เรื่องของผีกับคนหมักเหล้า
ไม่ได้ดูถูกหรือดูแคลน แต่ด้วยความห่างชั้นทำให้ส่วนตัวมองทะลุไปถึงรอบต่อไปแล้วว่าจะเจอกับใครดี
แต่มิวายมีบางทีมแอบแช่งในใจและหวังว่าปิศาจแดงจะสะดุดคารังตนเอง ซึ่งขอบอกว่า 'เสียใจด้วยนะ'
เกมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาทั้งสองทีมไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ เดอะ บรูเออร์ส ต่างจัดนักเตะชุดสองลงสนาม
ปิศาจแดงเปลี่ยน 9 ตำแหน่ง โดยมี เซร์คิโอ โรเมโร่, อันเดร์ เอร์เรร่า และ ไมเคิ่ล คาร์ริค ได้ออกสตาร์ตตัวจริงเป็นหนแรก ส่วน วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ กับ คริส สมอลลิ่ง ได้โอกาสอีกครั้งหลังจากเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดเจอกับ บาเซิ่ล
ส่วนทีมเยือน เอ่อ ... (ต้องขอบอกว่าชื่อกระดิกหูน้อยมาก) จัดชุดผสมลงมา โดยมี ลอย ดายเออร์ อดีตนักเตะเลสเตอร์ ซิตี้ และ ลุค วาร์นี่ย์ อดีตดาวยิงของชาร์ลตัน แอธเลติก ลงสนาม ส่วน สตีเฟ่น วอร์น็อค เป็นตัวสำรอง
เริ่มเกมถือว่าทำได้ดี เบอร์ตัน ไม่เกรงกลัวและสู้ไม่ถอย แต่มาโดนสอยประตูจากจังหวะเปิดเกมบุกหนแรกของปิศาจแดงที่ต่อเกมกันสวยงาม
จากนั้นเกมตกเป็นของเจ้าถิ่นชัดเจน แต่ส่วนตัวมองว่าจุดเปลี่ยนสำคัญเลยคือจังหวะเซฟของ เซร์คิโอ โรเมโร่ ที่ปัดลูกชิพของ โจ เมสัน เอาไว้ได้แบบสุดยอด
ลูกนั้นร้อนถึง โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องกระโดดออกมาจากซุ้มม้านั่งสำรอง และเป้าคงหนีไม่พ้น วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่พลาดในจังหวะนั้น
จังหวะดังกล่าวเป็นบอลโด่งแต่กองหลังทีมชาติสวีเดนกลับโขกไม่ดีบอลโดนหัวไหล่กระดอนไปหา ลุค วาร์นี่ย์ กระชากเข้าเขตโทษก่อนจะแทงถึง โจ เมสัน กระดกติดมือโรเมโร่
หากลูกนั้นเข้าไปคงทำให้งานของปิศาจแดงหนักขึ้น แม้จะมีความห่าง 1 ประตู และรูปเกมที่เหนือกว่า แต่ด้วยกำลังใจของ เบอร์ตัน ที่จะเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ทำให้เป็นเรื่องที่มูรินโญ่ไม่อยากให้เกิดขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า มูรินโญ่ คิดถูกในเรื่องการดร็อปลินเดอเลิฟจากเกมพรีเมียร์ลีก เขามองว่ากองหลังชาวสวีดิชจะเจอปัญหาแน่นอนกับการเล่นลูกกลางอากาศซึ่งมันเห็นได้ชัดเจนจากจังหวะนั้น
แม้จะวัดอะไรไม่ได้เพราะมันแค่จังหวะเดียว แต่จังหวะดังกล่าวเกือบทำให้เสียประตู และนั่นน่าจะเป็นบทเรียนสำคัญของลินเดอเลิฟ
ไม่มีใครสงสัยใครฝีเท้า แต่เรื่องของความนิ่ง หัวจิตหัวใจ และสไตล์ฟุตบอลที่ต่างไปจากลีกอื่นๆ ทำให้มูรินโญ่ยังคงต้องเคี่ยวเข็ญ และบ่มให้ลินเดอเลิฟสุกงอมกว่านี้แบบค่อยเป็นค่อยไป
สุดท้ายไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างที่บอกไป ชัยชนะ 4-1 ทำให้ปิศาจแดงตบเท้าเข้ารอบต่อไปเจอกับ หงส์ .............. ขาว สวอนซี
ทิศทางการเล่นที่ออกมาทำให้โชเซ่ มูรินโญ่ ดูจะพออกพอใจโดยเฉพาะทัศนคติของบรรดาตัวสำรองและแนวรุกที่มูมู่มองว่าทำได้ยอดเยี่ยม
แนวรุกเล่นกันได้อย่างคึกคัก เต็มไปด้วยพลังและความมุ่งมั่น แม้จะเจอทีมที่อ่อนชั้นกว่าแต่พวกเขาไม่อ่อนข้อพร้อมใส่เต็มที่ให้สมกับเป็นมืออาชีพ
ตัวสำรองก็เช่นกัน แม้จะไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามแต่เมื่อได้มาแล้ว พวกเขาก็แสดงให้เห็นว่าพร้อมช่วยทีมเสมอ
ไมเคิ่ล คาร์ริค ยังคงความเป็นกองกลางตัวคุมเกมที่คอยกระจายบอลและคุมจังหวะ ประตูแรกนั้นไงที่ขาแทงเข้าเขตโทษให้ลินการ์ดสะกิดต่อถึงแรชฟอร์ด หรือจะจังหวะเอาตัวรอดที่ทำได้สบายๆ แม้จะโดนกดดันแบบประชิดตัว นั่นก็มาจากประสบกาณณ์ล้วนๆ
"พวกเขาทุกคนอยากลงสนาม พวกเขาพร้อมที่จะเล่น"
"พวกเขาทั้งหมดต้องการใช้ทุกนาทีที่ลงสนามเพื่อพิสูจน์และพยายามทำให้ผลงานออกมาน่าพอใจ"
"ผมสนุกมากกับสิ่งที่ได้เห็น นั่นคือความสนุกในเกม ซึ่งโดยรวมแล้วพวกเราสนุกไปกับมัน"
อีกหนึ่งประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ลุค ชอว์
แบ็กซ้ายชาวอังกฤษหายหน้าไปนานและมีโอกาสกลับมาลงสนามอีกครั้งในครึ่งหลังเกมล่าสุด
มูรินโญ่ พร้อมปรับระบบโดยการถอด ฆวน มาต้า ออกไปแล้วให้ชอว์ลงเล่นวิงแบ็กซ้าย พร้อมกับหุบ ดาเล่ย์ บลินด์ เป็นยืนเป็นสามเซ็นเตอร์ร่วมกับ ลินเดอเลิฟ และ สมอลลิ่ง
ถ้าถามในมุมมองส่วนตัว คิดว่าชอว์ยังเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ จังหวะต่างๆยังขาดๆเกกินๆ และดูจะยังไม่เข้าใจกับเพื่อนร่วมทีมในวิธีการเล่น การเติมเกม และยืนพื้นที่ (ถึงจะหลุดไปทำประตูได้ก็ตามในจังหวะล้ำหน้า)
หากมองในแง่ดีก็คงพูดได้ว่านักเตะเพิ่งกลับมา ขอเวลาปรับตัวอีกสักพัก แต่สำหรับมูรินโญ่เขาจะรอหรือมีโอกาสให้กับชอว์มากน้อยสักแค่ไหน อันนี้ค่อนข้างน่าสนใจ แต่มันก็เป็นเรื่องดีที่ทีมได้นักเตะกลับมาซึ่งเวลาต่อจากนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ชอว์จะต้องพิสูจน์ตนเองว่าพร้อมที่จะกลับมาทวงตำแหน่งในทีมหรือไม่ ...
... แม้จะป็นเกม คาราบาว คัพ ที่หลายทีมอาจจะมองข้ามความสำคัญ
แม้จะเป็นการเจอกับทีมที่อยู่ก้นตาราง แชมเปี้ยนชิพ แต่รูปเกมและการแสดงออกของนักเตะปิศาจแดงนั้นสำคัญกว่า
ความเป็นมืออาชีพคือสิ่งที่สำคัญ สิ่งเหล่านี้ต้องถูกแสดงผ่านการเล่น การให้เกียรติฝ่ายตรงข้าม รวมไปถึงการให้เกียรติกับโอกาสที่ได้รับนั้นมันจะส่งผลให้กับนักตะในระยะยาว
เหมือนอย่างที่มูรินโญ่ย้ำว่าตอนนี้้ทุกคนกำลังเดินมาถูกทาง และทำในสิ่งที่ถูกต้อง
เขาสามารถจัดนักเตะลงสนามได้เพียงครั้งละ 11 คนเท่านั้น แต่บรรดานักเตะที่เหลือในทีมก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับสถานการณ์ข้างหน้า อย่าได้นิ่งนอนใจและเพิกเฉย เพราะนั้นหมายความว่า 'คุณจะโดนตัดออกไปได้โดยง่าย'
ความเป็นมืออาชีพที่มูรินโญ่พยายามถ่ายทอดให้ลูกทีมคือพวกเขาต้องรู้หน้าที่ ต้องรู้ว่าตนเองสามารทำอะไรให้กับทีม ทั้งนี้ไม่ได้จำกัดที่ว่าจะอยู่ในสนามหรือม้านั่งสำรอง
ทุกคนต้องคอยตระหนักถึงสิ่งนี้อยู่เสมอและพยายามช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นั่นแหละจะทำให้ทีมเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคงและกลมเกลียว
ย้ำอีกรอบ แม้จะเป็นการเอาชนะทีมเล็กๆ ที่มีฉายาว่า 'คนหมักเหล้า' ที่คงเอาไปคุยโวในวงกาแฟหรือวงเหล้าไม่ได้มากนัก แต่สิ่งที่นักเตะแสดงออกมานั้นสำคัญกว่า
เพราะมันสามารถต่อยอดดำเนินต่อไปและทำให้นักเตะมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT