สงสารแฟนบอล
หลังจากชนะ 3 เกมรวดก่อนหน้านี้ซึ่งแต่ละนัดแทบรากเลือดกว่าจะกลับออกมาเป็นฝ่ายได้เฮ แต่พอสองนัดที่ผ่านมาดันเจอความพ่ายแพ้หมดรูปหรือต้องบอกว่าสู้คู่แข่งไม่ได้เลย
โดยเฉพาะนัดล่าสุดที่แพ้ นิวคาสเซิ่ล ในเวที คาราบาว คัพ ถึงจะเปลี่ยนแปลง 7 ตำแหน่งจากเกมพ่าย แมนฯ ซิตี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาข้อแก้ตัวอย่างสิ้นเชิง
จะอ้างอะไรมาก็แล้วแต่ไมว่าจะเป็นเพราะทีมชุดสองหรือขุมกำลังส่วนใหญ่นั่งอยู่ข้างสนามหรือแม้แต่อาการบาดเจ็บ ซึ่งหากจะพูดเช่นนั้นมันหมายถึงเป็นการยอมรับว่า ปิศาจแดง ไร้ศักยภาพเชิงลึกโดยสิ้นเชิง
สิ่งที่เห็นจากเกมวันอาทิตย์และเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาคือเรื่องของสภาพจิตใจที่ย่ำแย่หาทางแก้ไม่ตก ช่วงก่อนเสียประตูทำได้ดีแต่พอพลาดเพียงเล็กน้อยกลับกลายเป็นตัวจุดชนวนของหายนะที่ตามมา
ทั้งสองเกมคล้ายกันตรงจุดที่ทำได้ดีในช่วงแรก แต่พอโดนประตูออกนำทุกอย่างแทบจะจบลงทันที
ยิ่งนัดล่าสุดได้แสดงให้เห็นถึงสภาพจิตใจและแนวคิดที่แตกต่างจาก นิวคาสเซิ่ล ชนิดแทบเหมือนกับขั้วตรงข้าม เพราะ สาลิกาดง ยิ่งเล่นยิ่งคึก ยิ่งเล่นยิ่งสร้างความอันตราย ต่างจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ที่หาจุดเชื่อมโยงในเกมไม่ได้เลย เกมบุกไร้มิติ แถมการต่อเกมสะเปะสะปะไปหมด
แผลเน่าที่ก่อตัวมานานเริ่มส่งกลิ่นเหม็นและเหวอะหวะออกมาอย่างชัดเจน สีหน้าท่าทางที่แสดงออกราวกับคนที่สิ้นหวังหาทางออกไม่เจอที่ได้วนเวียนในเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา แสดงให้เห็นผ่านหน้าจอถ่ายทอดสดอย่างชัดเจน
เป็นเรื่องที่น่าห่วงกว่าผล นักเตะอาจผิดคำพูดตนเอง อาจทำในสิ่งที่ผิดแปลกไปจากอดีต แต่สิ่งหนึ่งไม่สมควรทำคือการทรยศแฟนบอลด้วยการเล่นแบบหมดใจไม่ให้เห็นหัวคนอื่นงานเพราะมันคือจุดหรือสารตั้งต้นของทีมฟุตบอลในยุคปัจจุบัน หากคุณเล่นพร้อมความมั่นใจ ความเชื่อมั่นที่ว่าผลลัพธ์จะออกมา มีความเชื่อมั่นในวิธีการ แต่สำหรับ ปิศาจแดง มันคือสิ่งตรงกันข้าม โดนเมื่อไหร่แทบหมดใจหาทางกลับไม่เป็น และดูเหมือนแต่ละคนไม่ได้มีเป้าหมายเดียวกัน
ไม่ต้องนับเวลาเจอทีมใหญ่ๆ หรือหัวตาราง ต่อให้เป็นฝ่ายออกนำคู่แข่งก่อนแต่พอโดนตีเสมอเมื่อไหร่ทรงเกมจะเสียไปเมื่อนั้น
ความต่อเนื่อง ความเอาจริงเอาจัง หรือการรักษาสภาพทรงเกมคือสิ่งสำคัญที่ถูกจี้จุดและตั้งคำถามมาอย่างต่อเนื่อง
เอริก เทน ฮาก หรือใครก็ตามที่ออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกมพยายามพูดสิ่งเดิมๆ พูดสิ่งที่คล้ายๆ กันว่า 'พวกเราจะกลับมา' ไม่ต่างจากโดนใครสะกดจิตให้พูดแบบนั้นตลอดเวลาที่ทีมพ่ายแพ้
สิ่งที่แฟนบอลต้องการคือการตอบสนองแบบเป็นรูปธรรมจับต้องได้ แน่นอนฟุตบอลมีแพ้มีชนะ แต่การปราชัยแบบหมดรูปสู้ไม่ได้ถือเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับ
ณ ตอนนี้คำถามคือทีมมีหัวใจสู้อย่างไม่ยอมแพ้อยู่หรือไม่ หรือพวกคุณสู้เพื่อใคร/อะไร นั่นคือสิ่งที่แฟนบอลต้องการคำตอบแบบชัดเจน
ภาพในสนามที่ผู้คนโหรงเหรงช่วงท้ายเกม เสียงเพลงจากทีมเยือนที่ดั่งสนั่นเหมือนกับเปลี่ยนเวทีฉลองชัยชนะ ยิ่งกัดกินหัวใจสาวกปิศาจแดงให้ปวดร้าวหนักยิ่งขึ้น
สายตาสีหน้าท่าทางของแฟนบอลใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด แสดงออกมาชัดเจน หลากหลายอารมณ์ที่แสดงผ่านสิ่งเหล่านั้นคือคำถามที่พุ่งไปยังทีมที่พวกเขารัก
ยังไม่นับแฟนบอลที่ชมเกมผ่านการถ่ายทอดสด เชื่อว่าหลายคนคงปิดไฟนอนตั้งแต่สกอร์ 0-3 ในช่วงที่เกมดำเนินมาครบหนึ่งชั่วโมงพอดี ส่วนใครที่ยังตั้งตาดูคงเป็นเพียงคนที่ไม่มีอะไรทำ หรือคนที่ต้องทำงานที่เกี่ยวโยงในสายนี้เท่านั้น
แม้บางครั้งการพ่ายแพ้ 0-3 สองเกมติดต่อกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แน่นอนมันสามารถเกิดขึ้นได้ แต่คำถามคือทีมได้สู้มามากพอแล้วหรือยัง นักเตะได้เรียนรู้แล้วหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่แฟนบอลต้องการได้คำตอบ
หากยังเป็นเช่นนี้เรื่อยๆ ต่อให้เปลี่ยนกุนซืออีกเป็นร้อยเป็นพันคนก็ยากในการเข็นทีม เพราะหากนักเตะยังคงเล่นแบบไม่มีใจ เล่นไปพร้อมสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก เล่นไปแต่ละนัดเหมือนแค่ลงไปทำงานให้มันจบๆ เกมไปเช่นนี้ ก็คงไม่ต่างจากคนที่ไร้จุดหมายรอหมดลมหายใจเท่านั้น
ฟุตบอลก็คืออาชีพหนึ่งไม่ต่างจากอาชีพอื่นๆ ที่เวลาทำงานและเวลาพักผ่อน แต่สิ่งที่ทำมันพิเศษเพราะมันคือกีฬาที่ยึดโยงกับแฟนๆ เป็นอย่างมาก สิ่งหล่านี้เป็นรากฐานทำให้แต่ละสโมสรอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
มีคำกล่าวที่ว่า 'อะไรก็เกิดขึ้นได้' ในโลกฟุตบอล แต่สิ่งหนึ่งไม่สมควรทำหรือให้มันเกิดขึ้นคือการทรยศแฟนบอลด้วยการเล่นแบบหมดใจไม่ให้เห็นหัวคนที่สนับสนุนอยู่ข้างหลัง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT