่องทางในการส่งต่อไปยังแดนกลางหรือแดนหน้า
นั่นคืออีกหนึ่งจุดแข็งของ แม็กไกวร์ ที่มีส่วนกับเกมเป็นอย่างมาก ซึ่งสองนัดที่ผ่านมาการเล่นในลักษณะดังกล่าวแทบจะหายไปทำให้มิติการเดินเกมของทีมลดลง และยังส่งผลให้ฝ่ายตรงข้ามมองหาทางป้องกันหรือดักทางได้ง่ายขึ้น
อีกหนึ่งจุดที่สำคัญของการมี แม็กไกวร์ ในสนามคือการพาบอลออกมาจากพื้นที่หรือสถานการณ์ที่เสี่ยง ภาพคุ้นตาของแฟนๆ ผีแดง อีกอย่างคือการที่กัปตันทีมรายนี้ตัดจังหวะแล้วกระชากบอลขึ้นมา เปลี่ยนจากสถานการณ์ที่ทีมกำลังเสียเปรียบให้กลายมาเป็นได้เปรียบอยู่บ่อยครั้ง
แม้ทาง เอริก ไบยี่ จะเล่นในลักษณะดังกล่าวได้เช่นกัน แต่ต้องยอมรับว่าความนิ่งและความแม่นยำยังคงเป็นรอง แม็กไกวร์ พอสมควร
นอกเหนือไปจากนั้น สถิติการเล่นลูกกลางอากาศของ แม็กไกวร์ ยังเป็นจุดหนึ่งที่ส่งผลชัดเจนในนัดแพ้ หงส์แดง คาบ้าน โดยเฉพาะจังหวะเสียประตูที่สองในช่วงท้ายครึ่งแรกที่ปล่อยให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หลุดไปโขกแบบจ่อๆ
สถิติบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า แม็กไกวร์ คือนักเตะที่ชนะการดวลลูกกลางอากาศ 135 ครั้ง (อันดับ 2) จากการดวลทั้งหมด 179 ครั้ง (อันดับ 3) ซึ่งหากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แนวรับชาวอังกฤษนอนมาเป็นที่ 1 ในจำนวน 75.4% (คิดในจำนวนการเล่น 50 ครั้งขึ้นไป)
คิดง่ายๆ หากมี แม็กไกวร์ ยืนในสนามหรือกรอบเขตโทษ การที่ตัวเปิดบอลของฝ่ายตรงข้ามต้องชะงักและคิดหาทางหลีกเลี่ยงแนวรับรายนี้ก็อาจจะส่งผลให้จังหวะของทีมนั้นๆ เสียไปเพราะมีกำแพงขนาดใหญ่ยืนขวางทาง
ยิ่งมองไปที่สถิติยิ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการขาดหายไปของ แม็กไกวร์ ส่งผลในแนวรับมากมายเพียงใด เพราะนอกเหนือตัวเลขข้างต้นที่เอามาอ้างอิง อดีตกองหลังเลสเตอร์ ซิตี้ ยังทำสถิติสกัดกั้นหรือตัดบอลเป็นอันดับที่ 3 ของลีก ในจำนวน 60 อีกด้วย
ถึงตรงนี้แฟนผีแดงคงได้แต่ภาวนาว่ากัปตันวัย 28 ปีจะสามารถฟื้นตัวได้ทันเวลาก่อนนัดชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก ที่โปแลนด์ ซึ่งหากนับเวลาเหลือเพียงแค่ 10 วันกว่าเกมจะลงสนาม
อย่างน้อยๆ แฟนบอลอยากเห็น แม็กไกวร์ กลับมาลงซ้อมกัมทีมก่อนสัก 2-3 วัน ซึ่งนั่นจะถือเป็นสัญญาณที่ดีอย่างมาก แต่หากไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ โอกาสที่จะได้เห็น ไบยี่, วิตตอร์ ลินเดเลิฟ หรือ แอ๊กเซล ตวนเซเบ้ ลงสนามก็คงมีมากขึ้น
ในสถานการณ์ที่ แม็กไกวร์ ยังลูกผีลูกคนไม่แน่ชัดว่าจะฟิตทันหรือไม่ ทางที่ดีสาวกปิศาจแดงมานั่งภาวนาไม่ให้มีใครดวงแตกบาดเจ็บเพิ่มเติมก่อนเกมที่ กดังส์ค โดยเฉพาะปราการหลังตัวกลางที่ตัวเลือกเหลือไม่มาก
เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง ไม่เพียงแค่ โซลชา ที่ต้องกุมขมับหาทางออกนการรับมือแนวรุก บียาร์เรอัล บรรดาแฟนบอลเองก็คงกระสับกระส่ายไม่แพ้กัน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT