เผชิญหน้าความเป็นจริง
ไม่ใชเรื่องแปลกประหลาดหรือชวนน่าตกใจหากพิจารณาจากผลงานก่อนหน้านี้ที่ทิ้งขว้างโอกาสไปเอง บางนัดควรจะได้ 3 คะแนนแต่ดันสะดุดขาหกล้มจนหน้าคะมำ ไม่ว่าจะปัจจัยด้านตัวผู้เล่นหรือการป้องกันที่หละหลวมก็เกิดขึ้นจากตนเองแทบทั้งสิ้น
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจึงได้มาซึ่งบทสรุปอย่างที่เห็นและเป็นเรื่องที่สมควรแล้วสำหรับ ปิศาจแดง ที่จะไม่มีฟุตบอลยุโรปให้ลงเล่นช่วงครึ่งหลังของซีซั่น
ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ (และไม่รู้จักจำ) ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งที่ได้โอกาสกลับไปโชว์ตัวบนเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้งแต่ดันสร้างผลงานไม่น่าอภิรมย์ซึ่งมาพร้อมเสียงวิจารณ์ทุกนัดที่ลงสนาม
นั่นคือบทสรุป 6 นัดจากรอบแบ่งกลุ่มที่ถือว่า 'ล้มเหลว' โดยสิ้นเชิง ทำให้ตอนนี้ต้องกลับมาทุ่มเทสมาธิให้กับการทำอันดับบนเวที พรีเมียร์ลีก (รวมถึง เอฟเอ คัพ ช่วงต้นปีหน้า)
กระนั้นผลงานในลีกของ ปิศาจแดง ออกมาในลักษณะลูกผีลูกคนอย่างที่เห็นมาโดยตลอดตั้งแต่เปิดซีซั่น แม้ว่าปัจจุบันตามหลังพื้นที่ 'ท็อป 4' เพียง 6 คะแนน (และตามหลังจ่าฝูง 10 แต้ม) แต่หากลงลึกไปยังรายละเอียดจะพบว่า ยูไนเต็ด มีฟอร์มการเล่นที่ไร้ความมั่นคงหรือต่อเนื่องเป็นอย่างมาก
อาจมีช่วงเวลาคว้าชัย 3 เกมรวดพร้อมสถิติไม่เสียประตู แต่บทจะพลาดก็พลาดแบบง่ายๆ และโดนถล่มอย่างหมดรูปเหมือนนัดล่าสุดที่โดน บอร์นมัธ กระทืบคาบ้าน
หลายนัดที่ ยูไนเต็ด ถูกตั้งคำถามเรื่องฟอร์มการเล่นซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในเกมที่ต้องเป็นฝ่ายปราชัย เพราะหลายครั้งที่ทีมเอาชนะก็ถูกตั้งคำถามถึงผลงานในสนาม
ยกตัวอย่างจากเกมถล่ม เอฟเวอร์ตัน 3-0 แน่นอนว่าหากพิจารณาเพียงแค่สกอร์ หลายคนคงคิดไปว่า ผีแดง ทำผลงานยอดเยี่ยมในการบุกคว้าชัย ณ กูดิสัน พาร์ก แต่หากใครได้ดูเกมดังกล่าวคงมองอีกแบบพราะ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ดาหน้าบุกหนักหลังจากโดนประตูแรกแต่เจ้าบ้านขาดเพียงจังหวะสุดท้าย และดูเหมือนเกมดังกล่างลูกบอลไม่อยากเข้าไปจูบตาข่ายของ ยูไนเต็ด เสียเท่าไหร่
หรือจะเกมเอาชนะ เชลซี 2-1 ที่หากคู่แข่งมีความเด็ดขาดเฉียบคมกว่านี้สกอร์ที่ออกมาอาจกลับตาลปัตรก็เป็นได้ เพราะ สิงโตน้ำเงินคราม สร้างโอกาสมากมายแต่ดันทิ้งขว้างไปเอง
สิ่งที่กล่าวมาเพียงจะอธิบายว่าบ้างครั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด มีโชคช่วยในการคว้าชัย (ซึ่งบางครั้งเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก) แต่หากสิ่งนั้นไม่เกิดขึ้นก็พร้อมจะพุ่งชนความปราชัยแบบยับเยินเหมือนหลายๆ เกมที่เกิดขึ้นในซีซั่นนี้ หรือต้องพ่ายแพ้ชนิดที่รูปเกมสู้ไม่ได้
เป็นปัญหาหลักของ เอริก เทน ฮาก ที่ต้องเผชิญหน้าในซีซั่นนี้และเป็นสิ่งที่แก้ไม่ตกเสียที ไหนจะเรื่องความพยายามเข็นทีมให้เล่นในรูปแบบที่เขาต้องการ ไหนจะการพาทีมคว้าผลการแข่งขันในแต่ละสัปดาห์ จึงไม่แปลกที่แทบจะไม่เห็นรอยยิ้มของเทรนเนอร์ชาวเนเธอร์แลนด์เลยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
นั่นเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่กลายมาเป็นคำถามของแฟนบอลว่าท้ายที่สุดแล้ว ปิศาจแดง ทีมนี้ยังคงหนุนแนวทาง 'อีทีเอช' ต่อไปหรือไม่ เพราะคำพูดกับการกระทำในสนามของนักเตะสวนทางกันอย่างชัดเจน
การเล่นที่ไร้มิติ การเข้าทำที่แทบจะเดาทางได้ตั้งแต่ต่อบอลขึ้นมา หรือแม้แต่การสอดประสานที่ไม่ปะติดปะต่อไม่มีความไหลลื่น ทุกอย่างแสดงออกมาให้เห็นตลอดจากการลงเล่นของผีแดง ยิ่งเวลาดวลกับทีมที่เหนือกว่าแผลเหล่านั้นจะเปิดออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนมากกว่าเดิม
บางครั้งต้องพึ่งปาฏิหาริย์ บางครั้งต้องอาศัยโชคช่วยกว่าจะเอาชนะมาได้ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ หรือเป็นไปในทุกครั้งที่ต้องการ
ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างของ เทน ฮาก คือบรรดาแนวรุกทำประตูได้น้อยมากในซีซั่นนี้ อย่างที่เคยกล่าวถึงในคอลัมน์ก่อนหน้าว่านี่คือปัญหาที่กลายมาเป็นโจทย์หลักของกุนซือใหญ่ เพราะเมื่อกองหน้าไม่สามารถทำหน้าที่ของตนเองอยางที่ควรเป็น จะกลายเป็นการสร้างภาระให้ตำแหน่งอื่นๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้
หลายนัดที่กองกลางหรือกองหลังต้องขึ้นมาแบกทีม ซึ่งเอาเข้าจริงอาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากมันเกิดขึ้นนานๆ ครั้ง แต่สำหรับ ยูไนเต็ด ซีซั่นนี้กลับกลายเป็นการพึ่งพาตำแหน่งอื่นๆ มากกว่าแนวรุกซึ่งนัดกันตีนบอดกันทุกคน
นั่นคือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในซีซั่นนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในการแก้ไขหรือปรับปรุงความมั่นใจที่เสียไปแล้วของบรรดาแนวรุกให้ดีขึ้นทันตา แต่สิ่งที่แฟนบอลอยากเห็นคือสัญญาณบ่งชี้ว่าทุกๆ อย่างกลับมาดำเนินไปในทิศทางบวกแม้จะเล็กน้อยก็ตาม ไม่ใช่มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ เช่นนี้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT