อยู่ไป ... ไม่มีป๊อก
หะแรกที่เห็นป็อกบาเดินกะเผลกในใจคิดว่า 'เอาล่ะสิมึง' แม้จะเป็นนักเตะจอมแอ็คอาร์ต เล่นยากในบางจังหวะ รวมไปถึงต้องการจะโชว์ของต่อหน้าแฟนบอล (ไม่ใช่ของลับ) แต่อย่าลืมว่านี่คือกองกลางระดับต้นๆของโลก และถือเป็นแกนหลักของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะขาดไม่ได้
จากสถิติที่ผ่านมาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว (จาก Whoscored) ระบุว่ากองกลางทีมชาติฝรั่งเศสคนนี้มีเรตดีเยี่ยมเป็นอันดับสามของลีก แถมยังเล่นได้อย่างคงเส้นคงวาที่สุดในทีมปิศาจแดง
แล้วมาฤดูกาลนี้เจ้าป็อกบากลายร่างและอัพเลเวลขึ้นมาอย่างยอดเยี่ยม จนสามารถยึดหัวหาดบัญชาการเกมได้อย่างเนียนกริบ (ส่วนหนึ่งมาจากการมาของ เนมานย่า มาติช ... เอ่อจะมาเยอะไปไหน) และมีส่วนกับทีมแทบทุกโซนสนาม
การขาดหายไปของป็อกบาส่งผลแน่นอนแต่จะมากหรือน้อยนั้นต้องดูผลงานของทีมในช่วงที่ป็อกบาไม่อยู่อีกที ซึ่งคาดกันว่าจะหายไปอย่างน้อย 5 เกมด้วยกัน ประกอบไปด้วย
- 17 ก.ย. : เอฟเวอร์ตัน, พรีเมียร์ลีก (เหย้า)
- 20 ก.ย. : เบอร์ตัน, คาราบาว คัพ (เหย้า)
- 23 ก.ย. : เซาธ์แฮมป์ตัน, พรีเมียร์ลีก (เยือน)
- 27 ก.ย. : ซีเอสเคเอ มอสโก, ชปล. (เยือน)
- 30 ก.ย. : คริสตัล พาเลซ, พรีเมียร์ลีก (เหย้า)
รวมไปถึงสองเกมที่ทีมชาติฝรั่งเศสจะลงเล่นในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนยุโรป สองเกมสุดท้ายด้วย
อย่างไรก็ตามทางทีมแพทย์ปิศาจแดงก็ยังคาดหวังว่าอาการฟื้นตัวของนักเตะจะกลับมาได้เร็วโดยพวกเขาจะใช้ทุกวิถีทางในการฟื้นฟูร่างกายป็อกบาให้ดีที่สุด
เหตุผลสำคัญคือหลังจากโปรแกรมทีมชาติแล้วหากป็อกบายังไม่พร้อมนั่นหมายความว่าเขาอาจจะพลาดเกมดวลกับ ลิเวอร์พูล ในศึก 'แดงเดือด' ที่ แอนฟิลด์ วันที่ 14 ตุลาคมนี้ด้วย ซึ่งนั่นคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับปิศาจแดง
หรือในอีกกรณีหนึ่ง ป็อกบาอาจจะฟื้นตัวได้เร็วอย่างที่คิด แต่ทะลึ่งกระสันอยากลงช่วยชาติแล้วดันไปเจ็บเพิ่มมา อันนี้ก็ต้องว่ากันอีก แต่เคสนี้คงยากเพราะยังไงโชเซ่ มูรินโญ่ คงใช้กำลังภายในยื้อสุดชีวิต และไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่นอน
ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะมันเกิดจากอาการบาดเจ็บ ถึงจุดนี้คนเป็นโค้ชอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ จะต้องปรับและหาวิธีอุดช่องโหว่ตรงนี้ให้ได้ซึ่งตัวเลือกในแดนกลางที่มีอยู่ ยกเว้นมาติชที่ได้ลงแน่ๆ ก็จะเหลือ มารูยาน เฟลไลนี่, อันเดร์ เอร์เรร่า และ ไมเคิ่ล คาร์ริค (หรือจะรวม สกอตต์ แม็คโมนิเนย์ ไปด้วย)
ตามการคาดการของสื่อหลักในอังกฤษและสื่อท้องถิ่นที่เกาะติดชีวิตปิศาจแดงแบบใกล้ชิดยิ่งกว่าคนในครอบครัวอย่าง แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ ยกให้มารูยาน เฟลไลนี่ กองกลางหัวฟูคือเบอร์ 1 ที่จะทำหน้าที่แทนตอนป็อกบาไม่อยู่
เหตุผลหลักเลยมาจากผลงานนัดล่าสุดที่ออกมาดียิงหนึ่งประตูใส่ เอฟซี บาเซิ่ล แถมยังจ่ายให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กระทุ้งอีกดอก ทำให้ผลงานเข้าตาอย่างจัง
นอกจากนี้ตั้งแต่ที่ 'พี่ฟู' ลงแทน 'น้องป็อก' รูปเกมของปิศาจดีขึ้น ไหลลื่น และจังหวะสอดเข้าทำในลูกโขกจังหวะนั้นยังติดตามิหาย หรือจะลูกสปีดตามไปตบกลับมาให้ลูกนั้นก็เยี่ยม
อีกหนึ่งประการสำคัญเลยคือ โชเซ่ มูรินโญ่ ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว โดยหลังเกมนั้นกุนซือแห่งรั้วโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ออกมาชมอย่างออกนอกหน้าผ่านสื่ออีกด้วย
อ้อ ... ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลนั่นก็คือเฟลไลนี่คือนักเตะในแบบฉบับที่มูรินโญ่อยากให้มีในทีม นั่นคือไม่ต้องเก่งกาจมากแต่ขอให้ทำตามคำสั่งตามที่ได้รับอย่างมีวินัยและไม่หลุดจากหน้าที่นั้นก็พอ
แฟนผีคงส่งสัยว่า 'อ้าว...แล้วอันเดร์ เอร์เรร่า ล่? จะไปอยู่ตรงไหน'
อันนี้ก็ต้องบอกว่าสื่อบางเจ้าก็ยังเชียร์กองกลางสเปนรายนี้เช่นกัน เพราะอย่าลืมว่านี่คือนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรเมื่อฤดูกาลล่าสุด แถมยังโชว์ฟอร์มได้สุดติ่งและกลายมาเป็นแกนหลักของทีมอย่างเต็มตัว
แต่ด้วยการมาของมาติชทำให้ มา เอ๊ย เอร์เรร่าต้องหลุดสำรองตั้งแต่ต้นซีซั่น
นักเตะเองก็แสดงความมีสปริตพร้อมบอกว่าดีเสียอีกที่ทีมมีการแข่งขันสูงแบบนี้เพราะมันหมายถึงทีมมีศักยภาพในเชิงลึกที่หลายทีมแอบอิจฉา
ทว่าจากการเปิดเผยล่าสุดของ เดลี่ เมล์ สื่อที่ถือว่าคุณภาพสูงของอังกฤษ (ความน่าเชื่อถือประมาณ 75/100%) ก็ทำเอาแฟนบอลปิศาจแดงหยุดอ่านและคิดตามไม่ได้
เรื่องมีอยู่ว่า ...
ตอนนั้นอยู่ในช่วงก่อนที่ทีมจะลงเล่นศึกยูโรปา ลีก รอบรองชนะเลิศกับ เซลต้า บีโก้ มีเพื่อนจากสเปนคนหนึ่งของเอร์เรร่าติดต่อเข้ามาว่า 'อยากมาชมการซ้อมของปิศาจแดงจะได้หรือเปล่า?'
ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิท (ข่าวว่ามาแบบนี้) มิดฟิลด์วัย 28 ปีเลยเดินเรื่องไปหายังเจ้านายแบบถูกหลักวิธีว่าเดี๋ยวจะมีคนรู้จักมาชมเกมการซ้อมของทีมซึ่งมูรินโญ่ก็ตอบรับเป็นอย่างดี
ยิ่งทราบว่านั่นคือเพื่อนสนิทของศิษย์รัก (ในตอนนั้น) มูรินโญ่เลยออกปากชวนให้พามายังห้องทำงานอีกด้วย
แต่ ... หลังจากนั้นเรื่องราวก็เปลี่ยนไปเมื่อมูรินโญ่มาทราบภายหลังว่าเพื่อนคนนั้นของเอร์เรร่า มีพ่อเป็นอดีตนักเตะเซลต้า บีโก้ แถมในเวลาต่อมายังไปรับงานเป็นผู้อำนวยการด้านกีฬาให้กับทีมอีกด้วยทำให้มูรินโญ่ไม่พอใจอย่างมาก
แหล่งข่าวที่เดลี่ เมล์ อ้างอิงระบุหลังจากจากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเปลี่ยนไป จากที่เคยคุยกันถูกคอกลับไม่สนิทใจดังเดิม
นอกจากนี้สัญญาที่เหลือปีเดียวของเอร์เรร่าที่ยังไม่คืบหน้าก็มาจากสาเหตุนี้เช่นกัน
เป็นเรื่องที่ต้องฟังหูไว้หู เพราะสุดท้ายคนที่ออกมาพูดก็เป็นจากฝั่งสื่อฝ่ายเดียว มันอาจจะมีอะไรในกอไผ่ หรือเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาอันนี้ก็ต้องรอเวลาพิสูจน์ ...
กลับมาที่แดนกลางของปิศาจกันต่อ เมื่อไม่มีป็อก ก็อย่างที่บอก มาติช, เฟลไลนี่, เอร์เรร่า และ คาร์ริค (ที่ยังไม่ได้ลงสักนัด) จะทำหน้าที่ไปก่อน
ความเป็นไปได้ก็อย่างที่เรียนไป เฟลไลนี่ น่าจะนอนมาในตำแหน่งเบอร์ 1 ในฐานะตัวแทนช่วงที่ป็อกบาลาเจ็บตรงนี้
ส่วนแผนการหรือระบบการเล่นจะเปลี่ยนไปหรือไม่ อันนี้ขอเดาว่าคงไม่เปลี่ยนไปมาก ซึ่ง 4-2-3-1 จะเป็นแผนหลักของทีมตามเดิม แต่จะปรับตามความเหมาะสมในแต่ละนัดที่ลงสนาม
จินตนาการง่ายๆ ทุกระบบที่มีป็อกบาลงสนามจะถูกแทนที่โดยเฟลไลนี่ (เป็นการชั่วคราว)
นั่นก็แค่การคาดเดาและลองจินตนาการแทน เพราะเอาเข้าจริงคนที่จะตัดสินใจคือ โชเซ่ มูรินโญ่ มิใช่ใครอื่น
ส่วนเราๆในฐานะแฟนผี ก็ต้องตามดูกันว่าในช่วงที่ อยู่ไปแบบไม่มีป็อกบา สมดุลของทีมยังคงดีอยู่หรือเปล่า? หรือจะออกมาในรูปใด?
แต่โดยส่วนตัวมองว่าด้วยประสิทธิภาพของนักเตะ ความมุ่งมั่น ความกระหาย และตัวนักเตะที่มีให้ทดแทน (ถึงจะถมไม่เต็มช่องว่าง) ก็ไม่น่าจะกังวลอะไรมาก ยังรวมไปถึงมันสมองของมูรินโญ่ ที่น่าจะพาทีมผ่านช่วงนี้ไปได้ด้วยดี
อีกอย่างนี่จะเป็นบททดสอบว่าคุณภาพเชิงลึกของทีมที่สื่อและบรรดากูรูต่างชื่นชมในช่วงต้นซีซั่นนั้น จะดีอย่างที่พวกเขาว่ามาหรือเปล่า ก็ต้องมาตามดูกัน
เชื่อเถอะของดียังไงก็ดีอยู่แล้วหรือไม่จริง
โกสุ่ย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT