'รถบัส' กับ เอฟเอ คัพ นัดชิงฯ
ชัยชนะเหนือ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาส่งผลให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ารอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ และเข้าไปลุ้นคว้าโทรฟี่หนที่ 13 ของสโมสรกับรายการที่เก่าแก่ที่สุดในโลกใบนี้
เกมที่ผ่านมาออกมาครบรสชาติ สนุก, สูสี และบีบคั้นอารมณ์จนถึงวินาทีสุดท้าย
ทั้งสองทีมต่างลงสนามไปพร้อมกับความมุ่งมั่นทุ่มเท และกระหายที่จะเอาชนะ ซึ่งดูเหมือนว่า ไก่เดือยทอง จะทำได้ดีกว่าในช่วงต้นที่อาศัยความเร็วเล่นงานนักเตะ ปิศาจแดง จนระส่ำระสายและนำมาซึ่งการได้ประตูออกนำของทีมจากลอนดอน
จังหวะเสียประตูของ ผีแดง ต้องยอมรับว่าเป็นการทำเกมที่ยอดเยี่ยมของ สเปอร์ส บวกกับความผิดพลาดในแนวรับของลูกทีม โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ปล่อยให้คู่แข่งมีพื้นที่ในการเข้าทำ
แต่ ... จากที่ดูเหมือนว่าจะเป็นรองทั้งรูปเกมและสกอร์ นักเตะผีแดงกลับร่วมแรงร่วมใจฮึดสู้และนำมาอีกครั้งกับการพลิกแซงในท้ายที่สุด
การเข้าทำจาก 2 ประตูของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถือว่ายอดเยี่ยมทั้งจังหวะเปิดป้อนและเข้าสังหาร
ขอชมนักเตะทุกรายที่ลงสนามพร้อมกับความทุ่มเทที่ร่วมแรงจนนำมาซึ่งชัยชนะนัดสำคัญ
ทุกคนสมควรได้รับคำชมกับการทำหน้าที่ของตนเองในสนาม ไม่ว่าจะในพื้นที่ของตนเองหรือเพื่อทีม เพราะทุกอย่างมันแสดงออกมาจากเกมนัดล่าสุด
แนวรุกที่ควรจะเล่นเพื่อทำประตู แต่พวกเขาลงมาช่วยทีมเสมอและพร้อมกดดันตั้งแต่แดนคู่แข่ง
เราจะเห็นได้จากทั้ง โรเมลู ลูกากู ที่ขยันวิ่งกดดันปิดพื้นการผ่านบอลจากแนวรับของ สเปอร์ รวมไปถึง อเล็กซิส ซานเชซ และ เจสซี่ ลินการ์ด ที่คอยลงมาช่วย แอชลี่ย์ ยัง กับ อันโตนิโอ วาเลนเซีย
ยิ่งในตอนที่ทีมทำสกอร์แซงนำ นักเตะทั้ง 10 ราย (ไม่นับ เด เคอา) พยายามปิดพื้นที่ในการทำเกมรุกของ สเปอร์ส ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเจาะเข้ามาง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคพื้นดินและอากาศที่จะโดนนักเตะของเราสกัดกั้นและตัดกำลังได้หมดเกือบทุกจังหวะ
บริเวณริมเส้น ... อย่างที่เรียนไป นอกจากจะมี อ.ยัง กับ วาเลนเซีย บรรดาปีกสองข้างและแดนกลางจะคอยมาช่วยซ้อนอยู่เสมอ
หาก ไก่เดือยทอง พยายามเปลี่ยนมาเจาะตรงกลาง ทั้ง อันเดร์ เอร์เรร่า (เด่นมากในเกมนี้), เนมานย่า มาติช และ ปอล ป็อกบา ก็จะขยับบีบพื้นที่ไม่ให้ คริสเตียน เอริคเซ่น ผ่านบอลได้สะดวก
หรือ ถ้าหากมีบอลครอสหรือเปิดเข้าเขตโทษไปให้ แฮร์รี่ เคน หรือ เดเล่ อัลลี่ ก็จะมีภูผายักษ์อย่าง คริส สมอลลิ่ง (กำลังเข้าฟอร์ม) กับ ฟิล โจนส์ คอยปักหลักหวดลูกสวนออกมา
รูปเกมต่างกันชัดเจน อย่างที่เรียนไปว่า สเปอร์ส เริ่มต้นเกมได้ดุดัน วูบวาบ และ น่ากลัว และเกือบเจาะตาข่ายผีแดงได้มากกว่า 1 ด้วยซ้ำไป แต่นั่นก็คือ ไก่เดือยทอง พวกเขาอาจจะมีความหวือหวา ทว่าความคงเส้นคงวาและยืนระยะนั้นยังคงเป็นจุดอ่อนของพวกเขา
ต่างจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ที่กรำศึกมาอย่างโชกโชนเขารู้วิธีรับมือกับเรื่องดังกล่าว และพยายามถ่ายทอดวิธีการนั้นไปยังลูกทีม
ใช่ ... ทีมโดนไปก่อนก็จริง แต่ก็อย่างที่เห็นว่าท้ายที่สุดทีมก็กลับมาได้ (อีกครั้ง)
ยิ่งในช่วงท้ายเกม ที่แม้ว่า ไก่เดือยทอง จะครองเกมบุกและกดดัน แต่เอาเข้าจริงพวกเขากลับไม่มีจังหวะทำอันตรายใส่เราเลย
ใครจะว่านำแล้วหันมาเน้น 'รถบัส' ก็ช่างเขา เพราะนี่คือวิธีการของ มูรินโญ่ ที่อ่านมาแล้วว่าลูกทีมทำได้ และการจัดการในเกมรับนัดที่ผ่านมาก็แสดงได้เป็นอย่างดี แถมยังมีจังหวะสวนกลับประปรายให้แฟนผีได้ลุ้นเป็นระยะ
เหมือนกับที่ มูรินโญ่ คอยพร่ำบอกเสมอ บางครั้งการคุมเกมก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับทีมที่มีบอลกับตัวอยู่เสมอ เพราะบางครั้งฝ่ายที่ลงไปตั้งรับก็สามารถคุมกระแสของเกมได้เช่นกัน
ประมาณว่า 'แน่จริงมึงก็บุกมาสิ เพราะยังไงสุดท้ายก็เจาะกูไม่เข้า' มูรินโญ่ อาศัยการครองพื้นที่และตัดจังหวะอันตรายรวมไปถึงการปิดกั้นการเข้าทำของฝ่ายตรงข้าม
ครั้นจะให้เดินหน้าเปิดเกมรุกต่อเนื่องก็ยังไงอยู่ เพราะอย่าลืมว่าฝ่ายตรงข้ามคือ สเปอร์ส ทีมที่มีพื้นที่เข้าทำเมื่อไหร่จะแสดงพิษสงออกมาได้น่ากลัว ซึ่งการปิดพื้นที่อย่างนัดที่ผ่านมาถือเป็นวิธีการที่ดีแล้ว
เราจะเห็นได้ว่า 45 นาทีหลัง นักเตะ ปิศาจแดง เล่นอย่างใจเย็นและรัดกุม รอคอยอาศัยจังหวะเล่นงานตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตะบี้ตะบันบุกแบบไม่มีแบบแผน
ว่าไปแล้วนี้คือหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดเกมหนึ่งที่แนวรุกของ ผีแดง ประสานงานกันได้ดี ไม่ต้องมากจังหวะแต่ประสิทธิภาพเหลือล้น และ 2 ประตูที่เกิดขึ้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทีมหลุดเข้าไปลุ้น โทรฟี่ สมัยที่ 13
แต่ของอย่างนี้มัน 'นานาจิตตัง' ยิ่งสไตล์การเล่นนี่มันเป็นความชอบส่วนตัวของใครของมัน
บางคนชอบรุกสนุกบุกแหลกไม่สนว่าผลงานจะเป็นอย่างไร คือ 'ขอกูมันไว้ก่อน'
บางคนเน้นรัดกุม เอาชัวร์ อย่าแพ้ไว้ก่อนเป็นดี
บางคนเน้นสมดุล ทุกรุกรับสอดประสานกันลงตัว
อันนี้ก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน ...
สำหรับ มูรินโญ่ เขามีรูปแบบของตนเองที่เขามั่นใจและเชื่อมั่นอยู่เสมอ แม้จะโดนตำหนิติเตียน, แซวเล่น หรือ ต่อว่า แต่นี่คือสิ่งที่นำกุนซือคนนี้ให้เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลก
รถบัสเอย, โชว์เฟอร์เอย ก็ว่ากันไป ขำๆตามประสาโลกฟุตบอลที่การจิกกัดถือเป็นสีสัน
แต่ 'โชว์เฟอร์' จาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด รายนี้กำลังจะพาทีมลุ้นแชมป์อีกครั้ง
ถึงจะเป็น 'รถบัส' แปะป้าย มูรินโญ่ ทว่า รถคันดังกล่าวกลับประดับประดาไปด้วยถ้วยแชมป์
ดีกว่าบรรดารถซิ่งคันงาม (แต่ผุใน) ที่ดีแค่ท่อดังแต่พอถึงเวลากลับเร่งไม่ขึ้น
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT