เรื่องของ 'มู'
สื่ออังกฤษพยายามเล่นข่าวเรื่องสัญญาของกุนซือชาวโปรตุเกส โดยเอาไปโยงกับผลงานในช่วงปลายเดือนธันวาคมทั้งการตกรอบ คาราบาว คัพ หรือการเสมอ 3 เกมรวดในช่วงปลายปี
ถือเป็นเรื่องปกติของบรรดาสื่อมวลชนเมือง 'ผู้ดี' ที่มักจะโหนกระแส และ โหมกระพือข่าวลักษณะนี้ตลอดเวลา ยิ่งมีชื่อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บวกกับ มูรินโญ่ มันเป็นการเรียกแขกได้ดีเลยทีเดียว
ตอนนั้นมีการรายงานออกมาว่า บอร์ดบริหารของ ปิศาจแดง ไม่พอใจกับทิศทางที่ทีมกำลังดำเนินไปเพราะทุ่มเงินไปมากมายมหาศาลแต่กลับได้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า
นั่นคือการเล่นข่าวของสื่ออังกฤษที่ยกอ้างแหล่งข่าวต่างๆนานา ออกมาเป็นว่าเล่น แต่ก็มีบางสื่อที่สวนกระแสระบุว่า ปีแดง ยังวางใจ 'มูมู่' และพร้อมต่อสัญญา
ไม่ต่างไปจากแฟนบอล ปิศาจแดง ที่ตอนนี้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย
ฝ่ายแรกยังคงเชื่อใจกับการนำทัพของชายที่ชื่อ มูรินโญ่ พร้อมกับให้โอกาสและเวลากับกุนซือคนนี้ทำทีมต่อไป
หลักฐานที่ทำให้แฟนบอลกลุ่มนี้ยังคงปักใจเชื่อว่า มูรินโญ่ นี่แหละคือคนที่พาทีมกลับไปทวงความยิ่งใหญ่ในระยะยาวคือการพาทีมคว้า 2 แชมป์ ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรก
แม้จะเป็นรายการลูกเมียน้อยอย่าง ลีก คัพ หรือ ยูโรปา ลีก แต่นั่นก็ทำให้แฟนบอลกระชุ่มกระชวยหัวใจอยู่มิน้อย
รูปเกมอาจจะไม่ตื่นเต้นหวือหวาเหมือนอดีตแต่ผลที่ได้รับมาก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ
แต่ ... อีกฝ่ายกลับทนไม่ไหวเพราะสไตล์การเล่นในบางนัดที่เน้นรับเกินไป จนแฟนบอลก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนั้น
นัดที่ต้องบุกแลกกลับเน้นผลการแข่งขัน ยื่งการเจอกับทีมใหญ่ด้วยกันยิ่งเห็นชัดเจนว่า มูรินโญ่ จัดทีมและวางแทคติกแบบขอไม่แพ้ไว้ก่อน
จึงทำให้แฟนบอลกลุ่มหลังไม่พอใจและด่ากราดอยู่เสมอยามที่ทีมทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน หรือเล่นแบบขัดหูขัดตา บางนัดนำแล้วเน้นผล บางเกมเน้นรับแบบไม่มีใจสู้ เลยเป็นที่มาของฉายา "ผัวเจ๊เกียว" ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
เรื่องแบบนี้มันเป็น 'นานาจิตตัง' ทุกคนมีความเห็นที่แตกต่างและความต้องการที่ไม่เหมือนกัน
แฟนบอลเองก็อยากจะเห็นผลงานหรือรูปทรงของทีมในทิศทางที่ตนอยากจะเห็น บางคนชอบให้ทีมเปิดเกมรุกโดยไม่สนใจว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร หรือที่เรียก 'กูขอมันไว้ก่อน'
บางคนไม่สนใจว่าจะเล่นแบบไหน 'กูขอชนะไว้ก่อน' เป็นดี
หรือบางคนก็ต้องการทั้งสองคือ 'เล่นมัน' แถมได้ 'ผลงาน' ที่ดีกลับออกมาในทุกๆเกม
ในยุคที่ชี้วัดด้วยผลงานและความสำเร็จ ทำให้อายุงานของกุนซือทุกคน (ไม่ว่าจะดังมากน้อยแค่ไหน) สั้นลงกว่าเมื่อก่อน จึงเป็นหตุผลที่ทำให้บรรดาผู้จัดการทีมต้องงัดมันสมองออกมาแบบไม่มีเม้ม
ต่างไปจากยุคก่อนๆที่กุนซือทุกรายมีเวลาทำทีมถึงที่สุด ซึ่งหากไม่ไหวจริงๆก็ค่อยมานั่งจับเข่าคุยกันถึงปัญหา ทว่าตอนนี้หากทำอะไรไม่พอใจ กุนซือคนนั้นๆ ก็อาจจะตกงานไปแบบไม่รู้ตัว
แฟนบอลก็ไม่ต่างกัน ในยุคที่การสื่อสารพัฒนาไปไกล เพียงแค่จบเกม ไม่สิ ... ระหว่างเกมก็เกิดการหยอกล้อและทับถมกันชนิดที่แทบจะฆ่ากัน บางคนหัวร้อนที่ทีมแพ้ พอไม่รู้จะเอาไปลงที่ไหนก็มาลงกับทีมตนเอง (ซะงั้น)
นั่น (อาจจะ) มีสาเหตุมาจากการที่โลกหมุนเร็วขึ้น และวิถีการทำทีมฟุตบอลที่เปลี่ยนไปทำให้แต่ละทีมพยายามเดินหน้าหาความสำเร็จ
ย้อนกลับมาที่ มูรินโญ่ ...
แฟนบอล ปิศาจแดง คงทราบใจตนเองดีว่ายังคงต้องการกุนซือรายนี่้อยู่หรือไม่ แต่สำหรับ มูรินโญ แล้ว เขายังคงมุ่งมั่นกับทีมต่อไป
ดูได้จากบทสัมภาษณ์ล่าสุดที่ออกมาสวนผู้สื่อข่าวที่ลงข่าวเรื่องราวความบาดหมางระหว่างเขากับบอร์ดบริหาร
'ขยะ' นั่นคือคำที่ มูรินโญ่ นิยามให้กับข่าวล่าสุดถึงสถานการณ์การเป็นกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด
มูรินโญ่ ย้ำชัดเจนว่ายังเหลือสัญญากับทีมและตนก็เคารพกับเรื่องดังกล่าวด้วยการพร้อมทำงานหนักกับทีมต่อไป
ไหนจะเรื่องการที่ตนเองไม่ยอมไปพักที่บ้านแต่กลับพักใในโรงแรม 5 ดาว ก็อดที่จะไม่ให้แฟนบอลสงสัยหรือคิดในแง่ลบ
ยิ่งสำนักข่าวต่างๆโหมกระพือออกมาเรื่อยๆ มีหรือที่แฟนบอลจะไม่คิดตาม
"ผมรู้สึกสบายอย่างมาก และหากแฟนบอลอยากให้ผมเป็นแบบนั้น สิ่งที่ผมกำลังอาศัยก็คือคำตอบ เพราะผมเป็นคนที่ขี้เกียจ"
"ด้วยเหตุผลที่ว่าผมจึงอาศัยในโรงแรม ผมไม่อยากให้ใครมากังวลเกี่ยวกับผมถึงเรื่องการพักอาศัยในห้องนั้น ผมกำลังอยู่ในอพาร์ทเมนท์ที่ตั้งอยู่ในโรงแรม สถานที่ที่ผมมีความสุขและมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม สถานที่ที่ผมมีทุกอย่างที่ต้องการ เหมือนกับตอนที่ผมอยู่บ้าน"
"ดังนั้น ถ้าพวกเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องความสะดวกสบาย, ความสุข และ สิ่งอำนวยความสะดวกของผม ซึ่งจริงแล้วๆผมมีทุกอย่าง"
"หากพวกเขาอยากให้ผมไปอาศัยที่บ้านซึ่งผมไม่ชอบ เพราะมันโดดเดี่ยวและห่างไกลจากผู้ช่วยของผม ผมก็อาจจะทำให้พวกเขาได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นผมจะกลายเป็นคนเศร้าโศกและคนที่กำลังเศร้าโศกจะทำงานได้ไม่ดี"
บางครั้งเราก็หมุนไปตามสิ่งที่สื่อพยายามจะให้เป็นไป ทั้งที่ไม่มีอะไรในกอไผ่
บรรดาทฤษฎีสมคบคิดทั้งหลายต่างเกิดขึ้นอยู่เสมอ และมันมักจะเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนเหลียวมอง ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละท่านว่าจะมองต่างหรือเห็นด้วยมากน้อยเพียงใด
"ที่นี่ (แมนฯ ยูไนเต็ด) ความเป็นมาของผมคือเรื่องราวของคนที่ทำงาหนักในทุกๆวันและเราคว้าแชมป์ในรายการที่เราไม่เคยทำได้มาก่อน แต่ทุกๆคนทราบดีว่า ยูโรปา ลีก ไม่ใช่ ที่สุดของโลกฟุตบอล ผมเข้ามาในช่วงเวลาที่ยากลำบากในการสร้างประวัติศาสตร์"
"เป็นไปได้ว่าทุคนกำลังมองที่ผมและคิดว่านี่คือ โชเซ่ ผู้ที่มายัง เชลซี ในปี 2004 หรือ เชลซี ในคำรบที่ 2 และคว้าแชมป์ แต่นั่นคือออีตของผม มันเป็นอดีต ปัจจุบันของผมอยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหวังว่าอนาคตของผมก็อยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เช่นกัน"
นั่นคือคำให้การของ มูรินโญ่ ... ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่ก็มิวาย มีสื่อบางฉบับยังคงเดินหน้าออกมาแฉอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นทุกคนคงทราบดีว่าคือ 'เดอะ ซัน'
ล่าสุด เดอะ ซัน ระบุว่าเหตุผลที่ มูรินโญ่ ยังคงเล่นแง่ในการต่อสัญญาฉบับใหม่คือเรื่องของการทำงานในบอร์ดบริหารที่นำโดย เอ็ด วู้ดเวิร์ด
มูรินโญ่ อยากให้ทีมปรับระบบการทำงานในการติดต่อซื้อตัวนักเตะที่เขาต้องการเพราะอย่างวัมเมอร์ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ครบตามที่เขาต้องการ
เรื่องนี้ เดอะ ซัน ยังขุดลึกไปโดยระบุว่าสิ่ง มูรินโญ่ ต้องการมันสวนทางกับทิศทางและนโยบายของบอร์ดฯ
'ลอร์ดเอ็ด' (นี่ เดอะ ซัน อ้าง) นั้นได้ออกมาระบว่าทีมในตอนนี้ดีอยู่แล้ว และไม่อยากให้ทีมจ่ายเงินเพิ่มในเดือนมกราคม
การใส่ไฟโหมกระแสคือเรื่องถนัดของสื่อเจ้านี่ (ใครติดตามฟุตบอลอังกฤษมานานคงจะทราบ) แต่ก็นั่นแหละ ขึ้นชื่อว่า มูรินโญ่ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังคงเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี
ถึงตรงนี้อยู่ที่แฟนบอลเองแล้วล่ะว่าอยากจะเชื่อหรือให้เป็นไปในทิศทางไหน
" ผมมีสัญญา ความจริงก็คือผมอยู่ในช่วงกลางของสัญญา ผมไม่ได้เหลือสัญญาอยู่อีกแค่ 2 เดือนสุดท้าย"
"ผมปรารถนาที่จะอยู่ มันเป็นแค่คำถามของสโมสร เจ้าของทีม ผู้บริหารอย่าง วู้ดเวิร์ด และสิ่งที่พวกเขาต้องการ หากพวกเขาต่างพอใจกับความทุ่มเทของผม และ พวกเขาอยากให้ผมอยู่จนจบสัญญา แต่แน่นอน ผมอยากอยู่ที่นี่"
อืม ... ทีนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วล่ะว่า จะเลือกเชื่อแบบไหน และอยากให้เป็นไปในทิศทางใด?
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT