ใครไป-ใครมา?
โดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับภารกิจสำคัญในการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยที่ 13 มาครองให้จงได้
แต่คู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศคือกระดูกชิ้นโตจากลอนดอนอย่าง เชลซี ที่มีความต้องการไม่น้อยไปกว่ากันกับการที่พวกเขาไม่อยากจบฤดูกาลไปพร้อมกับมือที่เปลือยเปล่า
นี่จึงเป็นการแข่งขันของสองทีมใหญ่ประจำเกาะอังกฤษซึ่งจะเป็นการตัดสินถึงเกียรติยศประจำฤดูกาลนี้ รวมไปถึงความสำเร็จที่จับต้องได้ที่ทุกวันนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งยวด
โดยเฉพาะ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือปิศาจแดง ที่เคยเปรยออกมาแล้วว่าหากฤดูกาลนี้จบลงแบบมือเปล่า เขาและลูกทีมเตรียมโดนถล่มแหลกได้เลย
นั่นคือทิศทางที่เป็นไปในโลกฟุตบอลปัจจับุน ความสำเร็จคือตัวตัดสินทุกอย่าง ไม่มีคำว่า 'รอคอย ' หรือ 'สร้างทีม' แบบเป็นไปเหมือนเมื่อก่อน สิ่งที่สำคัญสุดคือความสำเร็จที่จับต้องได้แบบปัจจุบันทันด่วน
มันเป็นแรงกดดันของกุนซือยุคปัจจุบันที่ต้องประสบพบเจอโดยเฉพาะในสโมสรใหญ่ๆ ที่ความสำเร็จต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด
ยิ่งในสโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิ่งเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาทีมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในยุคของ 'ป๋า' หรือ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่บันดาลความสำเร็จมาตลอดระยะเวลากว่า 27 ปี
จึงไม่แปลกใจที่แฟนบอลที่เติบโตมาในยุคนั้นจะเสพติดความสำเร็จ และอยากให้สโมสรคงอยู่กับคำว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษ
ยิ่งโลกเปลี่ยนไป หลายทีมพัฒนาขึ้นมา บวกกับมาตรฐานของทีมที่ตกลงไป จึงไม่แปลกที่ช่วงหลังแฟนบอลจะหัวร้อนยามที่ทีมมีผลงานไม่ดี และส่วนสำคัญคือการเกิดขึ้นของ โซเชียล มีเดีย ที่เป็นตัวกระตุ้นอารมณ์แฟนบอลได้เป็นอย่างดี
ถึงตรงนี้ ปิศาจแดง ยังเหลือเกมในลีกอีก 3 นัดก่อนจะมุ่งหน้าไปยัง เวมบลีย์ เพื่อลงชิงชัย เอฟเอ คัพ 2018
ระหว่างทางคือการเก็บเกี่ยวความมั่นใจ ผลงาน, ผลการแข่งขัน รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆนับจากนี้จะถูกนำไปพิจารณาก่อนที่ 11 ตัวจริงในวันที่ 19 พ.ค. นี้จะประกาศออกมา ...
ระหว่างทางที่กำลังดำเนินไปสะกิดใจกับบทสัมภาษณ์ล่าสุดของ มูรินโญ่ กับกรณีเรื่องตลาดซื้อขายนักเตะในช่วงหน้าร้อนนี้
แฟนบอล เร้ด อาร์มี่ คงทราบถึงกระแสข่าวในรั้วนักเตะโดยเฉพาะบรรดาส่วนเกินที่ไม่ค่อยได้ลงสนามอย่างในช่วงที่ผ่านมา ที่ต้องการย้ายไปหาโอกาสกับสโมสรอื่นๆ
ชื่อที่โผล่ออกมาคือ ดาเล่ย์ บลินด์ และ มัตเตโอ ดาร์เมียน รวมไปถึง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ช่วงหลังถือเป็นกระแสข่าวที่มาแรงขึ้นเรื่อยๆ หรือจะเป็นการต่อสัญญากับ มารูยาน เฟลไลนี่ ที่ยังคงยืดเยื้อไม่เจอบทสรุปสักที
ยิ่งในกรณี บลินด์ กับ ดาร์เมียน ทั้งสื่อและแฟนบอลต่างเห็นตรงกันว่านี่คงเป็นฤดูกาลสุดท้ายของทั้งสองคนในสีเสื่อ ยูไนเต็ด เพราะอยู่ไปก็แทบจะไม่ลงแถมสัญญาก็เหลือเพียงปีเดียว การปล่อยไปในราคาที่เหมาะสมน่าจะดูเป็นเรื่องที่ 'วิน-วิน' ทุกฝ่าย
แต่ ...
มูรินโญ่ กลับแสดงความต้องการที่จะเก็บนักเตะไว้ในทีมนี่สิ ไม่รู้ว่าพูดทีเล่นทีจริง หรือเพียงแค่ต้องการกวนประสาทนักข่าว (ตามนิสัย) อย่างที่เคยเป็นมาในอดีต
พูดง่ายๆคือ 'เล่นลิ้น' และไม่ยอมไหลตามน้ำไปกับข่าวที่ออกมา
"ไม่มีใครในรายงานของผมที่ส่งไปให้บอร์ดบริหารและเจ้าของสโมสรว่าผมอยากขายทิ้ง ไม่มีสักคน ไม่มีนักเตะสักรายที่ผมอยากขายออกไป"
"เมื่อนักเตะต้องการจากไป เพราะถ้าสัญญาของเขาหมดลง เขาสามารถทำได้ แต่เมื่อเขายังคงมีสัญญา เขาก็ไม่สามารถทำได้"
"จนถึงตอนนี้ ไม่มีนักเตะคนไหนก็ตามที่มาพูดกับเราว่าอยากย้ายทีม ไม่มีนักเตะที่มาพูดกับเราถึงเรื่องนั้น จากเรื่องดังกล่าว ผมไม่คิดว่าผมต้องมาตอบคำถามพวกคุณ (นักข่าว)"
"ผมต้องการเก็บพวกเขาเอาไว้ แน่นอนว่ามีนักเตะคนเดียวที่จากทีมไป คือ ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่เราต้องแทนที่ด้วยนักเตะอีกคน"
เป็นการพูดที่ชัดเจนซึ่งพ่นออกมาจากรูปากของบุรุษจากโปรตุเกส
สิ่งที่เอ่ยออกมาสามารถตีความไปได้ 2 ทิศทาง มันอาจจะมีความหมายแฝงอยู่ข้างในคำพูดเหล่านี้ หรือ อาจจะไม่มีอะไรเลยและมันมาจากความในใจของ มูรินโญ่
หากมองในมุมแรกก็คือเป็นการเล่นกับสื่อที่คอยพยายามถามเรื่องราวเหล่านี้ ซึ่ง มูรินโญ่ เองก็ต้องพูดแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่ตัดสินใจว่าจะอยู่หรือไปคือนักเตะ
ทางบอร์ดบริการเองก็ต้องรอดูสถานการณ์ โดยเฉพาะ บลินด์ กับ ดาร์เมียน ที่เหลือสัญญาเพียงปีเดียว หากมีทีมที่ยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจจะปฏิเสธการปล่อยนักเตะออกไปก็อาจจะเป็นหนทางที่ดีกับทุกฝ่าย
"ผมคิดว่าเมื่อผู้เล่นสักคนต้องการที่จะไปแล้วมันสมเหตุผ มีข้อเสนอที่ดีเข้ามาที่สโมสร เราจะรับพิจารณา เพราะพวกเราพยายามอยู่เสมอที่จะให้ผู้เล่นมีความสุข"
"ดังนั้นหากความสุขสำหรับพวกเขาหมายถึงการออกไป ก็ต้องมาดูกัน แต่พวกเขาต่างอยู่ในแผนการทำทีมของผม ผมไม่ต้องการขายพวกเขาและต้องการเก็บ พวกเขาไว้"
ส่วนกรณีของ มาร์กซิยาล นี่ก็ต้องตามดูกันต่อไป สัญญาของเขาก็เหลือถึงปี 2019 ซึ่งต้องวัดใจกันแล้วว่านักเตะอยากฝากอนาคตด้วยการต่อสัญญาออกไปหรือหาสิ่งใหม่ที่เขาคิดว่า (อาจจะ) ดีกว่า
หลายทีมสนใจเซ้งต่อปีกชาวฝรั่งเศสวัย 22 ปีรายนี้ แน่นอน เขามีศักยภาพเรื่องฝีเท้าที่เมื่อเข้าฟอร์มเมื่อไหร่ก็อันตรายเมื่อนั้น แต่ปัญหาที่เป็นเรื่องสำคัญของเขาคือ 'สภาพจิตใจ'
เรื่องดังกล่าวเปรียบเสมือน 'กำแพง' ที่ยังคงขวางกั้น มาร์กซิยาล ไม่ให้ก้าวไปในจุดที่ดีกว่าปัจจุบัน
เส้นทางของ มาร์กซิยาล ยังคงเปิดกว้างและทางเลือกของเขาก็ยังทอดยาว แต่เขายังต้องการฝากมันไว้กับ ปิศาจแดง หรือไม่นั้น? อันนี้ต้องรอดูต่อไป
สำหรับ เฟลไลนี่ อันนี้ทราบกันดีและเป็นเรื่องง่ายๆในการตัดสิน
หนึ่ง หากตอบตกลงอยู่ต่อ เราจะได้เห็นกองกลางทีมชาติเบลเยียมสวมเสื้อ ปิศาจแดง ต่อไป
สอง หาก 'ไม่' นี่จะคือปีสุดท้ายของเขากับชีวิตในรั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด ...
... ที่น่าสนใจกว่าคือ ใครกันล่ะที่จะเข้ามาใหม่ในซัมเมอร์นี้ เพราะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า มูรินโญ่ จะเดินหน้าหากองกลางตัวใหม่เพื่อมาแทนที่ ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่ประกาศเลิกเล่นไปก่อนหน้านี้
กุนซือใหญ่แห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ประกาศด้วยตนเองว่าจะมีนักเตะแดนกลางเข้ามาใหม่แน่นอน 1 รายเพื่อแทนการขาดหายไปของ คาร์ริค
ถึงตรงนี้แฟนบอลก็คาดเดาไปต่างๆนานา กับบรรดารายชื่อมิดฟิลด์ที่เคยมีข่าวกับ ยูไนเต็ด
ที่ผ่านมาๆมาก็ อาทิ ...
ฌอง เซรี่ ของ นีซ
เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช จาก ลาซิโอ
จอร์จินโญ่ สังกัด นาโปลี
วิคเตอร์ วานยาม่า ของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
หรือ แม้แต่ โทนี่ โครส กองกลางตัวหลักจาก เรอัล มาดริด
แต่ละรายถือว่าฝีเท้าไม่ธรรมดาและมีเอกลักษณ์ของตนเอง โดยเฉพาะ โครส ที่แฟนผีแดงต่างยกมือว่านี่คือกองกลางที่เข้ามาแล้วยกระดับทีมได้แน่อน แต่ติดที่ว่า ราชันชุดขาว จะขายหรือไม่?
หรืออย่าง เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช ที่ถือว่าเป็นคนรู้จักมักจี้กับ เนมานย่า มาติช ในทีมชาติเซอร์เบีย แต่ก็ติดตรงราคาที่แพงเกินไป
หรือ ... จะเป็น จอร์จินโญ่ ที่ถือว่าครบเครื่องเรื่องมิดฟิลด์ตัวกลางที่ได้ทั้งรุกและรับทำให้อดนึกถึง รอย คีน เสียไม่ได้ แต่ก็ต้องเจอการแข่งขันกับทีมอื่นๆ ที่สนใจกองกลางทีมชาตอิตาลีรายนี้เช่นกัน
นั่นคือสิ่งที่ออกมาตามหน้าสื่ออังกฤษที่พยายามออกรายชื่อมาให้แฟนบอลได้ลุ้นพอหอมปากหอมคอ แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า มูรินโญ่ มีชื่ออยู่ในใจแล้วว่าเขาอยากได้ใครเข้ามา
แต่ก็มีบางกระแสที่ระบุว่าจะไปหาของใหม่ให้เสียเงินมากมายทำไม? ทำไมไม่ลองใช้ของที่มีอยู่อย่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ หรือ อันเดรียส เปเรร่า ที่ออกไปหาประสบการณ์ในสเปนมาถึง 2 ฤดูกาล
อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบ ซึ่งถือเป็นเรื่อง นานาจิตตัง
แล้วคุณล่ะคิดว่าหากของเก่าไป ของใหม่ที่กำลังจะมานั้นควรจะเป็นใครกันดี? ...
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT