ความเป็นไปได้กับความเป็นจริง
แม้ยังมีเกมให้ลงสนามอีก 8 นัด แต่หากพิจารณาจากปัจจัยโดยรวมถือว่าเป็นงานหนักเนื่องจากทีมมีโอกาสตามหลัง อาร์เซน่อล ไปไกลถึง 9 คะแนน หากทาง ปืนใหญ่ เก็บชัยชนะจาก 2 เกมที่อยู่ในมือได้สำเร็จ
แน่นอนว่าตามทฤษฎียังคงมีความเป็นไป โอกาสในการแซงเข้าป้ายก็ยังพอมีลู่ทางให้เชื่อเช่นนั้น แต่หากมองไปยังผลงานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ต้องยอมรับว่าโอกาสมีไม่ถึง 20 เปอร์เซนต์ (หรือน้อยกว่านั้น)
พิจารณาจากผลงานที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไหนจะฟอร์มที่ผีเข้าผีออกโดยเฉพาะการเล่นในรังที่แทบหวังผลไม่ได้เลย นั่นคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์นี้
โอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่เคยน่าเกรงขามกลับกลายเป็นสนามที่ที่ไร้ซึ่งความน่ากลัว เราจึงได้เห็นหลายๆ ทีมไม่มีอาการหงอพร้อมเดินหน้าบุกใส่เพราะทราบดีว่า ผีแดง ชุดนี้ไม่ได้น่าเกรงขามแต่อย่างใด
ปิศาจแดง อาจจะเอาชนะ ไบรท์ตัน และ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ มาได้ แต่ใครที่ดูเกมดังกล่าวก็คงมีแต่ส่ายหัวไม่ว่าจะเป็นเกมที่เอาชนะ เดอะ ซีกัลส์ หากเพราะไม่ใช่ทีมเยือนเหลือ 10 คน ดีไม่ดีอาจจะโดนตีเสมอและอดได้ชัยมาครอง
ไหนจะเกมที่ดวล ไก่เดือยทอง ต้องมาพึ่งความหัศจรรย์ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำแฮตทริกพาทีมคว้า 3 แต้ม ซึ่งหากบอกว่า 6 คะแนนจากสองนัดดังกล่าวมีโชคเข้ามาเอี่ยวก็ไม่แปลก
นับตั้งแต่ขึ้นปี 2022 นอกจากสองเกมข้างต้นที่ทีมได้เฮใน โรงละครแห่งความฝัน ยังมีนัดที่บดเอาชนะ เวสต์แฮม ช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย ซึ่งมันได้ตอกย้ำว่ากว่าจะได้ 3 คะแนนในรังแต่ละครั้งต้องลุ้นชนิดที่เลือดตาแทบกระเด็น
ที่เหลือก็อย่างที่เห็น แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มต้นปีด้วยการปราชัย วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-1 ส่วนที่เหลือเป็นการเสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน, วัตฟอร์ด และ ล่าสุด เลสเตอร์ ซิตี้ เท่ากับว่าทีมทิ้งโอกาสเก็บแต้มไปถึง 9 คะแนน
นั่นคือความเป็นไปได้หากทีมสามารถฉวยเอาชัยชนะมาครองอย่างที่แฟนบอลคาดหวังและทีมต้องการมาได้ หากเป็นเช่นนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ก็คงจะออกมาแตกต่างกันและทำให้การลุ้นไป แชมเปี้ยนส์ ลีก จะดูดีกว่านี้
เป็นการคำนวณเพียงแค่คะแนนที่เสียในยามลงเล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อผ่านปีใหม่มา ซึ่งมันได้สร้างความแตกต่างอย่างมาก และตอนนี้โอกาสที่ว่าก็แทบเป็นไปไม่ได้
อันที่จริงใช่ว่าจะผิดอะไรหากยังคงมีความเชื่อมั่นและเป้าหมายให้เดินตาม เพราะอย่างที่เคยบอกไปนั้นแหละว่าชีวิตที่ไร้จุดหมายหรือหลักชัยในการเดินหน้าก็ไม่ต่างจากการเดินหลงในทะเลทรายโดยรอวันหมดแรง
กับ 8 เกมที่เหลือยังคงมีโอกาสแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างผลงานที่ดีออกมาซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่แฟนบอลเองก็ไม่อยากคาดหวังอะไรมากหากดูจากฟอร์มที่ผ่านๆ มา
เอาเป็นว่าต้องดูกันไปทีละนัด ลุ้นกันไปทีละสัปดาห์ เพราะหลังจากนี้ไม่ว่าจะดวลกับใครก็ต้องเจองานหนักทั้งสิ้น เพราะแต่ละทีมก็ต่างมีเป้าหมายของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น
สองเกมต่อไปเจอกับทีมหนีตายอย่าง เอฟเวอร์ตัน กับ นอริช ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่ง่าย เพราะ ปิศาจแดง ต้องเจอการบดบี้และวิ่งหวดอย่างบ้าคลั่ง มีเพียงพลังใจและความเด็ดขาดเท่านั้นที่จะผ่านไปได้
ต่อจากนั้นต้องดวลทีมลุ้นแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล ซึ่งการออกไปเยือน แอนฟิลด์ หนนี้อาจจะได้เห็นโศกนาฏกรรมอีกครั้งหากเตรียมตัวได้ไม่ดีพอหรือทานแรงกดดันไม่ไหว
ปิดท้ายเดือนเมษายนด้วยการยกพลไปลอนดอนซึ่งมี อาร์เซน่อล เป็นคู่แข่ง และต้องหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้นสถานะของ ปิศาจแดง ยังคงเป็นทีมที่มีเอี่ยว 'ท็อป 4' อยู่หรือไม่
ความเป็นไปได้ยังคงมีอยู่แต่บางครั้งก็ต้องดูความเป็นจริงด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะผลงานในช่วงที่ผ่านมา
เท่าที่เห็น ปิศาจแดง ชุดนี้แทบเร่งไม่ขึ้น ทีมอื่นๆ ดักทางได้หมดแล้วว่าจะทำเกมขึ้นเกมทางไหนและใครที่ควรปิดตาย ที่สำคัญปัญหาเดิมๆ คือแดนกลางที่มักจะเป็นรองฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอไม่ว่าจะดวลกับใคร
เมื่อจุดอ่อนจุดใหญ่ถูกเผยออกมา หลายๆ ทีมก็ใช้เรื่องดังกล่าวเล่นงานและคอยโจมตีเพื่อหาโอกาสเข้าทำประตู ซึ่งหลายๆ ครั้งมันก็เกิดขึ้นแบบเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา
ที่สำคัญคือจังหวะของเกมที่ดูตะกุกตะกักไม่ปะติดปะต่อ หลายๆ ครั้งดูไปก็หงุด หลายๆ ครั้งที่ต้องเห็นนักเตะม้วนวนจนเสียจังหวะ และหลายครั้งที่ต้องเห็นการเคาะบอลริมเส้นแบบเสียเปล่าก่อนจะโดนบีบจนต้องถอยกลับไปหรือเสียให้ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นจุดที่ต้องแก้ไขให้ดีขึ้น
ถึงตรงนี้แฟนบอล ปิศาจแดง หลายคนคงอยากให้ฤดูกาลจบลงโดยเร็วเพราะต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในซีซั่นต่อไปว่าจะออกมาในทิศทางไหน
ชัดเจนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งในรั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือการเปลี่ยนแปลงครั้งหน้าจะไปในทิศทางทีดีขึ้นหรือว่ายังคงเป็นการพายเรือในอ่างหมุนวนเจอกับเรื่องเดิมๆ ต่อไป
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT