ในบ้านยังวางใจได้

โดนทีมตามไล่จี้แถมผลงานก่อนหน้านี้แย่แย่แพ้เกม 0 มาสองนัดรวดทำให้ความกังวลก่อตัวขึ้นมา แถมแรงกดดันยังโถมไปยังขุนพล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมคำถามมากมายที่เข้าหาทีม

แต่ชัยชนะเหนือ วูล์ฟแฮมป์ตัน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาช่วยให้สถานการณ์ ปิศาจแดง ผ่อนคลายยิ่งขึ้น เพราะหากนับจำนวนลงสนามเท่ากันที่ 35 เกมถือว่าได้เปรียบเหนือทีมตามพอสมควร

ยิ่งหลังจากนี้ ผีแดง มีเกมในรังเหลือ 2 นัด แม้หนึ่งในนั้นจะดวลกับ เชลซี แต่ด้วยฟอร์มในรังอันยอดเยี่ยมจึงมีลุ้นที่จะเก็บ 6 คะแนนเต็มหากว่าไม่หลุดฟอร์มเอาเสียเอง

ส่วนตัวยังมองว่าเกมสำคัญคือการออกไปเยือน บอร์นมัธ นัดหน้า เพราะอย่าลืมมันคือการเฝ้ารังเกมสุดท้ายในซีซั่นของ เดอะ เชอร์รี่ส์ แม้พวกเขารอดตกชั้นไปนานแล้วแต่เรื่องของความมุ่งมั่นเกิน 100 อย่างแน่นอน บวกกับผลงานนอกรัง ปิศาจแดง จึงไม่แปลกที่ถูกมองว่าเป็นเกมที่อาจจะทำให้หวาดเสียวได้ไม่น้อย

ทุกอย่างเกิดขึ้นได้หมดหากวัดจากผลงานนอกบ้านช่วงหลัง แต่ถ้ามองในแง่บวกเกิด แมนฯ ยูไนเต็ด ผ่าน บอร์นมัธ ไปได้ในเกมหน้า ความได้เปรียบทุกอย่างจะเอนมาฝั่ง ปิศาจแดง ที่ขอชนะ เชลซี ให้ได้ก็ไม่ต้องไปเหนื่อยในนัดสุดท้าย

สถานการณ์ทุกอย่าง ณ ตอนนี้จึงอยู่ เอริก เทน ฮาก และลูกทีมว่าจะกุมความได้เปรียบและปิดงานก่อนเกมนัดสุดท้ายได้หรือไม่ (หรืองานอาจจะง่ายกว่าเดิมหาก ลิเวอร์พูล พลาดท่าเสียเองในเกมปะทะ เลสเตอร์ และ แอสตัน วิลล่า หลังจากนี้)

อย่างที่เคยกล่าวไปในคอลัมน์ก่อนหน้านี้ว่าความผิดพลาด 2 เกมที่ผ่านมาส่งผลต่อตารางคะแนนและความมั่นใจอยู่ไม่น้อย ทำให้เกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาต้องลงเอยด้วย 3 คะแนนเท่านั้น ซึ่งขุนพลปิศาจแดงไม่ทำให้ผิดหวัง

อาจจะมีความกังวลก่อนลงเล่นเพราะ มาร์คัส แรชฟอร์ด หายตัวไปจากทีมเพราะอาการบาดเจ็บ แต่ท้ายที่สุดแนวรุกคนอื่นๆ กลับมาทำผลงานได้ดี รวมถึงการกลับมาของ ราฟาแอล วาราน ที่ทำให้เกมรับดูมั่นคงและนิ่งกว่าเดิมเป็นไหนๆ 

ส่วนหนึ่งต้องชมการเล่นที่อดทนของ ปิศาจแดง ไม่ดาหน้าบุกจนหน้ามืดเกินไป ส่วนนี้นักเตะคงทราบดีว่าต้องเล่นตามเกมและรอโอกาสเพราะหากเปิดพื้นที่ขึ้นมาก็เตรียมตัวโดน วูล์ฟส์ สวนกลับแบบเจ็บแสบ

จึงเห็นได้ว่าสองประตูที่ได้มาจากการต่อเกมเร็ว โดยเฉพาะประตูแรกที่มาจากการทำเกมกลางสนามหนีเอาตัวรอดและโจมตีฉับพลันขึ้นนำในช่วงเวลาสำคัญ

ส่วนประตูที่สองอาจจะมาจากทีมเยือนต้องแลกเต็มตัวส่งผลเปิดพื้นที่ในแนวรับ แต่ต้องชมการฉวยโอกาสของ แมนฯ ยูไนเต็ด อาศัยช่องว่างตรงนั้นเล่นงานจนสามารถปิดเกมได้อย่างสนิท

ตอนนี้ความมั่นใจกลับมาพอสมควรและเหลืองานในลีกอีก 3 นัดซึ่งหากมองในแง่ของตัวเลขขอชัยชนะอีก 2 นัดเป็นอันพอ (ซึ่งใจจริงอยากชนะทุกเกม) ...

... ขอย้อนกลับไปลงรายละเอียดในนัดล่าสุด โดยเฉพาะแนวรับที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งแน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจากความผิดพลาดที่หายไป แต่ต้องเอ่ยปากชม วาราน ที่กลับมาได้ถูกจังหวะอย่างมาก

การมีอยู่กองหลังชาวฝรั่งเศสทำให้เกมป้องกัน ปิศาจแดง ดูมั่นคงมากขึ้น ยิ่งในเวลาป้องกันที่ ลุค ชอว์ พร้อมหุบไปยืนเป็นเซ็นเตอร์คนที่ 3 คอยสกัดกั้นเกมบุก หมาป่ามิดแลนด์ส ส่งผลทีมเยือนไม่มีโอกาสสร้างความกังวลให้ ดาบิด เด เคอา ได้เลย

นอกจากนั้นการอ่านเกมและประสบการณ์ของ วาราน ยังสกัดกั้นการบุกของคู่แข่งได้ดีเยี่ยม อีกทั้งมีจังหวะตัดบอลอันตรายช่วงครึ่งแรกให้เห็นอีกด้วย

แม้จะลงเล่นไปเพียง 80 นาที (ก่อนที่ เทน ฮาก ส่ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ลงมาแทน) แต่การมีอยู่ของ วาราน ช่วยให้ทุกคนมีความมั่นใจและแผ่ขยายไปยังแนวรับคนอื่นๆ ได้ดีอย่างมาก

ทุกอย่างไม่ได้เป็นการกล่าวเกินเลยหรือชมออกนอกหน้า เพราะหลักฐานประจักษ์ชัดเจนจากเกมล่าสุดที่ให้ วูล์ฟส์ ไม่สามารถคายพิษสงหรือป่วนใส่ได้เลย

อย่างที่นักวิจารณ์หลายคนว่าไว้ 'หากแนวรับมั่นคงและวางใจได้ บรรดาแนวรุกก็สามารถทำงานได้อย่างหมดห่วง' ซึ่งเกมล่าสุดออกมาเช่นนั้นด้วยโอกาสอันมากมายของ ปิศาจแดง ติดตรงที่ยิงไม่ผ่าน แดเนียล เบนท์ลีย์ ไปเสียหลายจังหวะแค่นั้นเอง

ทุกๆ อย่างถือว่าเป็นไปตามที่ เทน ฮาก และแฟนบอลต้องการนั่นคือการคว้า 3 คะแนน พร้อมกับรักษาความได้เปรียบของตนเองต่อไป 

จบภารกิจเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากนี้เหลืองานในลีกอีก 3 นัด หวังว่า ปิศาจแดง จะเดินหน้าไปยังเส้นชัยที่พวกเขาปักธงไวเได้สำเร็จแบบรวดเดียว