กัดกินจากภายใน
ไหนจะกรณี เมสัน กรีนวูด ซึ่งโดนถล่มคาเพจสโมสรเพราะหลายคนไม่พอใจที่ทีมตัดหางกองหน้าชาวอังกฤษและไม่ให้โอกาสนักเตะได้พิสูจน์ตัวเอง
สิ่งนี้สโมสรชั่งน้ำหนักจากสภาพแวดล้อมของสังคมอังกฤษเป็นหลัก เพราะที่ผ่านมาคนในวงการโดยเฉพาะเหล่าสตรีที่มีอิทธิพลในเมืองผู้ดีออกมาต่อต้านไม่เห็นด้วยหาก แมนฯ ยูไนเต็ด จะนำ กรีนวูด กลับมาอยู่ในทีม
ไหนจะเรื่องผู้สนับสนุนหรือเม็ดเงินต่างๆ ที่อาจหายไป ส่งผลให้ ปิศาจแดง เลือกตัด กรีนวูด และส่งตัวไปให้ เคตาเฟ่ ยืมใช้งาน
แน่นอนว่ากระแสตีกลับก็มีเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะแฟนบอลฝั่งทวีปแอฟริกาที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจเรื่องนี้เข้าไปถล่มเพจสโมสรอย่างต่อเนื่องพร้อมตั้งฉายาว่า 'Commercial club'
ไม่ใช่หนแรกที่วลีนี้ถูกพูดถึงหรือถูกทำให้กลายเป็นความหมายที่ชี้เฉพาะไปหา แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะทาง หลุยส์ ฟาน กัล เคยออกมากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ แต่เมื่อรวมเข้ากับการตัดสินใจล่าสุดทำให้ 'Commercial club' ถูกนำมาพูดถึงอีกครั้งแบบเลี่ยงไม่ได้
แม้ประเด็น กรีนวูด จะซาลงตามกาลเวลารวมถึงการโจมตีของแฟนบอลที่ค่อยๆ หายไปตามกระแสที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือน ปิศาจแดง ไม่อยากให้บรรยากาศดังกล่าวเงียบลงเพราะหลังจากนั้นดันมีเรื่องดราม่าตามมาต่อเนื่อง
ไหนจะกรณี อันโตนี่ ที่ตอนนี้ต้องสู้กับข้อกล่าวหาเรื่องทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาว แถมมีผู้เสียหายอีกสองรายออกมาอ้างว่าโดนทำร้ายเช่นกัน ทำให้ตอนนี้แนวรุกบราซิลต้องขอหยุดพักการทำงานเพื่อจัดการคดีที่เกิดขึ้น
เรื่องดังกล่าวไม่ได้รุนแรงหรือมีกระแสหนักหน่วงแบบ กรีนวูด เพราะของ อันโตนี่ มีเพียงข้อกล่าวหาและภาพนิ้วมือของผู้เสียหายที่อ้างว่าถูกดาวเตะผีแดงทำให้ได้รับบาดเจ็บ
ต่างจากรณีของ กรีนวูด ที่โดนแฉด้วยภาพของหญิงสาวที่เลือดอาบหน้า (แม้มีหลายคนเชื่อว่าเป็นการพยายามเกลี่ยเลือดหรือจัดรูปให้ดูน่ากลัวกว่าเดิม) กระนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นกับกองหน้าชาวอังกฤษถูกสังคมตัดสินไปแล้วว่าลงมือทำจริงแม้ท้ายที่สุดเรื่องราวจะลงด้วยการยอมความก็ตาม
สิ่งเหล่านี้คือประเด็นสำคัญที่เล่นงานภาพลักษณ์ของสโมสรอย่างชัดเจนและเป็นเรื่องใหญ่ซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามหาทางออกที่ดีที่สุด
แต่ใช่ว่าประเด็นที่กล่าวมาจะมีเพียงแค่นั้น เพราะหลังจบเกมแพ้ อาร์เซน่อล ช่วงต้นเดือนดันมี 'ดราม่า' ใหม่ตามมาแบบติดๆ
เริ่มจากการให้สัมภาษณ์ของ เทน ฮาก ที่ระบุถึงสาเหตุไม่มีชื่อ เจดัน ซานโช่ ว่าเป็นเพราะนักเตะลงซ้อมได้ต่ำกว่ามาตรฐานและทำผลงานไม่เป็นไปตามที่สโมสรคาดหวัง
ทำเอา ซานโช่ ที่นิ่งๆ ต้องตอบกลับทันควันและกลายเป็นประเด็นร้อนทันที
"ขอความกรุณาอย่าเชื่อทุกๆ สิ่งที่คุณได้อ่านไป ผมจะไม่ปล่อยให้คนอื่นพูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงทั้งหมดออกมา ตลอดสัปดาห์นี้ผมทำหน้าที่ในช่วงลงซ้อมได้ดีมากๆ ผมเชื่อว่ามีเหตุผลอื่นที่ทำให้ผมไม่ได้อยู่ในทีม ผมถูกกระทำในฐานะแพะรับบาปมานานแล้ว ซึ่งมันไม่ยุติธรรมเลย
"สิ่งที่ผมต้องการทั้งหมดคือการลงเล่นฟุตบอลพร้อมรอยยิ้มที่อาบบนใบหน้าของผมและสร้างผลงานให้ทีมของตนเอง ผมเคารพทุกการตัดสินใจจากทีมงานผู้ฝึกสอน ผมเล่นร่วมกับบรรดานักเตะที่แสนวิเศษและรู้สึกยินดีในสิ่งเหล่านี้ ซึ่งผมรู้ว่าทุกๆ สัปดาห์คือการแข่งขัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามผมจะสู้เพื่อตราสโมสรนี้ต่อไป"
ไม่แปลกที่หลายคนคิดในทำนองที่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมีใครคนใดคนหนึ่งพูดโกหกหรือพูดไม่จริงทั้งหมด ไม่เช่นนั้นคงไม่มีการตอบโต้แบบนี้ออกมาอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่ชัดเจนคือสโมสรโดนผลกระทบไปเต็มๆ และยิ่งเกิดขึ้นหลังจากเกมแพ้ อาร์เซน่อล ทำให้บรรยากาศภายในทีมแย่ไปกว่าเดิม
ที่ผ่านมาหลายคนน่าจะได้เห็นรายงานจากสื่ออังกฤษที่กล่าวถึงการเจรจาระหว่าง เทน ฮาก กับ ซานโช่ ออกมาบ้างแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อว่าบรรยากาศไม่ได้ดีขึ้นแถมยังดูตึงเครียด
ที่น่าสนในคือรายงานจาก เดลี่ เมล ที่ระบุว่าเรื่องดังกล่าวร้อนถึงซีอีโออย่าง ริชาร์ด อาร์โนลด์ และ จอห์น เมอร์ทัฟ ผู้อำนวยการฟุตบอลต้องออกโรงเป็นคนไกล่เกลี่ย ซึ่งสัญญาณตอบรับถือว่าดีขึ้นเพราะทาง ซานโช่ ยอมลบโพสต์ตอบโต้ เทน ฮาก ออกไปแล้ว
กระนั้นคำถามสำคัญหลังจากนี้คือท่าทีของ เทน ฮาก ที่มีต่อนักเตะจะเป็นเช่นไร เพราะรายงานของฝั่ง ดิ แอธเลติก เผยว่ากุนซือชาวเนเธอร์แลนด์ยังคงไม่พอใจพฤติกรรมของ ซานโช่ ที่ไม่ยอมปรับปรุงตัวในการซ้อมช่วงที่ผ่านมา
สื่อเจ้านี้รายงานต่อไปว่า 'อีทีเอช' หงุดหงิดกับการมาสายของนักเตะและไม่มารายงานตัวให้ตรงกับเวลาที่กำหนดไว้ แถมยังคงแสดงท่าทีเฉื่อยชาเกียจคร้านไม่กระตือรือร้น
แถมเรื่องดังกล่าวเริ่มทำให้เพื่อนร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่พอใจเช่นกันเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการแสดงให้ถึงความไร้วินัยจนบางคนต้องเอาไประบายกับเทรนเนอร์และเข้าใจว่าทำไม เทน ฮาก ถึงต้องพูดตรงๆ ผ่านสื่อเช่นนั้น
คำตอบที่ชัดเจนคงเกิดขึ้นหลังจากนี้เพราะนักเตะคนอื่นๆ ที่เดินทางไปรับใช้ทีมชาติจะกลับมารายงานตัวอีกครั้งเพื่อเตรียมทีมรับมือ ไบรท์ตัน ซึ่งทุกคนน่าจะมีส่วนในเรื่องนี้โดยเฉพาะ เทน ฮาก กับ ซานโช่ ที่ต้องรีบเคลียร์ใจให้ชัดเจนโดยเร็ว
ท่าทีของ เทน ฮาก จึงเป็นเรื่องที่สำคัญและ 'อาจ' เป็นตัวตัดสินอนาคตในรั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด ของแนวรุกชาวอังกฤษ อยู่ที่กุนซือใหญ่จะให้โอกาสอีกครั้งหรือหมดแล้วซึ่งความอดทนที่มีให้นักเตะที่ชื่อ ซานโช่
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT