พลิกผันชั่วพริบตา
จากรูปเกมที่ได้เปรียบออกนำ 2-0 ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก ทุกอย่างดูเข้าทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเสียหมด เพราะทีมฉวยโอกาสได้ดีแถมปิดกั้นไม่ให้ โคเปนเฮเกน เล่นงานได้อย่างจะแจ้งสักเท่าไหร่
แต่ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อมีคำสั่งจาก วีเออาร์ ให้ตรวจสอบการเล่นของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก่อนที่ผู้ตัดสินจะควักใบแดงไล่หัวหอกชาวอังกฤษออกจากสนาม
วินาทีนั้นทำเอา เอริก เทน ฮาก เดือดดาลไม่เห็นด้วยกับการตัดสิน ซึ่งบทสรุปกลายเป็นว่าจากนำอยู่ดีๆ ถึงสองประตูดันมาโดนตีเสมอในช่วงท้ายครึ่งแรก ทำให้ความได้เปรียบที่มีมหลายหายไปทันตา
ตามมุมมองของ 'อีทีเอช' ที่กล่าวหลังจบเกมระบุว่าสองประตูที่ โคเปนเฮเกน ได้ช่วงท้ายครึ่งแรก (หรือแม้แต่ใบแดง) ไม่สมควรนับหรือต้องโดนปฏิเสธ เพราะประตูแรกมีนักเตะเจ้าถิ่นบังการมองเห็นของ อองเดร โอนานา ส่วนจังหวะจุดโทษนั้นกุนซือชาวเนเธอร์แลนด์ได้แต่ส่ายหัวพร้อมตั้งคำถามกลับไปยังผู้ตัดสิน
นั่นคือมุมมองของฝ่ายเสียเปรียบและเสียประโยชน์จากจังหวะเหล่านี้ ซึ่งจะว่าไปฤดูกาล 2023/24 มีหลายครั้งที่ วีเออาร์ หรือการรีวิวจากผู้ตัดสินใจไม่เข้าทาง ปิศาจแดง อยู่หลายจังหวะ
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตลอดอย่าง เทน ฮาก ได้แต่ถอนหายใจเพราะ 3 จังหวะช่วงท้ายครึ่งแรกได้ส่งผลต่อความได้เปรียบและรูปเกมของทีมอย่างชัดเจน
แม้ในครึ่งหลัง ยูไนเต็ด จะเอาคืนจากจุดโทษที่หนนี้ วีเออาร์ ติดสินเข้าทาง (สักที) แต่การเล่น 10 คนเป็นเวลานานทำให้นักเตะในสนามเกิดอาการล้า ซึ่งส่งผลชัดเจนเมื่อเกมดำเนินมาถึงช่วงท้าย
คนที่อดทนดูถ่ายทอดสดจนจบคงเห็นได้ว่าสองประตูช่วงท้ายครึ่งหลังที่เสียไปมาจากการเสียสมาธิหรือจังหวะประกบตัวที่พลาดไปเพียงเสี้ยววินาทีซึ่งได้ส่งผลหนักถึงขั้นไม่มีแต้มกลับออกมาจาก พาร์เค่น
ทั้งลูกตีเสมอ 3-3 ที่ถูก ลูคัส เลราเกอร์ ชาร์จจ่อๆ โดยทาง ดีโอโก้ ดาโลต์ ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามสอดจากด้านหลัง หรือประตูชัยของ โคเปนเฮเกน ที่ถูกสกัดมาเข้าทาง รูนี่ บาร์ดจี ซึ่งถอยหนี ดาโลต์ ก่อนฮาล์ฟวอลเล่ย์เสียบตาข่าย
กล่าวมาข้างต้นไม่ได้จะหาแพะหรือกล่าวโทษ ดาโลต์ เพราะเกมที่ผ่านมาทุกคนทำเต็มที่แถมต้องเล่น 10 คนเป็นชั่วโมง ทำให้ท้ายเกมแข้งขาล้าเป็นธรรมดา
แต่ที่จะกล่าวถึงคือเรื่องสมาธิในเกมที่ยังไม่นิ่งและสั่นคลอนอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถูกดดันหนัก แถมสองประตูช่วงท้ายมาจากจังหวะ 'คลาสสิก' เปิดบอลด้านข้างไปหวังผลในเขตโทษซึ่งดันเข้าทางเจ้าบ้านเสียทั้งหมด แถมยังเกิดความสับสนของผู้เล่น ยูไนเต็ด ที่ไปกองในจุดเดียวทำให้ผู้เล่น โคเปนเฮเกน มีโอกาสในพื้นที่อันตราย
จากชัยชนะที่อยู่ในกำมือ แต่ใบแดงที่เกิดขึ้นกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้เกมลงเอยอย่างที่เห็น นอกจากนั้นสถานการณ์ในกลุ่มยังเสียเปรียบสุดๆ เพราะสองเกมหลังจากนี้ต้องออกไปเยือน กาลาตาซาราย และรับมือ บาเยิร์น มิวนิค!!!
นั่นคือภารกิจที่ ปิศาจแดง ต้องเก็บให้ได้ 6 คะแนนหากหวังไปต่อในรอบ 16 ทีมสุดท้ายหรืออย่างน้อยหล่นลงไปเล่นใน ยูโรปา ลีก (เวทีที่คุ้นเคย ซึ่งหลายคนมองว่าดีไม่ดีก็คงปิ๋วเช่นกัน)
แต่สำหรับแฟนบอลหลายคนเห็นพ้องตรงกันว่า 'มันจนแล้วครับนาย' ด้วยผลงานเช่นนี้ไม่ต้องฝันถึงโอกาสเข้ารอบต่อไป เพียงแค่เก็บให้ได้สักคะแนนจากสองนัดหลังสุดก็นับว่าเก่งพอตัวแล้ว
แม้โอกาสหรือความเป็นไปได้ในทางทฤษฎียังคงมีอยู่ กระนั้นหากวัดจากผลงานของทีมกลับไม่มีใครเชื่อว่า ปิศาจแดง จะทำได้ ไม่เว้นแฟนบอลของสโมสรที่ปรามาสและทำใจล่วงหน้าไว้แล้ว
หากเป็นเช่นนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะทุกอย่างสะท้อนออกมาากผลงาน 3 วันดี 4 วันแย่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะแต่ละเกมที่ ผีแดง ลงสนามในซีซั่นนี้เหมือนกับการเสี่ยงดวงเพราะไม่มีใครรู้ว่าผลจะออกมาเป็นเชนไร (แม้ช่วงหลังจะเดาได้ง่ายๆ ว่าคงลงเอยในทิศทางแย่มากกว่าดี)
สิ่งเหล่านี้คือปัญหาที่ เทน ฮาก ยังคงแก้ไม่ตก จะว่าซวยก็ได้ทั้งในเรื่องนักเตะบาดเจ็บและ วีเออาร์ ที่ไม่เข้าทาง แต่หากพิจารณาไปยังทีมอื่นๆ ก็เจอปัญหาที่คล้ายๆ กันไม่มากก็น้อย แต่หลายทีมยังคงเอาตัวรอดคว้าผลการแข่งขันได้ตามต้องการ
ณ ตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องที่ฟังขึ้นหากมาโทษนู่นนี่นั่นไปหมด แถมแฟนบอลคงไม่อยากได้ยินคำแก้ตัวนอกเหนือจากผลงานในสนามที่ต้องดีขึ้นและจับต้องได้มากกว่านี้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT