เมื่อสถานการณ์กลับตาลปัตร
ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณ ท็อตแน่ม กับ อาร์เซน่อล ที่นัดกันพลาดในเกมล่าสุด โดยเฉพาะ ปืนใหญ่ ปราชัย 3 เกมรวดในลีกจนความได้เปรียบที่พวกเขากุมอยู่หลุดลอยไปและต้องมาไล่ตาม สเปอร์ส เหมือนกับ ผีแดง ในตอนนี้
แม้ลูกทีม มิเกล อาร์เตต้า มีเกมในมืออยู่อีก 1 นัดเพื่อโอกาสคว้าชัยขึ้นไปทาบ ไก่เดือยทอง แต่หากพิจารณาจากผลงานและความมั่นใจ ก็ถือเป็นเรื่องน่ากังวลของสาวก กูนเนอร์ส
สถานการณ์ล่าสุดหลังจบเกมเมื่อวันเสาร์ สเปอร์ส รั้งที่ 4 เก็บไป 57 คะแนนตามมาด้วย แมนฯ ยูไนเต็ด มี 54 แต้มเท่ากับ ปืนใหญ่ แต่ทาง เดอะ กันเนอร์ส ลงสนามน้อยกว่า ผีแดง และ ไก่เดือยทอง 1 เกม
อย่าลืมว่า สเปอร์ส หรือ อาร์เซน่อล ยังต้องมาเจอกันเอง แถมทั้งสองทีมมีคิวเจอกับทีมหัวตารางหรือสโมสรที่กำลังหนีตกชั้น ซึ่งนี่จะเป็นโอกาสอันดีของ ผีแดง
แต่ที่น่าสนใจคือโปรแกรมหลังจากนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่างหาก โดยเฉพาะลูกทีม ราล์ฟ รังนิก ที่กำลังจะออกไปดวล ลิเวอร์พูล ในวันอังคารต่อด้วย อาร์เซน่อล วันเสาร์หน้า
การเยือน หงส์แดง ที่ แอนฟิลด์ นับเป็นงานหนักชนิดที่บรรดากูรูหรือนักวิจารณ์หลายคนมองว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในการรอดชีวิตกลับออกมาของ ผีแดง แต่ในมุมนักเตะหรือแฟนบอล ปิศาจแดง นี่เป็นเกมที่สำคัญ เพราะนอกเหนือไปจากการคว้าคะแนนตามที่ต้องการมันคือการล้างอายจากการโดนอริเบอร์ 1 หงส์แดง บุกถล่มถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในนัดแรก
ถึงจะเป็นรองทุกด้านแต่นักเตะปิศาจแดงพร้อมสู้ และด้วยเดิมพันที่กลับมาได้ลุ้นโควตา แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้งเชื่อว่าผู้เล่นจากแมนเชสเตอร์จะใส่สุดกำลังที่มีลงไปในนัดนี้
กระนั้นเรื่องที่น่ากังวลของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังมีให้เห็นและถือเป็นปัญหาเดิมๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการป้องกันที่หละหลวมเสียประตูต่อเนื่อง แถมเกมล่าสุดยังโดน นอริช ทีมบ๊วยสอยไป 2 ลูกจนเกือบลำบากมาแล้ว
ถือเป็นปัญหาเดิมๆ ที่แก้ไม่ตก ทีมมักจะเสียประตูจากจังหวะที่ดูเหมือนไม่มีอะไร เสียประตูแบบง่ายๆ ส่งผลให้พลาดโอกาสในช่วงหลายๆ เกมที่ผ่านมา
ยิ่งการไปเยือน แอนฟิลด์ วันอังคารนี้จะเป็นเกมที่ต้องออกมาสมบูรณ์แบบ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจก่อให้เกิดหายนะ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นแสดงให้เห็นแล้วจากนัดแรกที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ความผิดพลาดในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะจากเกมล่าสุดต้องไม่ให้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด เพราะขึ้นชื่อแนวรุก หงส์แดง ที่ทรงพลัง พวกเขาสามารถเล่นงานฝ่ายตรงข้ามทันทีเมื่อมีช่องหรือเมื่อมีจังหวะโผล่มาให้เห็น
นับได้ว่าเป็นโจทย์ที่หนักหนาสำหรับแนวรับปิศาจแดง และอาจจะรวมไปถึงแดนกลางที่ต้องพยายามตัดเกมหรือคอยสกัดกั้นการเข้าทำ ไหนจะบริเวณริมเส้นที่ต้องเจอการเติมของสองฟูลแบ็กซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องชวนปวดหัวของ รังนิก
แน่นอนว่าเราอาจจะได้เห็นเกมหน้าเดียวที่ หงส์แดง ครองบอลกดดัน แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ต้น ความอดทนจึงเป็นปัจจัยสำคัญรวมไปถึงการเล่นพร้อมความแน่นอนไม่พลาดง่ายๆ รอคอยจังหวะสวนกลับเล่นงานเจ้าบ้าน
เกมรุกก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ แต่ที่น่ากังวลคือคนอื่นๆ ต้องพยายามลดภาระ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงไปบ้าง เพราะหากหวังพึ่งพาความมหัศจรรย์ของกองหน้าวัย 37 ปีไปตลอดก็ใช่จะเป็นเรื่องที่ดี และที่สำคัญ เยอร์เกน คล็อปป์ ก็คงสั่งปิดตายหรือคอยทำลายจังหวะของ 'CR7' อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นคนอื่นๆ ต้องก้าวขึ้นมารับภาระในยามจำเป็น
โอกาสอันน้อยนิดในการรอดชีวิตกลับออกมาจาก แอนฟิลด์ กับความหวังในการต่อลมหายใจเพื่อลุ้นโควตา แชมเปี้ยนส์ ลีก สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับนักเตะ ปิศาจแดง แล้วว่าจะผ่านพ้นช่วงเวลาสำคัญนี้ไปได่หรือไม่
เพราะนอกจากคะแนนที่ทีมต้องการมันยังส่งผลไปยังความมั่นใจของบรรดาผู้เล่น หากทีมสามารถหักปากกาเซียนเก็บแต้มออกมาได้สำเร็จมันจะส่งผลดีกับนัดที่เหลือหลังจากนี้อย่างแน่นอน
ความยากอาจจะอยู่ในระดับ 'S' หรือภารกิจที่มีความเป็นไปได้น้อยมากๆ แต่เมื่อมีโอกาสลงมือทำหวังว่านักเตะ ปิศาจแดง จะแสดงความมุ่งมั่นออกมาให้ดีที่สุด แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและไม่ยอมแพ้กับเป้าหมายที่พวกเขาย้ำอยู่เสมอว่าต้องการทำให้สำเร็จ
กับสถานการณ์พลิกผันและมีแสงสว่างทอประกายให้เห็น หวังว่าทีมจะไล่ตามแสงเหล่านั้นไปจนสุดทาง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT