เป้าหมายที่กดทับด้วยความคาดหวัง
ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรคงไม่ต่างกัน เพราะพวกเขาทราบดีถึงเสียงวิจารณ์ที่ดังไปทั่วทุกมุมโลกพุ่งตรงมายัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่ว่าจะผลงาน ความคาดหวัง หรือเป้าหมายที่ไม่ไปถึงจุดที่ต้องการ
แต่ตอนนี้สโมสรได้เปิดตัว เอริก เทน ฮาก อย่างเป็นทางการพร้อมระบุว่าเป็นการเริ่นต้น 'ยุคใหม่' ที่จะมีเทรนเนอร์ชาวเนเธอร์แลนด์เข้ามาเป็นผู้บัญชาการนำเหล่านักเตะอสูรแดงลงทำหน้าที่ในซีซั่นหน้า
นี่คือการเปลี่ยนแปลงในส่วนของคนคุมทีมที่แฟนบอลทราบเรื่องมาก่อนหน้านี้เป็นเดือนและเพิ่งมีการเปิดตัวต่อหน้าสื่อไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
สิ่งที่น่าสนใจต่อจากนี้คือแนวทางของ เทน ฮาก รวมไปถึงการทำงานที่จะแสดงออกมาผ่านผลงานในสนาม ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าสโมสรตัดสินใจถูกต้องหรือไม่ หรือจะเหลวไม่เป็นท่าอีกครั้ง
เรื่องดังกล่าวมันต้องใช้เวลาในการพิสูนจ์ ซึ่งปัจจุบันดูเหมือนว่าแฟนบอลจะใจร้อนจนแทบอดทนรอไม่ไหว และนั่นคือกำแพงที่ เทน ฮาก ต้องก้ามข้ามผ่านไปให้ได้ (รวมไปถึงแฟนบอลที่ต้องพยายามอดทนรอมากกว่าที่ผ่านมา)
แน่นอนว่าแต่ละคนย่อมมีความเห็นที่แตกต่างกัน บางคนพร้อมให้เวลา เทน ฮาก ทำงานเป็นปี แต่บางคนวางไว้แค่ 10 นัด และบางคนให้เวลา 2-3 เดือน หรือบางรายที่ให้เวลาปรับจูนแค่ช่วงพรีซีซั่นเท่านั้น
มองว่าส่วนสำคัญที่สุดในเรื่องนี้คือสโมสรและ เทน ฮาก โดยเฉพาะฝ่ายแรกที่มอบความไว้วางใจให้เทรนเนอร์วัย 52 ปีเข้ามาปลุกชีพอสูรแดงก็ต้องกล้าที่จะให้เวลาในการทำงานและพิสูจน์ตัวเอง มองในแง่ร้ายที่สุดหากผลงานช่วงต้นไม่เข้าที่เข้าทาง สโมสรก็ต้องทนแรงกดดันหรือการโจมตีจากภายนอกให้ได้ ทางด้านกุนซือชาวดัตช์ก็ต้องพยายามก่อร่างสร้างรูปแบบตามที่ตนเองต้องการ มันคือความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับตัวเขาเพราะนี่คือสโมสรชั้นนำซึ่งถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด พลาดนิดเดียวจะโดนนำไปยำจนเละ นอกจากนั้นแรงกดดันที่กดทับลงบนตัวช่างแตกต่างจากการทำงานก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
เมื่อพิจารณาสีหน้าท่าทางบุคลิกและการให้สัมภาษณ์ ถือว่า เทน ฮาก เปล่งออร่าบางอย่างออกมา มันรังสีที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ ความพร้อมในการทำงานและฝ่าฟันความท้าทายที่วางอยู่ตรงหน้า ความต้องการที่จะพาทีมกลับมาประสบความสำเร็จ
มันคือการปลุกทีมที่ห่างหายจากความสำเร็จไปนาน ทีมที่โดนปรามาสว่าตกยุคไปแล้ว ทีมที่โดนหัวเราะมาตลอดทั้งฤดูกาล มันคือการทำงานเพื่อให้ทีมกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้ง
นั่นคืองานที่เขาได้พิจารณาแล้วว่ามีความเป็นไปได้ก่อนจะตอบตกลงรับหน้าที่สำคัญซึ่งอาจจะกลายมาเป็นจุดหักเหในอนาคตของทั้งสโมสรและตัวเขาเอง
เป้าหมายอันชัดเจนที่ เทน ฮาก วางไว้คือการพาทีมกลับไปยังจุดที่ควรจะเป็น แต่มันต้องมาจากการก่อโครงสร้างทีละขั้นตอน เดินหน้าไปทีละก้าวเพื่อให้มั่นใจว่ารากฐานจะมั่นคงไม่สั่นไหวเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งอันดับแรกคือการกลับไปเล่นบนเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง
ตอนนี้เป็นการทำความรู้จักสโมสรอย่างถ่องแท้ แม้จะเป็นช่วงเวลาปิดซีซั่น แต่ เทน ฮาก ไม่มีวันหยุด ทุกๆ นาทีในแต่ละวันมันมีค่าเพื่อให้เขาได้ซึมซับสโมสรแห่งใหม่และรายละเอียดถือเป็นเรื่องที่สำคัญ จากบทสัมภาษณ์แสดงความชัดเจนว่าเป้าหมายของเขาคือการพาทีมเดินหน้าคว้าชัยชนะแบบมีสไตล์ที่ชัดเจน เน้นเกมบุกที่เอนเตอร์เทนแฟนบอล หรืออย่างน้อยๆ หากฟอร์มการเล่นไม่เป็นไปตามที่ต้องการทีมก็ต้องเอาตัวรอดชนะออกมาให้ได้
อีกสาวนที่สำคัญคือการทำความรู้จักกับลูกทีมกลุ่มใหม่ผ่านการพูดคุยพบปะ แลกเปลี่ยนความเห็น มุมมอง หรือทัศนคติของแต่ละฝ่าย ก่อนจะเข้าไปสู่การดำเนินงานปรับเปลี่ยนโครงสร้างของทีมที่เชื่อกันว่าการเดินทางขาออกจะมีมากมายหลายคนที่คงเก็บกระเป๋าย้ายบ้าน (ทั้งในส่วนนักเตะที่หมดสัญญาและมีข่าวย้ายทีม) ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่สโมสรควรหนุนหลังและผลักดันปล่อยส่วนเกินหรือคนที่หมดใจออกไปเสียที เพื่อเข้าสู่ยุคใหม่อย่างแท้จริง
ประเด็นนี้ไม่ต่างจากนักเตะรายใหม่ที่ต้องถูกเสริมเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฤดูกาลล่าสุดแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ปิศาจแดง ยังคงดีไม่พอ มีหลายส่วนต้องปรับปรุงหากอยากกลับไปจุดที่ต้องการ และมีหลายสิ่งที่ทีมยังคงตามหลังคู่แข่งอยู่หลายช่วงตัว
สิ่งต่างๆ ข้างต้นอยู่ในการดูแลของสโมสรและ เทน ฮาก ที่จะควบคุมพิจารณาดึงผู้เล่นมาเสริมให้ได้ตามที่กุนซือต้องการ โดยนักเตะเหล่านั้นต้องตอบโจทย์ตามแนวรับหรือปรัชญาเทรนเนอร์เพื่อให้ทีมเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ขั้นตอนการทำงานต่างๆ ได้เริ่มไปแล้ว อย่างที่เคยเรียนไปว่ามันคือการเข้ามาผ่าตัดทีม เข้ามาช่วยชีวิตสโมสรที่กำลังมีอาการโคม่าและโดนทีมหัวตารางทิ้งห่างไปเรื่อยๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ มองภาพกว้างถึงสิ่งที่เป็นไปแล้วค่อยๆ ขมวดเข้ามาเพื่อหาจุดบอดและตัดทิ้ง ก่อนเสริมกำลังในส่วนที่ถูกมองว่าดีกว่าเดิม
ในช่วงหน้าร้อนนี้จึงเป็นอีกครั้งที่หลายคนจะจับตามองการทำงานของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะตลาดซื้อขายนักเตะที่กลายมาเป็นสิ่งที่แฟนบอลคาดหวังจะได้ของใหม่แทนของเดิมที่หมดสภาพ
นอกเหนือไปจากนั้นคือการนำปรัชญาของ เทน ฮาก ใส่ลงไปในทีม แน่นอนว่าจุดนี้ต้องใช้ระยะเวลาอย่างมากในการปรับตัว เรียนรู้ทำความเข้าใจ ทั้งหมดต้องมาจากการลงมือทำงานอย่างหนัก สอดประสานในส่วนกุนซือและนักเตะ ซึ่งขั้นตอนหลังสุดนี้ต้องผ่านการเปิดใจยอมรับของแต่ละฝ่ายถึงจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้
สำหรับ เทน ฮาก มันคือก้าวแรกและก้าวสำคัญในการเดินนำหน้าลูกทีมพร้อมหวังว่าทุกๆ คนจะพร้อมเดินตามเส้นทางที่เขาได้กำหนด เข้ามาสู่โลกฟุตบอลที่เขาปรารถนา ซึ่งมันจะเป็นจริงและสัมฤทธิ์ผลได้ต้องผ่านการร่วมมือจากทุกๆ คน
ตอนนี้เวลาดำเนินไปเรื่อยๆ ทุกวินาทีที่ผ่านไปมาพร้อมกับความคาดหวังและตั้งตารอคอย แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุค เอริก เทน ฮาก ว่าจะออกมาเช่นไร
แน่นอนว่าทีมคงจะไม่ได้ดีขึ้นแบบพลิกฝ่ามือหรือเพียงแค่ช่วงเวลาข้ามวัน แต่สิ่งที่ต้องการเห็นคือรูปแบบการเล่นอันชัดเจน การเล่นที่มีแบบแผนดูเป็นทรงกว่าที่ผ่านมา (ซึ่งต้องยอมรับว่าสะเปะสะปะเละเทะมาก) นั่นคือสิ่งที่แฟนบอลต้องการเห็นมากที่สุดใสตอนนี้ เพราะมันจะเป็นการส่งสัญญาณว่าทีมเดินไปในทิศทางที่ถูกหรือไม่
ทุกอย่างต้องใช้เวลา แต่เมื่อวันเดือนเคลื่อนผ่านไป ทุกๆ คนย่อมอยากเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติในเกมกีฬาที่ตัดสินด้วยผลงานและผลการแข่งขัน นั่นคือตัวชี้วัดว่าสโมสรเดินหน้าไปยังเส้นทางไหน เป็นเส้นทางที่ทุกคนอยากให้เป็นหรือไม่
มันคืองานที่มาพร้อมแรงกดดันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สำหรับ เทน ฮาก นั่นเป็นสิ่งที่เขาพิจารณามาอย่างดีแล้วว่ามีความเป็นไปได้ และทั้งหมดจะถูกพิสูจน์ด้วยผลงานในสนามหลังจากนี้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT