โมนาโก 'อยู่' หรือ 'รอด'
มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่มีอะไรแน่นอนในโลกฟุตบอล จากทีมที่อยู่บนหัวตารางกลับต้องมารั้งท้ายและหนีตายในอีก 3 เกมที่เหลือของ ฤดูกาลนี้
นั่นคือสถานการณ์ของ โมนาโก ที่ติดลมบนอยู่หัวตารางของลีก 'แดนน้ำหอม' แต่มาวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เพราะเส้นทางต่อสู้ของพวกเขาคือการเอาตัวรอดให้ได้
หากติดตามลีก เอิง ฝรั่งเศสมาตั้งแต่ต้นฤดูกาลคงได้เห็นวิบากกรรมของ โมนาโก อย่างแจ่มแจ้ง เลโอนาร์โด้ ชาร์ดิม เทรนเนอร์ที่พาทีมคว้าแชมป์ต้องแยกทางกับสโมสรเพราะผลงานที่ตกลงไปและเป็น เธียร์รี่ อองรี ที่บอร์ดบริหารหวังให้เข้ามากอบกู้
แต่มันก็ไม่เป็นไปตามที่หวังและทำให้ อองรี ต้องเก็บกระเป๋าออกจาก สต๊าด หลุยส์ II ซึ่งทีมกลับไปหาน้ำพริกถ้วยเก่าอย่าง ชาร์ดิม อีกครั้ง
การกลับมาของ ชาร์ดิม ช่วยให้ทีมมีผลงานที่ดีขึ้นและดูเหมือนว่าจะเอาตัวรอดได้ไม่ยาก ทว่าหลังจากเกมบุกชนะ ลีลล์ 1-0 เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โมนาโก กลับไม่ชนะใครเลยในอีก 6 เกมต่อจากนั้น
นับเป็นผลงานที่น่าผิดหวังอย่างมากเพราะช่วง 6 เกมที่ว่านั้นพวกเขาคว้ามาได้เพียง 3 แต้ม และตนนี้เหลือ 3 เกมสุดท้ายกับการนำทีมดันดับที่ 18 อย่าง ก็อง อยู่ 3 คะแนน
ปัญหาของ โมนาโก หากมองให้ลึกไปลงมันเริ่มมาตั้งแต่ที่พวกเขาคว้าแชมป์ได้ในฤดูกาล 2016/17
แกนหลักที่ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ทยอยอำลาทีมไม่ว่าจะเป็น คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ และ ตีเยมูเอ้ บากาโยโก้ แม้พวกเขาจะประคองตนเองให้ตบอันดับ 2 ในซีซั่นต่อมาแต่การต้องมาเสีย, โตมาส์ เลมาร์, ฟาบินโญ่ และ ชูเอา มูตินโญ่ ออกไปมันกับส่งผลเสียและไปเปิดแปลที่กำลังจะเน่าเฟะ
คนเก่าจากไปแต่คนใหม่ที่มาแทนกลับไม่สามารถทดแทนช่องว่างที่หายไปอีกทั้งการดำเนินงานด้านการซื้อขายนักเตะก็ผิดพลาดจนโดนตำหนิว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของผลงานที่ตกลงไป
นโยบายการดึงนักเตะอายุน้อยมาปั้นและค่อยปล่อยออกไปถือว่าไม่ปิด แต่การดำเนินงานไปพร้อมกับดาวรุ่งที่ขาดประสบการณ์และไม่มีบรรดาแข้งเก๋ามาคอยประคับประคองจึงเป็นที่มาของผลงานที่ตกลงไปอย่างน่าใจหาย
ฤดูกาลนี้พวกเขาอาศัยพลังหนุ่มในการเข้าสู้ มีบ้างที่ทำได้ดี แต่เมื่อไปเจอบรรดาทีมที่เก๋าเกมกว่าและเขี้ยวลากดิน จึงไม่แปลกที่ โมนาโก ต้องกลับออกมาในฐานะผู้แพ้
คนที่ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆคือ ไมเคิ่ล เอเมนาโล่ ที่สโมสรดึงตัวมาทำงานตั้งแต่พฤศจิกายน 2017 แต่เวลาเพียงปีเศษเขาก็ต้องถูกอัปเปหิออกไป เพราะส่วนหนึ่งของผลงานทีย่ำแย่มากจากการดำเนินการนโยบายดึงนักเตะของ ผู้อำนวยการกีฬาคนนี้
(อีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญอย่างมากคือการบาดเจ็บของนักเตะหลายคนในทีมที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล และส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน)
มันเหมือนปฏิกิริยาลูกโซ่ที่เริ่มจากผลงานอันย่ำแย่ในสนามซึ่งส่งผลให้ อองรี ต้องออกจากตำแหน่งเทรนเนอร์ ไล่มาถึง เอเมนาโล่ และท้ายที่สุดคือ วาดิม วาซิลเยฟ ที่ต้องอำลาตำแหน่งรองประธานสโมสร
เป็นการล้างไพ่ใหม่ของ ดมิทรี รีโบลอฟเลฟ เจ้าของสโมสรชาวรัสเซียที่ระบุว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยน แม้จะทำใจได้ยากแต่หากดูจากผลงานแล้วสโมสรต้องรีบแก้ไขเพราะหากช้ากว่านี้อาจจะถลำลึกจนเกินแก้ไข
อย่างที่เรียนไป หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเริ่มดีขึ้น ผลงานของ โมนาโก เริ่มเป็นชิ้นเป็นอันกว่าเดิม แต่ตอนนี้กลับต้องมานั่งกุมขมับและลุ้นใน 3 เกมที่เหลือ
เริ่มจากนัดต่อไปที่จะออกไปเยือน นีมส์ ในวันเสาร์นี้ ซึ่งทีมตราจระเข้ถือเป็นจอมแสบในซีซั่นนี้แถมผลงาน 6 เกมหลังสุดก็เอาชนะไปได้ 4 เกม
ชัดเจนว่าเป็นงานหนักของ ชาร์ดิม และบรรดาลูกทีมที่ต้องบุกไปคว้าสามคะแนนนอกมาซึ่งมันอาจจะเป็นจะกำหนดทิศทางโอกาสของพวกเขาหลังจากนั้น
เกมรองสุดท้ายก็ไม่ง่ายเพราะต้องรับมือ อาเมียงส์ หนึ่งในทีมที่ลุ้นหนีตาย ที่ตอนนี้สถานการณ์ดีกว่าเพราะมีคะแนนำ โมนาโก 1 แต้ม และเกมสุดท้ายที่เหมือนกับถูกกำหนดมาให้ โมนาโก ต้องมาวัดกับ นีซ อริไม่เผาผีในเกมดาร์บี้ เฟร้นช์-ริเวียร่า (ที่คงมีความสุขหากเป็น โมนาโกต้องหลุ่นไปเล่นลีก เดอซ์ ในฤดูกาลต่อไป)
3 เกมสำคัญกับ 3 ทีมที่ล้วนแล้วแต่เป็นคู่แข่งที่ไม่ง่าย ซึ่งทาง โมนาโก ต้องฟันฝ่าให้ได้หากว่าพวกเขายังอยากอยู่รอดในลีก เอิง
สถานการณ์บีบรัด ทุกคะแนนมีความหมายตอนนี้สิ่งที่พวกขาต้องสนใจมากที่สุดคือตนเองที่ต้องคว้าชัยชนะให้ได้ตามเป้าหมาย
น่าสนใจว่า โมนาโก จะเอาตัวรอดได้หรือไม่ เพราะหากพวกเขาสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่สุดแสนอันตรายนี้ไปได้ เท่ากับว่าจะมีเวลาเตรียมทีมและจัดระเบียบสำหรับฤดูกาลต่อไป
แต่ถ้าพลาดท่าหล่นชั้นก็เท่ากับว่าต้องไปเริ่มใหม่ พร้อมกับต้องเสียนักเตะคนสำคัญที่พร้อมย้ายสโมสรเพื่อเล่นในเวทีที่สูงกว่า
มันจึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของ โมนาโก ว่าท้ายที่สุดจะสามารถรักษาสถานะทีมใน ลีก เอิง ได้หรือไม่
น่าติดตามอย่างยิ่ง ...
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT