เมื่อก้าวแรกย่ำลงไป
นี่คือคนที่เบื้องบนสโมสรจิ้มเลือกเพื่อกอบกู้สถานการณ์ เข้ามาเพื่อปลุกให้ปิศาจแดงตนนี้ฟื้นคืนอีกครั้ง ซึ่งทั้งหมดต้องใช้เวลา ผ่านการทำงานของทุกๆ ฝ่ายที่ต้องสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
จุดที่สำคัญคือการ 'สร้าง' ทีมขึ้นใหม่ โดยต้องเน้นย้ำไปที่สภาพจิตใจแนวคิดเนื่องจากที่ผ่านมากลายเป็นปัญหาหลักของนักตะ มันค่อยๆ กัดกินจากข้างในก่อนจะปรากฏให้เห็นผ่านผลงานในสนาม
นั่นเป็นเรื่องหลักที่ เทน ฮาก ต้องเข้ามาเปลี่ยนแนวคิดการทำงานและใส่จิตวิญญาณของผู้ชนะลงไป ใส่หลักการของการแข่งขันอย่างจริงจัง ต้องทุ่มเทกายใจเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
สิ่งเหล่านั้นสอดประสานร่วมกับการทำงานภายนอก นั่นคือเสริมทัพในจุดที่เป็นปัญหา กลบจุดอ่อน มองหาคนที่ 'ดูเหมือน' จะเข้ามาเติมเต็มให้กับทีมได้
จะว่าไปแล้วช่วงที่ผ่านมาการเสริมทีมของ ผีแดง ดูเหมือนจะดี หลายๆ คนสร้างผลงานซีซั่นแรกเข้าตาถือว่าผ่านเกณฑ์ แต่ทำไปทำมากลับกลายเป็นคนละคนหลังจากเข้าฤดูกาลที่สอง
หากมองแบบทั่วไปถือว่าเป็นปกติในเกมกีฬา ซึ่งบรรดาผู้เล่นย่อมต้องช่วงเวลาขึ้นลงเป็นปกติ แต่หากพิจารณาจากสถานะหรือความคาดหวังที่กดทับ เสียงวิจารณ์ต่างๆ จึงเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลายคนได้เห็นช่วงเวลาอันเลวร้ายของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไม่ใช่แค่ผลงานที่น่าผิดหวังแต่รวมไปถึงแรงกดดันที่มาจากปลอกแขนกัปตันทีม ส่งผลให้กองหลังทีมชาติกฤษโดนจัดหนักมาตลอดซีซั่นที่ผ่านมา
เรื่องดังกล่าวจึงขึ้นอยู่กับ เทน ฮาก (และตัวนักเตะ) ในการพูดคุยหาทางแก้ไข 'หาก' แม็กไกวร์ ยังคงถูกมองเป็นแกนหลัก แน่นอนว่าเทรนเนอร์ชาวเนเธอร์แลนด์จะตามหาวิธีการฟื้นคืนสภาพทั้งในส่วนผลงานและความมั่นใจ
ทีนี้มาว่ากันในเรื่องการเสริมทีม แม้ตลาดซื้อขายพรีเมียร์ลีกมีฤกษ์เปิดทำการในวันที่ 10 มิถุนายน แต่ทาง แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เริ่มเดินเกมมองหาผู้เล่นรายใหม่ไปแล้ว
ทุกอย่างต้องแข่งกับเวลา (และสโมสรอื่นๆ) เพื่อคว้าเป้าหมายหลักให้ได้เร็วที่สุด เพราะอย่าลืมว่าวันเวลาผ่านไปรวดเร็วนี่เผลอแวบเดียวจะสิ้นเดือนพฤษภาคมแล้ว นอกจากนั้นกำหนดการเรียกรวมพลที่ เทน ฮาก วางไว้อยู่ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน (วันที่ 27) จึงแทบไม่มีเวลาหยุดพัก
ไม่แปลกใจที่ทีมงานจะเร่งดำเนินการเสริมทีมอย่างรวดเร็วไม่ชักช้ารอเวลาเหมือนที่ผ่านๆ มา เพราะส่วนสำคัญอย่างที่ จอห์น เมอร์ทัฟ ผู้อำนวยการกีฬาเปิดเผยคือต้องเร่งสร้างสภาพแวดล้อมและบรรยากาศรวมไปถึงองค์ประกอบที่เกื้อหนุนเทรนเนอร์วัย 52 ปีให้ได้มากและดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ทั้งหมดต้องเริ่มจากการนับหนึ่ง ทำให้การแข่งขันกับเวลาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ในส่วน เทน ฮาก กำลังพยายามวิเคราะห์ทีมให้ละเอียดที่สุด มองหาจุดที่ต้องแก้ไขโดยด่วน จุดที่ต้องรีบดำเนินการเพื่อเป็นก้าวแรกในการไปยังขั้นต่อไป
ปัญหาที่เห็นได้ชัดคงหนีไม่พ้นแดนกลางที่กลายมาเป็นจุดอ่อน โดยเฉพาะซีซั่นล่าสุดที่หลายครั้งแผงมิดฟิลด์เป็นรองคู่แข่งชนิดสู้ไม่ได้ ซึ่งมันไม่ใช่แค่การดวลกับทีมหัวตารางแต่เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นซ้ำๆ กับทุกๆ ทีมที่ต้องเจอ มีบ้างที่พลิกกลับได้ แต่บ่อยครั้งต้องเป็นรองเช่นนั้นจนกระทั่งจบเกม
เรื่องดังกล่าวน่าสนใจมากขึ้นเพราะรายงานจาก ดิ แอธเลติก เผยว่า เทน ฮาก ดูมุ่งมั่นให้ความสนใจในการแก้ไขแผงมิดฟิลด์อย่างมาก ไม่เพียงมองหาแข้งรายใหม่มาแทนที่ เนมันย่า มาติช หรือ ปอล ป็อกบา แต่คนที่เหลืออยู่ก็แทบจะสอบไม่ผ่าน นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทีมจะมีข่าวกับนักเตะกองกลางหลายคน
หากอิงตามรายงานในช่วงที่ผ่านมา เฟรงกี้ เดอ ยอง คือคนที่ เทน ฮาก หมายปองอยากได้มาครองและร่วมงานที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด มากที่สุด แน่นอนว่า บาร์เซโลน่า ไม่ปิดโอกาสขายนักเตะออกมา (เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า บาร์ซ่า มีปัญหาทางการเงิน) แต่ประเด็นสำคัญคือกองกลางชาวดัตช์ไม่สนใจเล่นให้ ผีแดง นี่สิ
เป็นปัญหาที่แม้จะมีเงินก็แก้ไม่ได้ เพราะความปรารถนาของนักเตะต้องใช้การเจรจาพูดคุยชักจูงโน้มน้าว ซึ่งมันอยู่ที่ เทน ฮาก แล้วว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ และที่สำคัญคือต้องแข่งกับเวลา หากลากยาวอาจจะส่งกับหลายส่วนโดยเฉพาะการเตรียมทีมในหน้าร้อนนี้
ทางเลือกรองลงมา (ที่เป็นข่าว) ยังมีอีกหลายคน อาทิ เอ็นโกโล ก็องเต้, เดแคลน ไรซ์ หรือ รูเบน เนวส เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนมีเงื่อนไขความยากในการดึงตัวมาร่วมทีมที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นค่าตัว, แรงปรารถนา และการเจรจากับต้นสังกัด
ตอนนี้กับก้าวย่างที่เริ่มนับหนึ่ง พร้อมสายตาจำนวนมากที่กำลังจับจ้องไม่เพียงแค่แฟนบอลปิศาจแดง แต่รวมไปถึงคนอื่นๆ (ทั้งกองแช่งและคนรอกระทืบซ้ำ) ที่อยากเห็น ยูไนเต็ด ยุคใหม่ภายใต้ เอริก เทน ฮาก ว่าจะเดินไปในทิศทางไหน
ก้าวแรกที่ถูกจับจ้องคือการเสริมทีมซึ่งจะกลับมาเรียกเสียงฮือฮาอีกครั้ง ไม่ว่า 'ใครก็ตาม' ที่ถูกดึงเข้าทีมในหน้าร้อนนี้ต้องเจอกับสายตาที่มาพร้อมความคาดหวัง, แรงกดดัน และคนที่รอทับถมอย่างเลี่ยงไม่ได้
นั่นคือปัจจัยภายนอกที่ทั้งตัวสโมสร, กุนซือ และนักเตะต้องผ่านไปให้ได้ มันคือกำแพงสำคัญที่ ปิศาจแดง ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่ถึงตรงนี้ทีมได้ตัดสินใจเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และกำลังก่อร่างสร้างรากฐานเพื่อไปยังอนาคตที่ดีกว่าเดิม (อีกครั้ง)
ย้อนกลับไปที่คำพูด เมอร์ทัฟ ว่าต้องการสร้างสภาพแวดล้อมและองค์ประกอบที่เหมาะสมให้กุนซือใหม่ได้ทำงาน ซึ่งหากขั้นตอนแรกผ่านไปด้วยดีมันจะส่งต่อไปยังบรรดานักเตะเป็นทอดๆ และขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่การเดินในแต่ละก้าวต่อจากนี้ของทีมสโมสร มีบ้างที่ต้องทำอย่างระมัดระวัง มีบ้างที่ต้องเสี่ยงเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากลับมา กระนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเริ่มต้นออกตัวคือการที่ทีมได้เดินไปข้างหน้า ถึงบางครั้งจะช้าไปบ้างแต่มันก็เข้าใกล้เป้าหมายมากกว่าการอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT