โอกาสที่เข้ามา ... แล้วหายไป
แม้ตามตัวเลขและความเป็นไปได้ยังคงมีอยู่ แต่หากพิจารณาองค์ประกอบโดยรวมถือเป็นเรื่องยากที่จะพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ให้กลับมาเข้าทางอีกครั้ง
อันที่จริงการลุ้นโควตา แชมเปี้ยนส์ ลีก แทบจะหมดหวังไปแล้วในช่วงที่ ปิศาจแดง โชว์ฟอร์มออกทะเลตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา แต่มันเป็นเพราะ อาร์เซน่อล กับ สเปอร์ส นัดกันทำผลงานแย่พร้อมกันส่งผลให้ลูกทีม ราล์ฟ รังนิก กลับมามีลุ้นเสียอย่างนั้น
มองอีกมุมก็เหมือนการเล่นตลกของโชคชะตา เพราะในตอนที่ทีมกลับมามีลุ้นดันต้องเจอโปรแกรมสุดโหดทั้งการออกไปเยือน ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล ซึ่งผลการแข่งขันก็ออกมาอย่างที่เห็นไม่มีคะแนนจากทั้งสองนัดแถมโดนสอยตาข่ายไป 7 ประตู
สถานการณ์ตอนนี้เลยกลับมาเป็นผู้ตามอันดับ 4 อยู่ถึง 6 คะแนน ที่สำคัญอาจจะห่างไกลไปอีกหากว่า ปืนใหญ่ เก็บเกมตกค้างได้ นั่นเท่ากับว่าโอกาสไป แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าปิดม่านลงไปทันที
ณ ตอนนี้การลุ้นเฮือกสุดท้ายต้องรักษาโควตา ยูโรปา ลีก ไว้ให้ได้ หากนับสถานการณ์ปัจจุบันคู่แข่งเบอร์ 1 คือ เวสต์แฮม ที่มีแต้มตามหลัง 2 คะแนนกับการลงสนามเท่ากัน ส่วน วูล์ฟแฮมป์ตัน ตามอยู่ 5 แต้ม แต่หากทีมหมาป่าชนะเกมตกค้างได้ก็จะก้าวขึ้นมาลุ้นอย่างเต็มตัวเช่นกัน
ทั้งนี้ หากมองในมุม ปิศาจแดง สิ่งที่น่าเป็นห่วงหาใช่การขับเคี่ยวกับทีมอื่นๆ ไม่ แต่มันคือการต่อสู้กับจิตใจตัวเองจากการลงสนาม 4 นัดที่หลือต่อจากนี้
ปัญหาสำคัญนอกจากผลงานในสนามคือสภาพจิตใจและทัศนคติของทีมที่ระส่ำมาอย่างต่อเนื่อง หลายครั้งที่แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางสามารถแตกหักได้ทุกครั้งเมื่อโดนเล่นงานหรือสะกิดโดนแผล
นัดล่าสุดอาจจะมีสัญญาณที่ดีในเรื่องของการเข้าทำที่มีโอกาสมากกว่าเดิม แต่อย่างที่เห็นคือการจบสกอร์ยังคงมีปัญหาอย่างต่อเนื่อง เมื่อโอกาสมาถึงกลับทำไม่ได้ เมื่อมีจังหวะสำคัญกลับปล่อยให้หลุดมือ
เกมเยือน อาร์เซน่อล อาจจะโดนนำเร็วแค่ 2 นาทีเศษ แต่หลังจากนั้น ปิศาจแดง มีลุ้นตีเสมอจากทั้ง แอนโธนี่ เอลังก้า หลุดเดี่ยว, บรูโน่ แฟร์นันด์ส ฉวยโอกาสจากการตัดบอลเร็วแต่ยิงหลุดกรอบ (ติดปลายเท้ากองหลัง) และ ดีโอโก้ ดาโลต์ ยิงชนคาน
ถือเป็นพัฒนาการที่ดีในส่วนเกมบุก แต่ท้ายที่สุดการป้องกันที่ยังหละหลวมพลาดเล็กๆ น้อยๆ กลายมาเป็นจุดเปลี่ยนให้ทีมตามสองประตูจากการเสียจุดโทษ
แม้ว่าทีมจะตอบสนองได้ดีทำประตูทันทีหลังจากโดนจุดโทษ แต่มันเหมือนมีอะไรมาขวางกั้นส่งผลให้ไปไม่สุดและต้องถอยหลังกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะจังหวะจุดโทษของ บรูโน่ ที่ยิงชนเสา
นั่นคือโอกาสสำคัญที่จะเปลี่ยนกระแสเกมและนำโมเมนตัมเทกลับมาทาง ปิศาจแดง แต่ท้ายที่สุดเสาประตูก็ปฏิเสธและทำให้เกมยังคงเทไปทาง อาร์เซน่อล ที่ได้ความมั่นใจมากขึ้น
ไม่ได้จะกล่าวโทษ บรูโน่ ที่พลาดโอกาสตีเสมอ เพราะความผิดพลาดมันเกิดขึ้นได้ แต่เป็นอาการเสียดายเพราะหากเข้าไปมันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการทำให้เกมกลับฝั่งและเปลี่ยนมาอยู่ทาง ผีแดง
แม้ว่าหลังจากนั้น ปิศาจแดง พยายามตีเสมอแต่การเข้าทำค่อยๆ เลือนหายไป จนกระทั่งมาโดน กรานิต ชาก้า ยิงฝังทำให้เกมจบลงด้วยสกอร์ 3-1 ของ อาร์เซน่อล
เป็นความพ่ายแพ้ที่น่าเสียดายเพราะมันเป็นการแข่งขันที่มีจุดเปลี่ยนมากมายเกิดขึ้น ซึ่งจังหวะเหล่านั้นมีโอกาสเข้าทาง ปิศาจแดง และทำให้เกมแตกต่างออกไปจากที่เห็น (ยังไม่นับรวมจังหวะใช้มือของ เซดริก ซัวเรส ในครึ่งแรกที่ถกเถียงกันอย่างมากใน ทวิตเตอร์)
ท้ายที่สุดต้องกลับมาโทษตัวเองที่ฉวยโอกาสหรือเปลี่ยนกระแสเกมไม่ได้ และตอนนี้คงทำได้เพียงโบกมือลา แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า (อย่างไม่เป็นทางการ) และไปลุ้นโควตาในส่วนอื่นแทน
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่ามันเหมือนกับการเล่นตลกของโชคชะตา จากที่แทบจะหมดลุ้นกลับเป็นว่ามีโอกาสเข้ามาอีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดก็หลุดลอยหายไปอย่างรวดเร็วในเวลาแค่สัปดาห์เดียว
4 เกมสุดท้ายกับ 2 นัดในบ้านที่กำลังจะลงสนามภายใน 1 สัปดาห์ต่อจากนี้ ก่อนปิดท้ายด้วย 2 นัดที่ต้องออกไปเยือนเพื่อสั่งลาซีซั่น 2021/22
สิ่งที่อยากเห็นมากที่สุดนอกจากผลการแข่งขันที่ดีคือการทำผลงานที่จะช่วยให้แฟนบอลได้เห็นถึงอนาคตต่อจากนี้ ทัศนคติที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปจากที่ผ่านมา ใจสู้หรือแรงฮึดที่ขาดหายไป การแสดงทางสีหน้าที่ยังคงมีมุ่งมั่นไม่ใช่หมดอาลัยตายอยากเหมือนที่เห็นกัน
แม้เป้าหมายใหญ่จะหลุดมือลอยหายไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังเหลือเส้นทางให้เดินหน้าต่อไปกับ 4 นัดสุดท้าย ซึ่งถือเป็นช่วงวัดใจแล้วว่าใครที่จะเหมาะสมอยู่ต่อในฤดูกาลหน้า ใครที่พร้อมจะแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทเพื่อทีมอย่างไม่ลดละ ใครที่มุ่งมั่นทุ่มเทตอบแทนผลงานเพื่อให้แฟนบอลมีความสุขแม้จะไม่มากมายแต่มันคือโอกาสสุดท้ายของฤดูกาลที่จะมอบรอยยิ้มกลับไปให้สาวก ปิศาจแดง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT