เหตุผลที่ 'ฮาเมส' ต้องลงตัวจริง
ตัวทำเกมชาวโคลอมเบียพิสูจน์ผลงานมาอย่างมากมายทั้งในระดับทีมชาติและสโมสร โดยเฉพาะผลงานในระดับชาติที่ ฮาเมส ถือเป็นตัวความหวังของทุกคนในทีม
ในระดับสโมสร ฮาเมส ต้องพยายามขึ้นไปอีกขั้นเพราะการมาอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค นั้น ใช่เพียงจะมีเพียงฝีเท้า แต่การรักษาระดับของผลงานก็สำคัญไม่ต่างกัน เพราะทีมนี้อุดมไปด้วยซูเปอร์สตาร์ที่พร้อมห้ำหั่นเพื่อแย่งลงสนาม
ช่วงที่ผ่านมา ฮาเมส อาจจะหายหน้าหายไปจากทีมชุดใหญ่ เหตุมาจากอาการบาดเจ็บที่ติดตัวมาตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2018 รวมไปถึงการเรียกความฟิตที่ต้องใช้เวลาทำให้ กองกลางชาวโคลอมเบีย เพิ่งลงสนามเป็นตัวจริงให้พี่เสือในฤดูกาลนี้ไปเพียง 2 เกมเท่านั้น
แต่ ...
จากสถิติและข้อมูลที่ผ่านมา ฮาเมส ถือเป็นแข้งที่สำคัญของ บาเยิร์น ทั้งในแง่ของฝีเท้าและสถิติ ซึ่งเราได้นำมาให้ทุกท่านได้รับทราบ ถึงเหตุผลที่ นิโก้ โควัช ควรส่ง ฮาเมส ลงสนามเป็นตัวจริง
ชัยชนะที่มาพร้อม ฮาเมส
สถิติจากฤดูกาล 2017/18 ยามที่ ฮาเมส ลงสนามเป็นตัวจริงให้ พี่เสือ ปรากฏว่ายอดทีมของบุนเดสลีกาพาทีมคว้าชัยไปได้ 16 จาก 19 เกม ซึ่งติดเป็นจำนวน 84%
นอกจากนี้ค่าเฉลี่ยของคะแนนที่ทีมได้มานั้นอยู่ที่ 2.5 ต่อเกม มากกว่าตอนที่ไม่มี ฮาเมส ที่ 2.4 แต้ม
แม้คะแนนเฉลี่ยจะไม่ต่างกันมาก แต่หากมองไปที่ค่าเฉลี่ยที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะแล้วนั้น ตอนที่ทีมไม่มีฮาเมสลงสนามเป็นตัวจริงจะตกลงไปอยู่ที่ 73%
นอกจากนี้ สถิติบ่งบอกว่า 8 เกมในเวทีบุนดสลีกาที่ ฮาเมส ทำสกอร์ได้ บาเยิร์น สามารถเอาชนะคู่แข่งไปได้ทั้งหมด
ทักษะชั้นยอด
เมื่อมองไปที่ขุมกำลังของ บาเยิร์น มิวนิค นักเตะที่เล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ตามธรรมชาติมีเพียง ฮาเมส โรดรีเกซ คนเดียวเท่านั้น
(แนวรุกที่เหลือ อาทิ ฟร้องค์ ริเบรี่, อาร์เยน ร็อบเบน, คิงส์ลี่ย์ โกมัน และ แซร์ช นาบรี้ ต่างเป็นปีก หรือ ติอาโก้, โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ และ เลออน โกเร็ตซ์ก้า ก็เป็นผู้เล่นในแผงมิดฟิลด์)
อีกทั้งทักษะของกองกลางวัย 27 ปีก็หาตัวจับยาก ด้วยเท้าซ้ายช่างทองสามารถฉีกแนวรับด้วยการจ่ายบอลเพียงครั้งเดียว หรือสร้างโอกาสให้กับทีมด้วยวิสัยทัศน์อันเฉียบแหลม
นอกจากนั้น ฮาเมส ยังสามารถฉีกไปเล่นในด้านกว้าง หรือสามารถช่วยทีมได้ในตำแหน่งมิดฟิลด์ ซึ่งถือเป็นทางเลือกของกุนซือในการวางแผนลงสนามในแต่ละเกม
นักเตะที่เล่นเพื่อทีม
ต่อยอดจากข้อที่แล้ว แม้ตำแหน่งดั้งเดิมจะเป็น 'เพลย์เมกเกอร์' แต่ที่ผ่านมา ฮาเมส ก็สามารถปรับเปลี่ยนการเล่นไปตามที่กุนซือต้องการ
ตัวอย่างชัดเจนในฤดูกาลที่ผ่านมา เมื่อทาง จุ๊ปป์ ไฮย์เกส อดีตกุนซือบาเยิร์นจัดการปรับตำแหน่ง ฮาเมส ให้อยู่ต่ำลงไปกว่าเดิม แม้จะโดนตำหนิและวิจารณ์จากสื่อในทีแรก แต่ผลงานสนามกลับกลบเสียงเหล่านั้นให้หายไป
การที่ ฮาเมส ถูกสั่งให้ลงต่ำไปกว่าเดิมในแผงกองกลาง สิ่งที่ได้มานั้นคือกองกลางวัย 27 ปี สามารถมีส่วนร่วมกับเกมและสามารถเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้รวดเร็ว
นอกจากนี้ ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เบนฟิก้า เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โควัช ก็จัดการให้ ฮาเมส เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ทางซ้ายในระบบ 4-3-3 โดยมี ฆาบี มาร์ตีเนซ เป็นตัวคุมเกม และ เรนาโต้ ซานเชส อยู่ทางขวา
สิ่งนั้นยิ่งทำให้ประสิทธิภาพของ ฮาเมส เฉิดฉายขึ้นกว่าเดิม และมีส่วนกับเกมรุกมากขึ้น รวมไปถึงทีมที่เขามีส่วนในการเชื่อมเกมและช่วยในแนวรับ
ไม่แปลกใจถึงความสามารถที่หลายคนยกย่องว่า 'คนเก่งเล่นตรงไหนก็จะสามารถฉายแววความสามารถออกมาได้'
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT