กำแพงสีฟ้า
ที่สำคัญจะเป็นศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ และอีกหนึ่งบททดสอบของ เอริก เทน ฮาก รวมไปถึงลูกทีมหลังจากพลิกฟอร์มสร้างผลงานชนะในลีก 4 นัดติดต่อกัน
เกมวันอาทิตย์นี้จึงน่าสนใจกว่าความเป็น 'ดาร์บี้แมตช์' เพราะทุกสายตาจับจ้องไปที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ว่าจะสามารถสานต่อผลงานและต่อกรกับอริร่วมเมืองฝั่งสีฟ้าทีมนี้ได้หรือไม่
แม้จะทำผลงานได้ดีพร้อมพลิกฟื้นความมั่นใจหลังจากผลงานอันย่ำแย่สองนัดแรก แต่เกมที่กำลังจะมาถึงคือการปะทะแชมป์เก่า ซึ่งถือเป็นกำแพงสูงลิบที่ขุนพลปิศาจแดงผ่านไปให้ได้
นับเป็นงานหนักของ เทน ฮาก กับลูกทีม แต่ที่สำคัญกว่าคือโอกาสที่จะได้ลงไปพิสูจน์ตัวตนของพวกเขาว่าสามารถต่อกรกับทีมระดับ เรือใบสีฟ้า ได้ดีเพียงใด
แน่นอนว่าชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล เป็นผลงานอันเอกอุของแข้งผีแดง นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความมั่นใจภายในทีม แต่เกมที่ เอติฮัด สเตเดียม จะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะทั้งคุณภาพและผลงานของลูกทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดดเด่นกว่าใครทั้งในแง่ของนักเตะและศักยภาพเชิงลึก
เอาแค่ชื่อของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็พอทำให้คู่แข่งมองเห็นภาพแล้วว่าต้องพบเจอกับความยากลำบากแค่ไหนในการลงสนาม ยิ่งเพิ่มคำว่า 'แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้' เข้าไปยิ่งทำให้ ปิศาจแดง ต้องเจองานหนักกว่าเดิมเป็นหลายเท่า
สิ่งหนึ่งที่การันตีได้เลยว่าลูกทีม เทน ฮาก ต้องพบเจอนั่นคือเกมอันยากลำบากตลอด 90 นาที นอกเหนือไปจากนั้นจะเป็นเกมที่ห้ามแสดงความผิดพลาดใดๆ และต้องเล่นอย่างยอดเยี่ยมที่สุดถึงจะได้ผลการแข่งขันตามต้องการ
เทน ฮาก และนักเตะปิศาจแดงทราบเรื่องนั้นเป็นอย่างดี นอกจากจะแข่งขันกับฝ่ายตรงข้าม ขุนพล แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องต่อสู้กับตนเองเช่นกัน เพราะการปะทะทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ ต้องอาศัยทั้งวินัยการเล่น หลีกเลี่ยงความผิดพลาด และที่สำคัญคือต้องคว้า 'โอกาส' เมื่อมาถึงให้ได้ สิ่งเหล่านี้คือหน้าที่ของนักเตะที่ต้องลงไปแสดงให้เห็นในสนาม แสดงให้เห็นว่าทุกคนมีความตั้งใจและพร้อมจะข้ามผ่านกำแพงอันสูงลิบนี้ไปให้ได้
แน่นอนว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในเกม 90 นาที แต่สิ่งที่แฟนบอลอยากเห็นนอกเหนือจากผลการแข่งขันมันและมากกว่า 'ศักดิ์ศรี' แห่งแมนเชสเตอร์ นั่นคือ 'ฟอร์ม' การเล่นของ ปิศาจแดง
จุดดังกล่าวนับเป็นสิ่งสำคัญและเป็นเรื่องที่แฟนบอลพูดถึงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจาก ยูไนเต็ด ยังไม่สามารถหารูปแบบการเล่นหรือทิศทางที่ชัดเจนได้เลย
ยิ่งการมาของ เทน ฮาก ถูกคาดหวังไว้สูง แม้ผลงานจะดีขึ้นในช่วงก่อนออกไปเยือน เอติฮัด แต่คำถามสำคัญคือการสานต่อและพัฒนาหลังจากนี้ ซึ่งเกมดวล แมนฯ ซิตี้ นับเป็นเวทีที่จะพิสูจน์สิ่งนั้นให้ทุกคนได้เห็น
อาจะมีบางคนบอกว่าการดวลกับ เรือใบสีฟ้า เป็นแค่หนึ่งในหลายๆ เกมเท่านั้น คำพูดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกอะไร แต่หากพิจารณาถึงเส้นทางและกระบวนการพัฒนาทีม นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้วัดศักยภาพว่า ณ ตอนนี้ทีมก้าวมาอยู่ในระดับใด
เส้นทางดังกล่าวอาจยังอีกยาวไกลกว่าที่ผลลัพธ์จะแสดงออกมา แต่หากทีมสามารถเก็บเกี่ยวความมั่นใจและสานต่อผลงานไปเรื่อยๆ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก ดีกว่าเส้นทางขาดๆ หายๆ ไม่ปะติดปะต่อ
เกมที่ เอติฮัด สเตเดียม จึงมีความสำคัญในแง่ของของการวัดศักยภาพว่าลูกทีม เอริก เทน ฮาก ว่าห่างไกลกับแชมป์เก่ามากน้อยเพียงใด เพราะนั่นคือกำแพงที่พวกเขาต้องผ่านไปให้ได้หากต้องการกลับมาทวงบัลลังก์ในอนาคต
กำแพงสีฟ้าอันสูงตระหง่านและถือเป็นภารกิจสำคัญที่ ปิศาจแดง ต้องก้าวข้ามให้ได้เพื่อไปยังเป้าหมายที่ทีมวางไว้
จึงน่าสนใจกับทิศทางและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์นี้ว่าจะเป็นตามที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการหรือไม่ หรือมันจะเป็นการเปิดแผลใหม่ให้กับแข้งผีแดง ... อันนี้ต้องรอชม
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT