เรื่องน่าหงุดหงิด
โชเซ่ มูรินโญ่ พ่นความเห็นหลังจบเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดที่บุกเสมอกับ สโต๊ค ซิตี้ 2-2
"มันเป็นแค่ผลพวง 4 เกม 10 แต้ม เป็นจ่าฝูง เรายอมรับได้ เรารู้ดีว่าในลีกมีทีมที่ดีหลายทีม"
"ทุกๆนัดมันยากเสมอ กว่าจะได้มาแต่ละแต้มเลือดตาแทนกระเด็น ดังนั้นผมจึงเป็นเหมือนเดิมทั้งอารมณ์และจิตใจ เหมือนตอนที่ผมลงสนามไป 3 นัด มี 9 แต้ม ได้ 10 เสีย 0"
เป็นการพูดแบบประชดประชันตามแบบฉบับชายผู้นี้ ซึ่งมักจะมีมาให้เห็นอยู่เสมอยามที่ทีมของเขาไม่ได้ผลตามที่ต้องการ
นี่เป็นอีกหนึ่งนัดที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ผิดหวังกับสกอร์และผลงานของลูกทีมโดยเฉพาะแนวรับที่พลาดถึงสองประตู
จังหวะแรก เอริค ไบยี่ เช็คล้ำหน้าพลาดทำให้โดนเปิดจากทางขวาและเป็นเขาอีกนั่นแหละที่ลงไปประกบ เอริค มักซิม ชูโป โมติง ช้าเกินไปเลยโดยสอยไปก่อน
จังหวะที่สองจากลูกเตะมุม ฟิล โจนส์ ดันพลาดท่าลื่นล้มจนโดนหอกแคมเมอรูนของ สโต๊ค ซิตี้ โขกจ่อๆ
จากประตูแรกที่เสียไปทำเอา ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตปราการหลังระดับตำนานของปิศาจแดงตำหนิ เอริค ไบยี่ ว่าควรจะทำได้ดีกว่านั้น
"มันเป็นการเปิดที่ยอดเยี่ยมก็จริง แต่ไบยี่สามารถทำได้ดีกว่า เขาอยู่ในตำแหน่งที่ดี ทว่าเขากลับเสียสมาธิและไม่ระวัง"
"มันเหมือนว่าตอนนี้ในพรีเมียร์ลีก ถ้าคุณครอสบอลในลักษณะนั้นจะมีโอกาสเพราะกองหลังไม่สามารถจัดการแนวรับได้ดี พวกเขาเปลี่ยนเป็นพวกเล่นกับบอลได้ดีแทนที่จะจัดการกับมันในจังหวะแรก"
"กองหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถทำได้ดีกว่านี้ โดยเฉพาะจังหวะเสียประตู แต่คุณเองก็ต้องยกเครดิตให้กับสโต๊ค ด้วย" นี่คือความในใจและสิ่งที่เห็นจากเกมล่าสุด
หนุ่มริโอที่เคยยืนเป็นภูผาหินในรั้วโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มองว่าแนวรับที่ดีในสามนัดแรกนั้นได้หายไปแล้ว
ไม่ต่างไปจาก ไมเคิ่ล โอเว่น ที่เข้าสมทบด้วยว่า ฟิล โจนส์ เองก็มีส่วนกับการเสียประตูโดยเฉพาะลูกที่สองที่ตามไปประกบไม่ดีจนโจนส์ลื่นล้มลงไป
ความผิดพลาดเกิดขึ้นชัดเจนแต่ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็บอกตรงๆว่าเขาไม่คิดจะโทษคู่กองหลัง ไบยี่-โจนส์ เนื่องจากทั้งคู่ทำงานอย่างหนัก
นี่คือคู่แนวรับที่ลงสนามอย่างต่อเนื่องทั้งในสโมสรและทีมชาติ มูรินโญ่รู้ดีว่าทั้งคู่ล้าและกรอบแต่ที่ต้องใช้งานเนื่องจากมีความจำเป็น
อีกอย่างมันไม่ใช่เวลาที่จะมาซ้ำเติมกันเอง เวลาเช่นนั้นควรให้กำลังใจกันซึ่งมูรินโญ่ทราบดีและไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของสื่อที่จ้องจะนำประเด็นไปต่อยอดแน่นอน
"ความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของเกม ฟิลส์เล่นดีมาตลอดนั่นจึงไม่ใช่ปัญหา"
"มันไม่ใช่เวลาที่จะมาพู เขารู้ว่าพลาด เขาไม่อยากให้ผมเข้าไปพูดอะไรแบบนั้นกับเขาหรอก"
อย่างที่เรียนไป ทั้ง โจนส์และไบยี่ต่างกรำศึกหนักมาโดยตลอด ไหนจะเกมลีกและเพิ่งกลับมาจากรับใช้ชาติสองนัดซ้อนมันเป็นอะไรที่หนักหนาเพราะไม่ใช่เพียงการลงเล่นแต่มันยังรวมไปถึงการเดินทางอีกด้วย
"ที่ผมส่งเขา (โจนส์) ลงสนามเพราะว่าเขาจะติดโทษแบนใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ดังนั้นเขาจึงได้พักและเราจะให้โอกาส คริส สมอลลิ่ง และ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ"
อย่างไรก็ตามเรื่องราวทั้งหมดที่ว่ามันกลับไม่น่าสนใจเท่ากับเรื่องราวต่อไปนี้
จะเรื่องอะไรเสียอีกก็กรณีที่ มูรินโญ่ ปฏิเสธจับมือกับ มาร์ค ฮิวจ์สกุนซือของสโต๊ค ซิตี้
หากใครชมเกมถ่ายทอดสดจนถึงวินาทีสุดท้ายจะเห็นได้ว่าจ่ามูเดินหลบฉากไปม้านั่งสำรองเพื่อจับมือกับทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชของเจ้าถิ่นโดยที่ไม่สนใจสปาร์กี้แม้แต่น้อย
ขึ้นชื่อว่ามูรินโญ่แล้วด้วยกับเหตุการณ์ลักษณะนี้นักข่าวไม่พลาดที่จะเกาะติด
หลังจบเกมและถึงคิวสัมภาษณ์ มาร์ค ฮิวจส์ ระบุกับ บีที สปอร์ตส์ ว่าตนเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร
"มันไม่สมควรเกิดขึ้นกับผู้จัดการทีมที่มีชื่อเสียงแบบนั้น"
ส่วน มูรินโญ่ ตอบตามสไตล์ ว่า 'ไม่อยากพูดเรื่องแบบนี้ เพราะตนแก่เกินไปที่จะพูดเรื่องงี่เง่าถึงคนที่งี่เง่า'
ตอนนั้นคำพูดถูกกระจายออกไป แฟนบอลต่างแสดงความเห็นมากมายออกมา จนกระทั้งมาถึงจุดพีคที่นักข่าวจาก บีบีซี ถามคำถามเดิม
"ทำไมถึงปฏิเสธจับมือกับฮิวจ์ส?"
แค่นั้นแหละเฮียมูถึงจับถอนหายใจยาว ก่อนจะเริ่มต้นรัวเป็นชุด
"ผมขอพูดสุภาพกับคุณว่าผมตั้งใจแล้วว่าจะไม่ตอบคำถามนี้ เพราะคำถามของคุณเป็นคำถามที่แย่"
"มันแย่เพราะมันดูเหมือนเป็นความผิดของผม มันเป็นปัญหาของผมและคำถามของคุณไม่ถูก ผมขอโทษ"
จากนั้นนายใหญ่ปิศาจแดงเดินหนีไปทัน
แต่ขึ้นชื่อว่านักข่าวอังกฤษมีหรือจะหยุด พวกเขาเดินหน้าสอบถามบรรดาแหล่งข่าวส่วนตัวจนในที่สุดก็โป๊ะเชะ
เหตุผลที่มูรินโญ่ไม่พอใจและไม่ยอมจับมือกับมาร์ค ฮิวจ์ส เกิดขึ้นระหว่างเกมนั้นแหละ
แหล่งข่าวจากโอลด์ แทร็ฟฟออร์ด ระบุว่า มันเป็นจังหวะที่มูรินโญ่พยายามเข้าไปถามมาร์ค ฮิวจ์ส กับปัญหาในสนามก่อนจะโดนผลักออกมาพร้อมกับคำพูดบางอย่าง
"โชเซ่ต้องการแก้ต่างหลังจากจังหวะฟาวล์ในเกม และฮิวจ์สผลักเขาระหว่างเดินเข้าไก่อนจะบอกเขาว่า 'F*** off' "
"นอกจากนี้เขายังหันไปหาผู้ตัดสินเพื่อให้เชิญโชเซ่ไปชมเกมบนสนาม และในที่สุดโชเซ่แค่เดินออกมาเพราะเข้าไม่อยากจับมือหลังจากเจอเหตุการณ์เช่นนั้น"
นั่นคือคำพูดที่สื่อเอามาอ้าง
ฝั่งสปาร์กี้เองก็ระบุว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงและมีการผลักกัน แต่ไม่คิดว่าโชเซ่ มูรินโญ่ จะเอาไปคิดเยอะเช่นนั้น แถมยังแขวะบรรดาทีมหัวตารางด้วยว่า ส่วนใหญ่ก็ทำท่าทีแบบนี้เสมอ
"บางทีผู้จัดการทีมหัวแถมระดับ ท็อป 6 ไม่ค่อยชอบกับผลการแข่งขันด้านลบ เพราะพวกขาไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งบางครั้งมันเป็นการแสดงออกที่ผิด"
เรื่องนี้สุดแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนว่าจะเลือกเข้าข้างใครและสนับสนุนฝ่ายไหน
ฝ่ายหนึ่งทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อแย่งคะแนนจากทีมลุ้นแชมป์ และทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมาย
อีกฝ่ายพยายามคว้าชัยเพื่อหนีทีมที่ตามมาและหากทำได้ยังเป็นการคว้าชัย 4 นัดรวดของทีมซึ่งมันจะเพิ่มกำลังใจให้นักเตะก่อนไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นอย่างมาก
ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตนเอง ส่วนเหตุการณ์ในสนามก็ยากที่จะตัดสินเพราะเอาเข้าจริงทั้งคู่ก็ถือว่าผิดพอกัน มาร์ค ฮิวจ์ส ผิดที่คำพูด ส่วนทางมูรินโญ่ก็ผิดที่ไปไม่ยอมจับมือให้เรื่องมันจบไปจนทำให้เรื่องราวใหญ่โต
เรื่องราวผ่านพ้นไปแล้ว อาจจะมีการพูดถึงกันต่อไป แต่สำหรับมูรินโญ่วันเสาร์ที่ผ่านมาถือเป็นอีกหนึ่งวันที่น่าหงุดหงิดสำหรับเขา
หงุดหงิดตั้งแต่เห็นก้อนเมฆทะมึนหน้าสนาม ไหนจะบรรยากาศที่เขาไม่ชอบ รูปเกมที่ไม่เป็นดั่งใจ และไหนจะมาเจอเรื่องดราม่าแบบนั้นนั้น
เป็นคุณจะไม่ให้หงุดหงิดได้ไงล่ะ ...
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT