:::     :::

วิมานล่ม

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม 2564 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
1,479
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สายฝนอาจจะชะล้างคราบน้ำตา แต่ไม่สามารถลบความผิดหวังที่เกาะกุมหัวใจนักเตะใน กดังส์ค สเตเดียม ออกไปได้

ย้อนกลับไปก่อนลงสนาม แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างแสดงความมั่นใจว่าถึงเวลา 'ปลดล็อก' การคว้าแชมป์แรกในยุคสมัย โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทั้งในโซเชียล มีเดีย หรือตามหน้าสื่อต่างๆ ที่ออกมาโหมโรงกันเสียยกใหญ่

ปัจจัยหลายๆ อย่างทำให้พวกเขาเชื่อว่า ปิศาจแดง จะทำได้อย่างที่แฟนบอลปรารถนา ไม่ต่างไปจากสื่อสโมสรที่จัดการ 'โปรโมต' อย่างจัดเต็ม

แต่ทุกอย่างต้องมลายหายไปหลังจาก ดาบิด เด เคอา ก้าวเท้าสังหารจุดโทษไปติดเซฟ เคเรนีโม่ รูยี่

อารมณ์หลังวินาทีนั้นแตกต่างราวฟ้ากับเหว บียาร์เรอัล เหมือนถูกดึงขึ้นสรวงสวรรค์ แชมป์ใหญ่รายแรกที่พวกเขารอมาอย่างยาวนาน ในที่สุดมันก็เกิดขึ้นเสียที คราบน้ำตาแห่งความปิติยินดีไหลอาบหน้านักเตะ ทีมงาน และกองเชียร์ สาวกเรือดำน้ำสีเหลืองที่รอเชียร์ในสเปนต่างโห่ร้องแสดงความขอบคุณนักเตะของพวกเขา





ตัดภาพกลับไปที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บรรดานักเตะเริ่มคอตก สีหน้าผิดหวังแสดงออกมาอย่างชัดเจน คราบน้ำตาของความผิดหวังเสียใจไหลรินอาบสองแก้ม มันคือความผิดหวังที่เจ็บปวดมากกว่าฤดูกาลที่ผ่านมาเสียอีก เพราะซีซั่นนี้เหลืออีกเพียงก้าวเกียวก็จะไปถึงแชมป์ที่พวกเขาต้องการ

มันไม่ใช่ความผิดของ เด เคอา ที่พลาดจุดโทษแค่เพียงคนเดียวหลังจากยิงแบบ 'มาราธอน' มาถึง 21 คน เพราะหากพิจารณาไปตลอด 90 นาทีทุกๆ คนในทีมต้องรับผิดชอบร่วมกันรวมไปถึง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ถูกตั้งคำถามอย่างหนักหลังจบเกมที่โปแลนด์

คำถามต่างๆ ถาโถมไปยัง แมนเสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะในตัว โซลชา ที่ถูกเพ่งเล็งอีกครั้ง หนนี้หลายคนต่างสงสัยเรื่องการตัดสินใจของนายใหญ่วัย 48 ปี ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในเกมสำคัญนัดที่ผ่านมา

ประเด็นสำคัญที่บรรดากูรูของอังกฤษหรือแม้แต่แฟนบอลทั่วโลกสงสัยคือการเปลี่ยนตัวที่รอจนถึงนาที 100 กว่าจะส่งคนแรกลงสนาม

เรื่องดังกล่าวกุนซือนอร์เวย์แก้ตัวว่ามันเป็นเรื่องยากในการตัดสินใจเพราะ "คุณมีทั้ง เมสัน และ มาร์คัส นักเตะที่เป็นตัวตัดสินแพ้ชนะ บรูโน่, เอดิ สามารถสร้างบางอย่างได้ สกอตต์ ที่ผมรู้สึกว่าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสนาม และ ปอล"

นั่นคือข้อแก้ต่างเรื่องการเปลี่ยนตัว แต่จากการที่ทีมปราชัยมันจึงเป็นความเห็นที่ฟังไม่ขึ้นเสียเท่าไหร่





คำว่า ทำไม? ทำไม? และก็ทำไม? เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจบเกมที่โปแลนด์

ยกตัวอย่าง นีล เลนน่อน อดีตผู้จัดการทีมกลาสโกว์เซลติกที่แสดงความเห็นค่อนข้างถูกใจแฟนบอลปิศาจแดง โดยระบุว่า โซลชา ดูจะไม่ค่อยวางใจตัวสำรองของทีมเสียเท่าไหร่ เพราะหากพิจารณาถึงรูปเกมและโอกาสในการเอาชนะหลังตีเสมอ กุนซือชาวนอร์เวย์กลับไม่มีความกระตือรือร้นในการปรับเกมเลย

สำรอง 12 รายกับนักเตะ 'เอาต์ฟิลด์' 9 คนที่ 'อาจจะ' สามารถลงไปเปลี่ยนแปลงรูปเกมหรือเพิ่มมิติในการเข้าทำ แต่ โซลชา กลับยึดมั่นในตัวนักเตะ 11 คนแรกจนถึงนาทีที่ 100 

"โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่เชื่อใจสำรองของเขา เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงทีมเลย และที่เรากำลังพูดถึงกันนี่คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่เป็นเรื่องที่น่ากังวล

"บางทีเขาอาจจะพยายามส่งสัญญาณไปยังบอร์ดบริหาร อันนี้ผมไม่ทราบ แต่คุณคิดหลังจาก 75 นาทีหรือ 80 นาที เขาต้องการเปลี่ยนตัวเพื่อเดินหน้าและเอาชนะใน 90 นาทีหรือระหว่างช่วงต่อเวลาพิเศษ"

แฟนบอลในสนามหรือผู้ชมทางบ้านต่างหงุดหงิดกับผลงานตลอด 45 นาทีแรกของทีมโดยเฉพาะการเข้าทำที่ไร้จินตนาการซึ่งกลับมาหลอกหลอนพวกเขาอีกครั้ง 





แม้จะมีโอกาสจะแจ้งแต่จังหวะขาดๆ เกินๆ ทำให้ไม่สามารถเกิดการจบสกอร์แบบที่หวังไว้ สิ่งที่ขาดหายไปคือการประสานงานที่ลงตัว ทุกๆ ครั้งที่สามารถเจาะมาถึงสุดเส้นหลัง บอลสุดท้ายจะต้องติดบล็อกหรือไปไม่ถึงกองหน้าตัวเป้าอยู่ตลอด ทุกๆ อย่างดูไม่ปะติดปะต่อจนน่าหงุดหงิด

ยกตัวอย่างจังหวะของ เมสัน กรีนวูด ในครึ่งแรกที่ลากหนีตัวประกบไปได้สวยแต่จังหวะเปิดดันไปติด ราอูล อัลบิโอล แนวรับฝ่ายตรงข้ามอย่างน่าเสียดาย

แม้แต่หลังจากจังหวะตีเสมอในต้นครึ่งแรกจาก เอดินสัน คาวานี่ ที่ ปิศาจแดง ดาหน้าบุกต่อเนื่องเพื่อหวังแซงนำ แต่พวกเขากลับไม่สามารถสร้างความกดดันได้ต่อเนื่องหรือสร้างงานให้กับ รูยี่ ได้มากเพียงพอ

ถึงตรงนั้นหลายคนอาจจะมองไปถึงการเปลี่ยนแปลง 'ไดนามิก' หรือการเติมตัวสร้างสรรค์เกมอย่าง ฆวน มาต้า หรือ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ลงไป แต่มันก็ไม่เกิดขึ้นเพราะ โซลชา ไม่ได้คิดเช่นนั้น

อีกหนึ่งจุดที่แฟนบอลฉงนงงงวยไม่แพ้กันคือกรณี มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่เห็นๆ กันอยู่ว่านัดที่ผ่านมาแทบจะสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เลย แม้จะมีจังหวะเปิดบอลให้ ลุค ชอว์ สอดขึ้นไปทำเกมในบางจังหวะ แต่โดยรวมต้องยอมรับว่ากองหน้าทีมชาติอังกฤษสอบตกอย่างชัดเจน




"คืนนี้คุณต้องการให้นักเตะคนสำคัญของ ยูไนเต็ด ก้าวออกมาทำผลงาน และสำหรับในเกมคืนนี้ทาง มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำให้ผมพิศวงอย่างมาก เขายังคงอยู่ในสนามต่อไปได้อย่างไร ผมไม่รู้เลย เขาทำผลงานย่ำแย่มาเป็นเดือนๆ"

ข้างต้นคือความเห็นขงอ คีธ กิลเลสพี อดีตเด็กปั้นของแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปตำหนิ โซลชา ที่ไม่กล้าตัดสินใจ เขายึดติดกับทีมตัวจริงจนเกินไป ซึ่งเห็นกันอยู่ว่ายิ่งเวลาผ่านไปนักเตะผีแดงไม่สามารถสร้างแรงกดดันให้กับ บียาร์เรอัล ได้เลย 

ต่างจาก เยลโล่ ซับมารีน ที่ดูพอใจกับรูปเกมที่เกิดขึ้น พวกเขาปล่อยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลตามที่ต้องการ สร้างเกมตามที่ ผีแดง ปรารถนา เพราะพวกเขาดูมั่นใจว่าแนวรุกของทีมจากอังกฤษไม่สามารถเล่นงานพวกเขาได้อย่างแน่นอน 

ครั้นถึงจังหวะที่ บียาร์เรอัล ผิดพลาดกลับกลายเป็น ยูไนเต็ด ที่ทิ้งโอกาสกันไปเสียเอง โดยเฉพาะในนาที 72 กับจังหวะของ ลุค ชอว์ ที่ดันเปิดยัดบอลไปให้ เอดินสัน คาวานี่ โขกติดบล็อก (ซึ่งหากเขาในเย็นมากกว่านี้อาจจะถวายพานทองให้หอกอุรุกวัยล่อเป้าแบบจังเบอร์)

ในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นใจ รูปเกมที่ดูเหมือนจะได้เปรียบแต่นั่นเป็นเพียงตัวเลขสถิติที่แสดงออกมา ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เห็นตลอด 120 นาทีโดยสิ้นเชิง





จะมองว่าความพ่ายแพ้ในนัดที่ผ่านมาเป็นบทเรียนราคาแพงของ โซลชา และลูกทีมคงไม่เกินเลย กระนั้นมันคือบทเรียนครั้งสำคัญที่ได้ส่งผลกระทบไปยังจิตใจของนักเตะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เวลาอาจจะเป็นตัวเยียวยาหัวใจที่แตกสลาย ซึ่งในฐานะแฟนบอลคงทำได้เพียงแค่หวังว่าพวกเขาจะลืมความผิดหวังที่กดังส์คโดยเร็วแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้งหลังจากนี้

ฤดูกาล 2020/21 ผ่านพ้นไปพร้อมกับความผิดหวังและเป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่ ปิศาจแดง ต้องจบลงแบบมือเปล่าไม่มีอะไรให้น่าจดจำ 

มีเพียงคำถามที่กลับมารบกวนจิตใจอีกครั้งว่าที่ผ่านมาทีมกำลังเดินมาถูกทางหรือไม่ หรือเป็นเพียงภาพมายาที่ถูกสร้างขึ้นและพร้อมหายไปเหมือนเรื่องราวก่อนหน้านี้

เรื่องราวที่ตามหลอกหลอนแฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด หลังสิ้นยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ไม่ว่ากุนซือคนใดก็ไม่สามารถผลักดันทีมไปยังจุดสูงสุดที่ทุกคนวาดฝัน

อีกหนึ่งฤดูกาลที่ผ่านพ้นไป แม้จะพยายามองโลกให้สวยงามเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถสลัดคำถามเหล่านี้ให้ออกไปได้เสียที



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})