ค้อนตีแสกหน้า

จะว่าไม่แปลกก็คงไม่เกินเลย เพราะหากวัดจากผลงานในซีซั่นนี้ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้การปราชัยให้ เวสต์แฮม จึงเป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมาย

แม้รูปเกมที่ได้เห็น โดยเฉพาะ 45 นาทีแรกจะทำให้หลายคนอดเสียดายไม่ได้ เนื่องจากขุนพล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสออกนำก่อน แต่เป็นอีกครั้งที่แนวรุกจบสกอร์ 'ไม่เด็ดขาด'

สิ่งนั้นได้ส่งผลอย่างมากมาย เพราะหากทีมนำก่อนอะไรหลายๆ อย่างคงเปลี่ยนไปหรืออาจทำให้ ปิศาจแดง กลับออกมาพร้อมผลการแข่งขันที่ต้องการ

อย่างที่กล่าวมาหลายต่อหลายครั้งว่าฤดูกาลนี้ ยูไนเต็ด มีปัญหาในการจบสกอร์ ผลงานของบรรดาแนวรุกต่างหดหายไปพร้อมกัน และเกมล่าสุดยังคงตอกย้ำในเรื่องนั้น

การเข้าทำอาจจะดูดีขึ้น แต่เมื่อถึงจังหวะจบสกอร์หรือชี้เป็นชี้ตายดันพลาดเสียเองแบบไม่น่าให้อภัย หรือขาดๆ เกินๆ ไปเสียหมด

เกมที่ผ่านมาจึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ตอกย้ำในเรื่องนี้ ผิดกับฝ่ายตรงข้ามเมื่อมีโอกาสก็สามารถเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้ทันที 

ประตูแรกที่ เวสต์แฮม ทำได้ต้องชมทั้งการจ่ายบอลของ ลูคัส ปาเกต้า และความนิ่งของ จาร์ร็อด โบเวน 

ส่วนลูกสองมาจากความผิดพลาดของนักเตะปิศาจแดง แต่ต้องชม โมฮัมเหม็ด คูดุส ที่แสดงห้เห็นถึงความ 'เฉียบขาด' เมื่อโอกาสทองมาถึง

ไม่แปลกที่หลังจบเกมจะมีการแซว ผีแดง โดยเปรียบเทียบว่าหากจังหวะของ คูดุส เป็นนักเตะ ปิศาจแดง คงหนีไม่พ้นการยิงหลุดออกไปเองหรือกดติดเซฟผู้รักษาประตูโดยแน่แท้

สิ่งนั้นแสดงให้เห็นว่าขนาดแฟนบอลทีมอื่นๆ ยังมองเห็นจุดอ่อนหรือรูโหว่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เกิดขึ้นตลอดฤดูกาลนี้ และกลายมาเป็นปัญหาที่ทำเอา เอริก เทน ฮาก แก้ไม่ตก

เห็นด้วยที่ 'อีทีเอช' กล่าวหลังจบเกมว่า ปีศาจแดง ทำได้ดีก่อนเสียประตู เพราะจากรูปเกมที่เห็น ยูไนเต็ด พยายามเล่นงาน ขุนค้อน แต่กลับทำสกอร์ไม่ได้เอง ก่อนจะโดนตีแสกหน้าอย่างจังสองครั้งติดภายในระยะเวลา 6 นาที

ลูกแรกว่าแย่แล้วแต่เมื่อโดนเม็ดสองทำให้เกมแทบจะจบลงทัน และทุกอย่างเป็นไปแบบที่เห็นว่ารูปเกม ผีแดง นิ่งสนิทหลังจากโดนสอยตาข่าย

จะโทษลมโทษฝนโทษฟ้าหรือยกข้ออ้างอะไรมาก็ตามคงเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้นในตอนนี้ มีแค่ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานเพื่อคว้าผลการแข่งขันที่ดีมาให้ได้เท่านั้น

กับ 2 นัดสุดท้ายก่อนอำลาปี 2023 แฟนบอล ปิศาจแดง ได้แต่ภาวนาว่าทีมจะกระเตื้องขึ้นมาบ้าง ทว่าจากฟอร์มที่ได้เห็นกลายเป็นเรื่องยากจะคาดเดา และคงไม่แปลกหากหลายคนจะมองในแง่ร้ายเพราะมันไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว