หนังคนละม้วน
ทุกอย่างที่เห็นคือภาพเดิมๆ ที่เกิดขึ้นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้ เสียประตูง่าย, เกมรุกฝืด ที่สำคัญคือเมื่อมีโอกาสกลับทิ้งขว้างไปหมด
ไม่แปลกที่เสียงโห่ดังระงมส่งตรงจากอัฒจันทร์รอบสนาม มีเพียงกลุ่มกองเชียร์ แอสตัน วิลล่า ลิงโลดกับสกอร์ที่ปรากฎเมื่อผ่านครึ่งแรก
สีหน้าท่าทางของนักเตะ ปีศาจแดง บ่งบอกได้ชัดเจนถึงบรรยากาศอันมาคุ ไม่เว้นแต่ เอริก เทน ฮาก หน้าดำคร่ำเครียดอยู่บริเวณข้างสนาม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตรงกันข้ามกับความต้องการของ 'อีทีเอช'
ณ วินานั้นหากใครพูดขึ้นมาว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะพลิกกลับมาชนะคงกลายเป็น 'ตัวตลก' ในสายตาคนอื่นๆ หรือแม้แต่คิดว่า ผีแดง จะกลับมาสู่เกมก็คงไม่มีใครเชื่อพลางโดนหัวเราะใส่แน่นอน
หลักฐานชัดเจนคือเหตุการณ์ช่วง 45 นาทีแรกที่บ่งบอกทุกอย่างและกลายมาเป็นลางมรณะที่กำลังจะลาก แมนฯ ยูไนเต็ด ลงหลุมอีกครั้ง
แต่ทุกอย่างแปรเปลี่ยนเมื่อกลับมาลงสนามอีกครั้ง
บรรยากาศของขุนพลปีศาจแดงแผ่ออร่าบางอย่างออกมา ทุกคนดูมุ่งมั่นตั้งใจมากกว่าเดิมรวมถึงสีหน้าท่าทางที่ยังไม่ยอมแพ้
จุดเปลี่ยนสำคัญคือประตูแรกจากผลงาน อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่ต้องชมแนวรุกซึ่งสามารถต่อเกมเข้าทำได้อย่างดงาม แต่อย่าลืมไปว่าการเซฟของ อองเดร โอนานา ก็เป็นอีกเหตุการณ์ที่ทำให้ทีมยังคงตามหลังแค่ประตูเดียว
หากจังหวะชาร์จของ ลีออน เบลีย์ ผ่านมือผู้รักษาประตูแคเมอรูนในวินานั้น เชื่อว่าบทสรุปแตกต่างจากเดิมแน่นอน เพราะมันจะส่งผลต่อสภาพจิตใจที่ฮึกเหิมให้กลับมาห่อเหี่ยวทันตาอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อสกอร์ไล่มา 1-2 และผ่านพ้นการเสียประตูที่ 3 ทำให้ขุนพลปิศาจแดงเดินเกมต่อเนื่องต่างจาก วิลล่า ที่กลับกลายต้องลงไปตั้งรับเอนไปโอนมาต่างจากครึ่งแรก
ในที่สุดความพยายามของ ผีแดง ประสบผลจากจังหวะยิงแฉลบของ การ์นาโช่ ซึ่งวินาทีนี้ไม่ว่าจะเป็นประตูแบบไหน จะสวยหรือไม่ จะงดงามหรืออะไรก็ตามเชื่อว่าแฟนๆ ไม่เกี่ยงอย่างแน่นอน
ด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ณ ตอนนั้นแต่ก็เกือบดับสนิทในทันที ดีที่ลูกยิงของ จอห์น แม็คกินน์ ติดบล็อก จอนนี่ อีแวนส์ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญของชัยชนะนัดล่าสุด เพราะทีมรอดพ้นการเสียประตูจากจังหวะจะแจ้งสองหน ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจาก ปิศาจแดง ทำประตูได้ไม่นาน
เมื่อสกอร์กลับมาเท่ากันแถมรูปเกมเทมาฝั่งเจ้าบ้าน ทำให้ลูกทีม เทน ฮาก เหมือนได้ใจเดินหน้าต่อเนื่องก่อนจะเป็น ราสมุส ฮอยลุนด์ ปลดล็อกประตูในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ
วินาทีฉลองของกองหน้าเดนมาร์กเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเปทั้งสะใจ ดีใจ และปลดปล่อยแรงกดดันที่กดทับมานาน
ไม่ต่างจากแฟนบอลที่ต้องทดเห็นสภาพเลวร้ายในช่วง 45 นาทีแรก ก่อนจะกลายเป็นอารมณ์ปิติยินดีและกลายมาเป็นของขวัญเทศกาลคริสต์มาส
ถือเป็น 45 นาทีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แตกต่างจนแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือทีมเดียวกัน เพราะทุกอย่างกลายมาเป็นหนังคนละม้วน ทั้งผลงาน สภาพจิตใจ ความฮึกเหิม ความเอาจริงเอาจัง หรือแม้แต่โชคที่เทมาฝั่ง ปีศาจแดง แทบทั้งหมด
แต่คำถามสำคัญที่ตามมาหลังจากคว้าชัยชนะนัดล่าสุดคือ ปิศาจแดง จะรักษาความต่อเนื่องหรือจะปรับปรุงการเล่นให้มีความมั่นคงแน่นอกว่าที่เห็นได้หรือไม่
อย่าลืมว่าซีซั่นนี้ ยูไนเต็ด มีผลงานลุ่มๆ ดอนๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายสลับกันไปมาโดยตลอด แน่นอนว่าชัยชนะนัดล่าสุดต้องกล่าวชมทุกคนที่พลิกสถานการณ์กลับมาได้ แต่มันไม่ได้การันตีว่าจะเกิดขึ้นอยู่เสมอ (ซึ่งทุกคนก็คงประจักษ์แล้วจากผลงานที่ผ่านมา)
อยู่ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะสานต่อผลงาน 45 นาทีหลังของเกมล่าสุดได้หรือไม่ หรือต้องไปเริ่มต้นใหม่แบบล้มลุกคลุกคลานเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้ง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT