:::     :::

วิธีเอาตัวรอดจาก เดอะ บริดจ์

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน 2564 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
2,096
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นัดที่ผ่านมาคงทำให้แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิ้มออกมาได้บ้างเพราะชัยชนะเหนือ บียาร์เรอัล ที่สเปน นอกจากทำให้ทีมเรียกความมั่นใจกลับมาไม่มากก็น้อย ยังเป็นการปลดเปลื้องแรงกดดันทั้งยังเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ

เรื่องดังกล่าวส่งผลดีในแง่ของการลดแรงกดดัน ทำให้ตอนนี้ขุนพลปิศาจแดงสามารถกลับมามุ่งมั่นเกมลีกอย่างเต็มที่ เพราะอย่างที่ทราบว่าผลงานบนเวที พรีเมียร์ลีก ช่วงหลังออกทะเลไปไกล

บวกกับสถานการณ์ในทีมที่ทำให้สโมสรตัดสินใจแยกทาง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และแต่งตั้ง ไมเคิ่ล คาร์ริค ทำหน้าที่รักษาการแทน ซึ่งแฟนบอลหลายคนแสดงความแคลงใจในฝีมืออดีตกองกลางรายนี้ แม้ว่าผลงานขัดตาทัพนัดแรกจะทำได้ดี

สิ่งที่น่ากังวลคงหนีไม่พ้นรูปเกมที่ไม่ได้แตกต่างออกไปจากเดิมเสียเท่าไหร่ การแก้เกมจังหวะเพรสซิ่งยังคงติดๆ ขัดๆ ซึ่งเรื่องนั้นคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปในทันทีทันใดเพราะทาง คาร์ริค ก็เป็นคนเก่าที่อยู่ข้าง โซลชา มานานจะให้ทีมพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วข้ามคืนคงจะเป็นไปไม่ได้ กระนั้นก็มีบางอย่างที่ดูดีขึ้นเช่นกันโดยเฉพาะจังหวะขลุกขลิกหน้าปากประตูที่หนนี้เป็นใจไม่ได้เข้าทางนักเตะ บียาร์เรอัล หรือโดนพวกเดียวกันเองเข้าประตูไปเหมือนที่ผ่านๆ มา

นอกจากนั้นแข้งผีแดงดูมุ่งมั่นมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อตอบสนองเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง อีกทั้งผู้เล่นต้องการส่งสัญญาณว่ายังไม่ยอมแพ้และพร้อมพลิกสถานการณ์ไปสู่เส้นทางที่ควรเป็น

ทำให้นัดที่ผ่านมา เมื่อจังหวะหลายๆ อย่างเป็นใจ แนวรับสามารถสกัดกั้นเกมรุกของ บียาร์เรอัล ได้ แม้ว่าต้องทำงานกันอย่างหนักและทุ่มเทอย่างมาก แต่ท้ายที่สุดจากจังหวะความขยันของ เฟร็ด นำมาซึ่งประตูสำคัญที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่พลาดโอกาสจบสกอร์





เรื่องดีๆ ยังมีต่อเพราะแฟนบอลยูไนเต็ดได้เห็นประตูแรกในสีเสื้อสโมสรของ เจดัน ซานโช่ แล้ว หลังจากต้องทนรับแรงกดดันและไม่ค่อยมีโอกาสลงแสดงฝีเท้าเท่าไหร่ แต่ผลงานสองเกมหลังสุดรวมไปถึงนัดเจอ วัตฟอร์ด แนวรุกทีมชาติเริ่มแสดงให้เห็นอาวุธโดยเฉพาะลูกครอสริมเส้นสวยๆ ที่หวังผลได้ดี

การทำประตูในนัดที่ผ่านมาคงจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ ซานโช่ มากกว่าเดิม ไม่ต่างจากนักเตะที่พร้อมสานต่อผลงานและเพิ่มความมั่นใจให้ยิ่งขึ้นไป

ถึงตรงนี้ ภาระหน้าที่ในเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก ถูกสะสางไปแล้วทำให้ทีมเบาใจและกลับมามุ่งมั่นในลีกแบบไม่มีห่วง แต่นัดถัดไปคือการออกไปเยือนทีมฟอร์มแรงอย่าง เชลซี ซึ่งหากมองตามหน้าเสื่อและผลงานที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเป็นรอง สิงโตน้ำเงินคราม อยู่พอสมควร

ทีมสีน้ำเงินจากลอนดอนกำลังสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะนัดล่าสุดที่ไล่กด ยูเวนตุส จนเสียทรงยอดทีมของอิตาลี ยิ่งตอกย้ำว่า เชลซี ของ ทูเคิ่ล เป็นทีมที่ดีมากและกำลังเดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง

แม้จะไม่มีกองหน้าตัวหลักอย่าง โรเมลู ลูกากู แต่นักเตะในทีม เชลซี พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเล่นด้วยระบบที่ ทูเคิ่ล วางไว้ได้อย่างลงตัว ผู้เล่นคนอื่นๆ สามารถก้าวขึ้นมาทำผลงานทดแทนคนที่ไม่พร้อมได้อย่างไม่มีที่ติ หรือแม้แต่บรรดาตัวสำรองเมื่อมีโอกาสก็จะแสดงผลงานที่ดีออกมา

จุดที่น่าสนใจของ เชลซี หาใช่แนวรุกไม่ แต่มันคือแนวรับที่ลงตัวทั้งแผงหลัง 3 คนและวิงแบ็กสองฝั่งที่ไม่ว่าจะจัดใครลงสนามผลงานของทีมจะออกมาดีและสามารถเก็บ คลีน ชีต ได้ต่อเนื่อง เอาแค่ผลงาน 10 นัดหลังสุดลูกทีมของ ทูเคิ่ล เสียไปเพียง 3 ประตูนั้น 

นอกจากแนวรับที่เหนียวแน่นจนได้รับคำชมมากมายแล้ว บรรดาแผงหลังที่ว่ายังเข้ามาทำหน้าที่พิเศษในการช่วยสอยตาข่าย โดยเฉพาะ รีซ เจมส์ ที่กำลังร้อนแรง ไหนจะปราการหลังตัวกลางอย่าง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กับ เทรเวอห์ ชาโลบาห์ ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

นั่นคืออีกหนึ่งจุดสำคัญที่ ปิศาจแดง ต้องหาทางรับมือให้ได้ในจังหวะ เชลซี ได้ลูกตั้งเตะ หรือการหยุดเกมริมเส้นที่อันตราย เพราะในตอนที่วิงแบ็ก สิงโตน้ำเงินคราม เติมเกมขึ้นมา พวกเขาเล่นร่วมกับแผงแนวรุกได้ดีสอดประสานและสลับตำแหน่งได้ลงตัว สร้างความสับสนและกดดันพื้นที่ด้านข้างของฝ่ายตรงข้ามได้ตลอดเวลา





ไม่ว่าจะขึ้นเกมทางซ้ายหรือขวา เชลซี ต่างมีอาวุธที่สามารถเล่นงานคู่แข่งได้อย่างเจ็บแสบ ยิ่ง รีซ เจมส์ ที่ช่วงหลังทั้งยิงทั้งจ่าย ไหนจะจังหวะสอดเข้าเขตโทษที่น่ากลัว และเกมล่าสุดเพิ่งสอยตาข่าย ยูเว่ ด้วยการสับไกชนิดที่กองหน้าบางรายยังต้องอายไปเลยทีเดียว

ไหนจะ เบน ชิลเวลล์ ที่ความมั่นใจกลับมาดังเดิม แบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษมีทีเด็ดในการครอสมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งได้การเทรนจาก ทูเคิ่ล ทำให้นักเตะเพิ่มอาวุธในการสอดเข้าเขตโทษ หลายครั้งที่จะเห็นแบ็กรายนี้หลุดฝ่าแผงหลังฝ่ายตรงข้ามเข้าไปเปิดบอลหรือมีโอกาสสับไกบ่อยขึ้น แม้ว่านักเตะจะเจ็บจากเกมล่าสุด แต่หากลงไม่ไหวจริงๆ มาร์กอส อลอนโซ่ หรือ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า พร้อมลงแทนและอันตรายไม่แพ้กัน

ยังไม่นับรวมแดนกลางที่ลงตัวซึ่งนำโดย จอร์จินโญ่ แข้งเชิงสูงที่เด่นทั้งรุกและรับ คอยสอดประสานร่วมกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ไดนาโมที่พร้อมทำลายแดนกลางปิศาจแดงอีกครั้งในเกมวันอาทิตย์นี้ ซึ่งที่ผ่านมาในตอนที่ทั้งสองรายไม่พร้อมลงสนาม ทูเคิ่ล ยังมีอะไหล่สำรองที่ลงทดแทนได้อย่างลงตัวไร้ปัญหา

แนวรุกในวันที่ไมมี ลูกากู แต่คนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ไค ฮาเวิร์ตซ์, ทิโม แวร์เนอร์, ฮาคิม ซีเย็ค, คริสเตียน พูลิซิช, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย หรือแม้แต่ เมสัน เมาท์ พร้อมเข้ามาทดแทนเป็นเรื่องจักรทำประตูให้กับทีม

โดยเกมวันอาทิตย์นี้ ลูกากู มีโอกาสเจอกับทีมเก่าของเขา เพราะล่าสุดก็นั่งเป็นตัวสำรองดูเพื่อนๆ ไล่ถล่ม เบียงโคเนรี่ ซึ่งหากสภาพร่างกายของกองหน้าเบลเยียมดีพอเชื่อว่าคงไม่พลาดซด ผีแดง เป็นแน่

นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งในขุมกำลังของ เชลซี ที่สร้างผลงานยอดเยี่ยมตั้งแต่ช่วงเปิดซีซั่นมาจนถึงตอนนี้ โจทย์สำคัญของ คาร์ริค และลูกทีมปิศาจแดงคือการจัดการแนวรุกของ สิงโตน้ำเงินคราม ให้ได้ รวมทั้งสกัดการเข้าทำบริเวณริมเส้นที่ถือว่าอันตรายเป็นอย่างมาก

งานหนักของ ยูไนเต็ด ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เพราะการเจาะจากตรงกลางของ เชลซี ก็อันตราย และหาก ลูกากู ลงสนามจะเป็นการเพิ่มภาระงานหนักให้แนวรับผีแดงอีกเท่าตัว ทีมดังของลอนดอนยังมีอาวุธอีกอย่างที่สำคัญคือตอนที่ตัดบอลได้ลูกทีม ทูเคิ่ล จะเปลี่ยนเกมได้เร็วและสร้างการจบสกอร์จากจังหวะเหล่านั้นได้บ่อย ซึ่งที่ผ่านมาถือเป็นจุดอ่อนของ ปิศาจแดง เพราะทีมโดนเล่นงานในลักษณะดังกล่าวแทบจะตลอดในช่วงหลัง





การแก้เกมเพรสซิ่งที่ยังเป็นปัญหา ทำให้ ยูไนเต็ด ต้องหลีกเลี่ยงการเสียบอลง่ายๆ ไม่ว่าจากการโดนกดดันในแผงมิดฟิลด์หรือตอนที่ตั้งเกมจากแดนหลัง เพราะหากพลาดเมื่อไหร่ เชลซี จะมีโอกาสเมื่อนั้น ซึ่งเป็นสิ่งแฟนบอลไม่อยากเห็นเป็นแน่ 

บวกกับแนวรับที่ไม่สมบูรณ์ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ติดโทษแบน ไหนจะ ลุค ชอว์ ซึ่งมีอาการกระทบกระเทือนทางศีรษะยังไม่แน่ว่าจะได้รับอนุญาตให้ลงสนามหรือไม่ ทำให้ทีมต้องปรับแนวรับกันอีกครั้ง

เรียกได้ว่าเป็นเกมที่ผู้เล่นปิศาจแดงต้องทำผลงานอย่างไม่มีที่ติหากหวังคว้าแต้มกลับออกมาจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ 

ลดความผิดพลาดให้น้อยลง เพิ่มความแน่นอนในการเล่นบอลบนพื้นให้มีความนิ่งและแม่นยำ ที่สำคัญแนวรับและแผงกลางต้องสกัดบอลจังหวะอันตรายออกไปให้ดี เพราะผู้เล่นเชลซีไม่ต่างฉลามได้กลิ่นเลือดคอยพุ่งหาบอลในจังหวะบุกหรือบอลจังหวะสองหน้าปากประตูฝ่ายตรงข้าม

สิ่งที่สำคัญอีกประการคือเกมสวนกลับตามแบบฉบับของ ปิศาจแดง ซึ่งช่วงหลังไม่ค่อยแสดงฤทธิ์เดชให้เห็น และหากอยากได้ผลการแข่งขันที่ดีกลับออกมา ลูกทีมของ คาร์ริค ต้องหาจังหวะเล่นงานแนวรับ เชลซี เมื่อโอกาสมาถึงให้ได้

นั่นเป็นเพียงการมองจากสิ่งที่ผ่านมารวมไปถึงผลงานต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ท้ายที่สุดมันจะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลงานในสนามที่จะเป็นตัวตัดสิน นอกจากนั้นยังมีปัจจัยต่างๆ ที่อาจจะเข้ามาเกี่ยวพันอีกที่ส่งผลต่อการแข่งขัน

การเยือน เดอะ บริดจ์ หนนี้หลายคนที่ไม่ใช่แฟนปิศาจแดงอาจจะมองว่าเป็นเกมที่ ผีแดง แทบจะไม่มีโอกาสได้คะแนนกลับออกไป ซึ่งอาจจะรวมไปถึงแฟนบอลยูไนเต็ดบางส่วนที่คิดเช่นนั้น เพราะพวกเขาพิจารณาตรงผลงานและฟอร์มการเล่นที่แทบจะเป็นรอง เชลซี ทุกประตู บางคนยังคงกังวลว่า 'ลูปนรก' จะกลับมาเล่นนงานทีมอีกหรือไม่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในขวบปีหลัง และยังคงหลอกหลอนสาวกปิศาจแดงไม่หาย

หวังว่าเกม 90 นาทีที่ลอนดอนในวันอาทิตย์นี้นักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะแสดงให้เห็นลูกฮึดอีกครั้ง และพร้อมออกจากเส้นทางเดิมๆ เพื่อไปยังเส้นทางใหม่ หลีกหนี 'ลูปนรก' ที่หลายคนหวาดกลัว

ท้ายที่สุดผลการแข่งขันจะออกมาหน้าไหน อีกไม่นานก็จะได้ทราบกัน



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด