ผู้ช่วยชีวิต
สิ่งที่น่าผิดหวังคงหนีไม่พ้นผลเสมอ วัตฟอร์ด แบบไร้สกอร์ในรังตนเองทั้งที่ทุกคนมองว่าควรจะได้ 3 คะแนน แต่พลพรรคผีแดงไม่มีความเฉียบคมพอในการเอาชนะทีมท้ายตารางอย่าง แตนอาละวาด
ที่สำคัญคือการปราชัย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อริร่วมเมืองแบบสู้ไม่ได้ 1-4 ในนัดก่อนหน้านี้ ทำให้บรรยากาศกลับมาอึมครึม แถมยังมีดราม่าเมื่อไม่มีชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ในทีม
กระแสข่าวออกมามากมายแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกๆ อย่างถาโถมเข้าสู่รั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่ว่าจะในส่วนของผลงาน, นักเตะ หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ภายในสโมสรที่โดนสื่อนำไปยำอีกครั้ง
ทุกสายตาเลยจับจ้อง ปิศาจแดง เป็นพิเศษในเกมรับมือ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่าจะกลับมาเข้ารูปเข้ารอยหรือเป๋ออกทะเลอีกครั้ง
แข้งผีแดงดูมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อกลบเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้น หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังคงมีแรงปรารถนาในการไล่ล่าเป้าหมาย นั่นก็คือพื้นที่ 'ท็อป 4'
การครองบอลทำเกมช่วงต้นถือว่าได้น้ำได้เนื้อกว่าแถมมีโอกาสได้จุดโทษในจังหวะแฮนด์บอลนาทีที่ 9 แม้ทางผู้ตัดสิน จอน มอสส์ และ วีเออาร์ จะนิ่งเฉย แต่มันไม่ได้ทำให้สมาธิของเจ้าบ้านเสียไป เพราะหลังจากนั้น 3 นาที ประตูแรกของ โรนัลโด้ ก็บังเกิด
ต้องชมทั้งการตั้งเกมและจังหวะสะกิดแบบเหนือชั้นของ เฟร็ด ที่ดีดมาให้ลูกพี่ 'โด้' จัดการหาช่องสับไกแบบสุดสวย มันเหมือนการปลดปล่อยทั้งตัว 'ซีอาร์7' และ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะบรรยากาศหรือสีหน้าท่าทางมันแสดงออกมาเช่นนั้น
ทว่าทุกอย่างกลับวนเข้าลูปเดิมอย่างที่เห็นอยู่เสมอ โดยเฉพาะความต่อเนื่องในการเล่นของแข้งปิศาจแดง เมื่อเวลาออกนำคู่แข่งกลับไม่สามารถเร่งเกมหรือเดินหน้าหนีห่างไปได้ ซึ่งต้องบอกว่าโชคดีที่ไม่โดนตีเสมอจากจังหวะ เบน เดวิส ที่ถูกจับล้ำหน้า
กระนั้นจนแล้วจนรอดลูกทีม ราล์ฟ รังนิก มาโดนเจาะตาข่ายจนได้จากการเสียจุดโทษ ซึ่งต้องบอกว่ามีปัญหาเช่นกันกับการใช้ วีเออาร์
โอเค ว่าลูกแฮนด์บอลของ อเล็กซ์ เตลลิส หากว่าตามกฎแล้วก็สมควรให้จุดโทษทีมเยือน แต่ก่อนหน้านั้นในจังหวะของฝั่ง สเปอร์ส ทำไมผู้ตัดสินหรือวีเออาร์ไม่มีการเรียกดูเช่นกัน ซึ่งยังคงเป็นข้อถกเถียงในการบังคับใช้เทคโนโลยีของลีกอังกฤษที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
ว่าถึงเจ้า วีเออาร์ หลังจากถูกใช้จับจังหวะแฮนด์บอลปิศาจแดง หลังจากนั้นไม่ถึง 3 นาทีก็ต้องมีส่วนในจังหวะสอยประตูที่สองของ โรนัลโด้ เมื่อทีมเยือนมองว่า ซานโช่ อาจจะล้ำหน้า
แต่เมื่อตรวจสอบดูอย่างละเอียดพบว่าปีกทีมชาติอังกฤษยืนแนวเดียวกับกองหลังก่อนหลุดไปผ่านบอลให้ลูกพี่ 'โด้' สับประตูที่สอง
หากดูจากปฏิกิริยาของทั้ง 'โด้' และ 'โช่' ดูเหมือนว่าทั้งสองจะค่อยๆ ปรับตัวและปรับจังหวะให้เข้ากันได้มากขึ้น การเล่น การประสานงานค่อยๆ ดีขึ้น แม้ว่าต้องใช้เวลาแต่มันคือสัญญาณที่ดีของทีม โดยเฉพาะ ซานโช่ ที่ค่อยๆ ก้าวมามีบทบาทการเล่นรวมไปถึงการทำประตูของทีมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นั่นคือ 45 นาทีแรกกับสกอร์ 2-1 ที่ รังนิก กล่าวหลังจบเกมว่าพอใจอย่างมากเพราะลูกทีมเล่นได้ดีและมีความดุดันมากพอ แต่ปัญหาของ ปิศาจแดง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกเพราะครึ่งหลังกลับกลายเป็น ไก่เดือยทอง ที่ครองเกมได้ดีกว่า
อันที่จริงก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทีมเยือนจะพยายามเร่งเกมหรือเดินหน้าเข้าทำเพราะสกอร์ตามหลัง แต่นี่คือการเล่นในรังตนเอง แข้งผีแดงก็ควรจะเรียนรู้ในการคุมจังหวะหรือปิดโอกาสฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่ปล่อยให้คู่แข่งเดินเกมกดดันซ้ายทีขวาทีแบบที่เห็น
ยิ่งแนวรับของทีมยังลูกผีลูกคนเอาแน่เอานอนไม่ได้ โดยเฉพาะ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่กำลังตกเป็นเป้าโจมตีชนิดที่หายใจก็ยังผิด กลายมาเป็นคนที่โดนเพ่งเล็งไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหน
เอาเข้าจริง ตอนที่นั่งดูถ่ายทอดสดเกิดคิดเล่นๆ ขึ้นมาว่ามันคง 'ฉิบหาย' เป็นแน่แท้หากกองหลังหมายเลข 5 รายนี้ทำเข้าประตูตัวเองและส่งผลให้ทีมพลาด 3 คะแนน ตอนนั้นก็ได้แค่หัวเราะในใจว่ามันคงไม่บรรลัยเช่นนั้นหรอก
แต่ไม่นานหลังจากความคิดนั้นแวบขึ้นมาแล้วหายไป ปรากฏว่ามันดันเกิดขึ้นจริงนี่สิ !!!
จะว่าไปมันเป็นจังหวะ 'ซวย' หรือ 'โชคร้าย' ก็น่าจะใช่ แต่ในเมื่อมันมาจากความผิดพลาดของ แม็กไกวร์ ทุกๆ คนพร้อมที่จะพุ่งตรงไปยังกัปตันทีมรายนี้แบบไม่ลังเล
มองอีกมุมก็ต้องชม สเปอร์ส ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่อาศัยการเจาะเกมริมเส้นด้านข้าง อาศัยวิงแบ็กสองฝั่งเล่นงานแนวรับผีแดงจนได้ผล โดยเฉพาะ เซร์คิโอ เรกีลอน ที่โดดเด่นอย่างมากในครึ่งหลัง
วินาทีที่ แม็กไกวร์ สกัดเข้าประตูตัวเองบรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะแฟนบอลที่อดไม่ได้ที่จะมองโลกในแง่ร้ายอีกครั้ง
หากเป็นวันอื่นๆ ดีไม่ดี แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะกลับมาแพ้ได้เลย แต่เกมล่าสุดมันดันเป็นวันของ โรนัลโด้ อย่างแท้จริง หลังจากหอกโปรตุเกสมาโขกประตูชัยในนาที 81 ให้ทีมคว้า 3 คะแนน
ถือเป็นแฮตทริกที่มาได้ถูกวันและถูกจังหวะอย่างมาก มันคือ 3 คะแนนสำคัญที่ทำให้ทีมยังคงมีลุ้นในเส้นทางไล่ล่า ท็อป 4 และที่สำคัญคือเป็นการเรียกความมั่นใจกลับมาก่อนเกมนัดสำคัญวันอังคารนี้
นอกจากนั้น คนที่ต้องขอบคุณ โรนัลโด้ มากที่สุดคงหนีไม่พ้น แม็กไกวร์ ที่กำลังจะโดนถล่มหลังจบเกมอยู่แล้ว แต่ลูกโหม่งและ 3 คะแนนช่วยกลบเสียงวิจารณ์ลงไปได้บ้าง แม้จะไม่หายไปหมดแต่ก็ถือว่าเบาลงกว่าที่ควรจะเป็น
มันคือฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของ โรนัลโด้ ที่หายไปนานไป และหวังว่ามันยังคงอยู่ในเกมนัดสำคัญที่จะรับมือ แอตเลติโก มาดริด
ส่วนคนอื่นๆ ในทีมก็ต้องพยายามยกระดับตัวเองขึ้นมาให้มากกว่านี้หากต้องการเดินหน้าไปยังเป้าหมายที่วางไว้ เพราะหากหวังแต่พึ่งพาความอัศจรรย์ของชายวัย 37 ปีอยู่อย่างเดียว ก็ดูจะเป็นทีมที่น่าเวทนาอย่างไรไม่ทราบ
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT